Netflix อาจเลิกปล่อยซีรีย์ทีเดียวทั้งซีซั่น เป็นทยอยปล่อยอาทิตย์ละตอน เพื่อเพิ่มยอดสมัครสมาชิก

ดูเหมือนตอนนี้ Netflix กำลังพิจารณาว่าจะเอาระบบ binge-release model ออกดีหรือไม่?

binge-release model เป็นกลยุทธ์แบบ all-at-once release หรือรูปแบบการปล่อยซีรีส์ทั้งซีซั่นในทีเดียว ทำให้เกิดวัฒนธรรม binge watching ที่หลายๆ คนอดหลับอดนอนดูซีรีส์มาราธอนแบบม้วนเดียวจบ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Netflix

ถึงแม้มันจะเป็นกลยุทธ์ที่ Netflix ใช้แล้วประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้ใช้ให้เข้ามาสมัครสมาชิกเพื่อใช้บริการ แต่ปัจจุบันสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่ก็ยังคงต้องดิ้นรนเพื่อรักษาฐานสมาชิกเอาไว้รวมถึงหาผู้ใช้หน้าใหม่เพื่อให้บริการนั้นเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ

หลังจากสูญเสียสมาชิกทั่วโลกกว่า 200,000 ในช่วงรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของเดือนเมษายน 2022 ตั้งแต่นั้นมา นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความสามารถของ Netflix ในการจัดการกับการสูญเสียสมาชิกจำนวนมากรวมไปถึงการแข็งขันกับบริการสตรีมมิ่งเจ้าอื่นๆ

นอกจากนี้ นักลงทุนมองและเตือนว่าอาจมีปัญหาที่ตามมาในอนาคตโดยคาดการณ์ว่า Netflix อาจจะสูญเสียสมาชิกแบบชำระเงินทั่วโลกถึง 2 ล้านรายในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

ทาง Netflix เองกำลังพิจารณากลยุทธ์หลายตัวอยู่ในขณะนี้ โดย Reed Hastings ซีอีโอร่วมกล่าวว่าบริษัทกำลังสำรวจระดับบริการที่มีราคาต่ำลงแต่มีการรองรับโฆษณาเพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่หลังจากที่บริษัทต่อต้านการมีโฆษณาบนแพลตฟอร์มมาหลายปี

Peter Csathy ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Creative Media กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าอย่าคิดว่ากลยุทธ์แบบ binge viewing นั้นจะอยู่ไปตลอด และเชื่อว่ากำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาและตัดสินใจของบริษัท

Stranger Things 4 Netflix
Stranger Things 4 เป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมสูงมากในตอนนี้

Netflix ได้ทดลองรูปแบบการเปิดตัวคอนเทนต์ใหม่ที่ต่างกัน และมองว่าการแบ่งซีซั่นออกเป็น 2 ส่วน (แทนที่จะปล่อยออกมารวดเดียวทั้งหมด) อาจเป็นหนึ่งในวิธีสมาชิกยังรับได้และพึงพอใจอยู่ โดยซีรีส์ Stranger Things ซีซั่นที่ 4 ปล่อย 7 ตอนแรกออกมาเมื่อ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา และมีการทำลายสถิติโดยมีการรับชมเกือบ 287 ล้านชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีการระบุว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการปล่อยซีรีส์ออกมารวมเดียวหมดกับทุกเรื่อง รวมถึง Netflix ยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ คาดว่าตอนนี้ทุกอย่างอยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่

ที่มา : CNBC