เปิดตัว OPPO Reno4 และ Reno4 Pro กล้องหลัง 3 ตัว รองรับ 5G พร้อมชาร์จไว 65W

OPPO เปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ 2 รุ่นจากซีรี่ส์ Reno4 ในประเทศจีน ได้แก่ OPPP Reno4 และ OPPO Reno4 Pro โดยที่มือถือรุ่นใหม่ 2 รุ่นนี้ถูกวางตำแหน่งไว้เป็นสมาร์ทโฟนแบบ upper mid-range มากับกล้องคุณภาพที่เหมาะกับการถ่ายวิดีโอ และไฮไลท์ที่น่าสนใจมากๆเลย คือ มือถือซีรี่ส์ OPPO Reno4 นั้นมีความบางและเบา

สเปคของ OPPP Reno4 และ OPPO Reno4 Pro

หน้าจอ

OPPO Reno4 Pro ถือเป็นดาวเด่นจากซีรี่ส์นี้ ซึ่งมันมากับหน้าจอ Full HD+ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว แบบขอบโค้งมน refresh rate 90Hz และ touch sampling rate ที่ 180Hz ส่วน Reno4 ตัวธรรมดาจะมากับหน้าจอ Full HD+ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว แบบ flat panel และทั้ง 2 รุ่นมากับกล้องหลัง 3 ตัวเหมือนกัน แต่รุ่น Pro จะมากับกล้องที่สเปคแรงกว่า 

น้ำหนัก

Reno4 ตัวธรรมดาน้ำหนัก 183 กรัม และบางเพียง 7.8 มิลลิเมตร ส่วน Reno4 Pro นั้นจะมีความบางกว่านิดนึงที่ 7.6 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 172 กรัม ซึ่งเป็นมือถือรองรับ 5G ที่มีน้ำหนักเบาที่สุด ณ ตอนนี้

ชิปประมวลผล RAM และหน่วยความจำ

มือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ใช้ชิปประมวลผลตัวเดียวกัน คือ Snapdragon 765G และใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 620 ที่สนใจมากๆคือ มันมีระบบระบายความร้อน liquid cooling ให้โทรศัพท์ไม่ร้อนจนเกินไปเมื่อมันต้องทำงานหนักๆ ที่สำคัญ คือ ทั้ง 2 รุ่นรองรับการใช้งาน 5G

ส่วนเรื่อง RAM และหน่วยความจำนั้น แบ่งเป็นดังนี้

  • Reno4 ตัวธรรมดา จะมากับ RAM 8GB และความจุให้เลือก 2 ขนาด คือ 128GB และ 256GB
  • Reno4 Pro จะเพิ่มตัวท็อปขึ้นมาอีกรุ่น คือ RAM 12GB ความจุ 256GB

OPPO Reno4 Pro

OPPO Reno4

สเปคกล้อง

กล้องถือเป็นจุดขายของมือถือ 2 รุ่นนี้ โดยที่

  • Reno4 ตัวธรรมดา – กล้องหลักมากับเซนเซอร์ 48MP IMX586 f/1.7 | เลนส์ Ultrawide เก็บภาพ 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล | กล้องเซนเซอร์ ขาว-ดำ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล | กล้องหน้าเป็นแบบ punch-hole โดยกล้องตัวหลักความละเอียด 32 ล้านพิกเซล และกล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
  • Reno4 Pro – กล้องหลักจะเหมือนกับตัวธรรมดา แต่จะมีระบบกันสั่น OIS มาให้ | เลนส์ Ultrawide เก็บภาพ 120 องศา ใช้เซนเซอร์ 12MP IMX708 1.4 ไมครอน f/2.2 | เลนส์ telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.4 ซูมแบบ optical ได้ถึง 5 เท่า และซูมแบบดิจิตอลได้ถึง 20 เท่า | กล้องหน้ามีตัวเดียว ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
  • ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับเซนเซอร์เลเซอร์โฟกัส
  • ทั้ง 2 รุ่นมากับอัลกอริทึม ultra-clear low light ของ OPPO ซึ่งเป็นอัลกอริทึมตัวใหม่ที่ไว้ถ่ายภาพตอนกลางคืน หรือภาพที่แสงน้อย และถ่ายวิดีโอแบบ colorful night
  • ทั้ง 2 รุ่น รองรับเทคโนโลยี Video Anti-Shake 3.0 ของ OPPO เมื่อใช้งานเซนเซอร์ ultrawide เช่นเดียวกับระบบกันสั่นของกล้องหน้า
  • ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับโหมด live HDR Video และการถ่ายวิดีโอที่หน้าจออัตราส่วน 21:9 อีกทั้งยังมากับโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ Soloop video editor ของ OPPO ซึ่งสามารถผลิตวิดีโอคุณภาพสูงจากมือถือตระกูล Reno4 ได้
  • ทั้ง 2 รุ่นรองรับความละเอียดระดับ 4K ที่ 30fps และการถ่ายแบบสโลโมชั่น 720p ที่ 240fps จากกล้องหลัง ส่วนกล้องหน้า สามารถ่ายวิดีโอได้ที่ 1080p ที่ 30fps
  • ทั้ง 2 รุ่นมากับซอฟ์ทแวร์ระบบกันภาพสั่นการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้า และ อัลกอริธึม AI Smart Beauty ที่ช่วยปรับความชัดเจนของการถ่ายเซลฟี่ให้ดีขึ้น รวมถึงการแก้ไขภาพถ่ายที่เบลอเวลาแสงสลัวๆ

OPPO Reno4

OPPO Reno4 Pro

แบตเตอรี่

มือถือทั้ง 2 รุ่นมากับแบตเตอรี่ 4000 mAh พร้อมระบบชาร์จไว SuperVOOC fast charging 65W

  • สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 60% ในเวลา 15 นาที
  • สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 100% ในเวลา 36 นาที

สีของมือถือ

  • Reno4 ตัวธรรมดา มีให้เลือก 3 สี คือ Daimond Blue, Black และ White
  • Reno4 Pro มีให้เลือก 2 สี คือ Reno Glow Blue กับ Reno Glow Red

สเปคอื่นๆที่น่าสนใจ

OPPO Reno4 Pro จะมาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอคู่ ระบบเสียง Dolby Atmos

ราคา

  • Reno4 ตัวธรรมดา
    • RAM 8GB ความจุ 128GB ราคา 2,999 หยวน หรือประมาณ 13,340 บาท
    • RAM 8GB ความจุ 256GB ราคา 3,299 หยวน หรือประมาณ 14,670 บาท
  • Reno4 Pro
    • RAM 8GB ความจุ 128GB ราคา 3,799 หยวน หรือประมาณ 16,900 บาท
    • RAM 12GB ความจุ 256GB ราคา 4,299 หยวน หรือประมาณ 19,120 บาท

สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นเปิดให้พรีออเดอร์ในประเทศจีนแล้ว และจะขายทั้งทางช่องทางออนไลน์และออฟไลน์จริงๆวันที่ 12 มิถุนายน 2020 ส่วนสีพิเศษ Pantone Summer Green Edition จะเริ่มขายวันที่ 18 มิถุนายน 2020 ในราคา 4,299 หยวน หรือประมาณ 19,120 บาท

นอกจากมือถือใหม่ 2 รุ่นแล้ว OPPO ยังเปิดตัวหูฟัง True Wireless รุ่นใหม่อย่าง OPPO Enco W51 ใน event นี้ด้วย

ที่มา : Gizchina