L’Oréal อวด นวัตกรรม บิวตี้เทค เพื่อความยั่งยืน ที่งาน Viva Technology 2023

L’Oréal เผยโฉม นวัตกรรม บิวตี้เทค ความงามสำหรับปัจเจกบุคคลและเพื่อส่วนรวม มุ่งสร้างความยั่งยืน ที่งาน Viva Technology 2023

ลอรีอัล กรุ๊ป เปิดตัว นวัตกรรม บิวตี้เทค ที่ออกแบบมาเพื่อสร้าง “ความงามสำหรับทุกคนและความงามเพื่อแต่ละคน” ที่งาน วีวา เทค (Viva Technology) งานเทคโนโลยีและสตาร์ตอัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ณ กรุงปารีส นวัตกรรมต่าง ๆ ที่ L’Oréal นำมาแสดงในครั้งนี้ มุ่งเน้นให้เห็นถึงความงามในฐานะพลังขับเคลื่อนเพื่อสิ่งที่ดีงามทั้งสำหรับปัจเจกบุคคลและเพื่อส่วนรวม ครอบคลุมทั้งนวัตกรรมความงามอัจฉริยะและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ไปจนถึงอุปกรณ์วินิจฉัยด้านความงามที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้า เพื่อสร้างความงามรูปแบบเฉพาะสำหรับบุคคล ความงามในโลกเสมือนจริง และความงามที่ทุก ๆ คนเข้าถึงได้

โซลูชันตัวเด่น ๆ จากบู้ธของลอรีอัลที่ VivaTech ซึ่งได้รับการนำเสนอผ่านรูปแบบการสร้างประสบการณ์ร่วมนั้น แสดงถึงความเชี่ยวชาญในการดึงประโยชน์จากพลังของดาต้า เทคโนโลยี และ AI เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ดีขึ้น และสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการความงามที่คัดสรรมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลของแต่ละคนอย่างแท้จริง

นอกจากผลงานนวัตกรรมต่าง ๆ ของบริษัทแล้ว บิวตี้เทคคือส่วนงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของลอรีอัล กรุ๊ป มีพนักงานที่ดูแลเฉพาะในส่วนบิวตี้เทคกว่า 5,900 คน มีบริการออนไลน์กว่า 800 บริการ และมีการเข้ารับบริการกว่า 40 ล้านครั้งในปี 2565 ทั้งยังมีหมุดหมายแสดงความสำเร็จมากมาย ตั้งแต่อุปกรณ์ที่สร้างเสริมประสบการณ์ความงามใหม่ ๆ เครื่องมือวินิจฉัยสภาพผิวและเส้นผมล้ำยุค บรรจุภัณฑ์ที่มี QR Code สำหรับแสกนเพื่อเพิ่มประสบการณ์ร่วมให้ผู้บริโภคกว่า 1 พันล้านชิ้น ไปจนถึงการได้รับรางวัลจากงาน CES Innovation Awards ถึง 6 รางวัลในปี 2566

“สำหรับงาน VivaTech ในปีนี้ เราได้รวบรวมนวัตกรรมบิวตี้เทคอันเป็นเลิศ ในด้านการสร้างผลกระทบเชิงบวกมาไว้ด้วยกัน” นายนิโคลา ฮิโรนิมุส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กรุ๊ป กล่าว

“เราช่วยให้ทุก ๆ คนสามารถสนุกกับความงามได้อย่างเท่าเทียมและเป็นไปในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ ด้วยการทุ่มเททรัพยากรของเราเพื่อผลักดันเทคโนโลนีเกิดใหม่ต่าง ๆ ซึ่งจะมาช่วยให้ทุกคนเข้าถึงความงามอัจฉริยะและมีความยั่งยืนนี้”

“นวัตกรรมระดับนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากปราศจากความเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของทีม Beauty Tech เช่นเดียวกับโปรแกรมนวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation) ผ่านการสร้างพันธมิตรกับบริษัทสตาร์ทอัพและผู้นำด้านเทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้นที่สุดของโลก เรามีความภาคภูมิใจที่ได้แบ่งปันการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน VivaTech กับพวกเขา” นางสาวบาร์บารา ลาเวอร์นอส (Barbara Lavenos) รองซีอีโอฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีของลอรีอัล กล่าว

“ทุกวันนี้ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ไม่ได้เพียงแค่ช่วยให้เราสามารถนำเสนอบริการใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนกับผู้บริโภคของเราได้เท่านั้น แต่ยังช่วยพลิกโฉมเราจากทรัพยากรวิจัย ไปสู่ทรัพยากรบุคคล และไปจนถึงงานผลิตหรือค้าปลีก เพื่อสรรค์สร้างอนาคตของความงาม”

“บิวตี้เทคเชื่อมต่อเรากับผู้บริโภคนับพันล้านคนจากทั่วโลก และทำให้เราเข้าใจความต้องการที่แตกต่างและมีวิวัฒนาการอยู่ตลอดของพวกเขา เราสามารถเสริมสร้างความแตกต่างหลากหลายไม่รู้จบของผู้คนได้ในระดับที่แม่นยำและตรงตามความต้องการเฉพาะของแต่ละคนได้ในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะในโลกเสมือนจริงหรือโลกของความเป็นจริง” นางสาวอัสมิตา ดูเบย์ ประธานบริหารฝ่ายดิจิทัลและการตลาดของลอรีอัล กรุ๊ป กล่าว

 L’Oréal นวัตกรรม บิวตี้เทค

สำหรับการเข้าร่วมงาน VivaTech ในปีที่ 7 นี้ ลอรีอัลจะจัดแสดงนวัตกรรมล่าสุดที่ขับเคลื่อนด้วยเทคและการสร้างพันธมิตรทางเทคโนโลยีต่าง ๆ เริ่มจากโซลูชันบิวตี้เทคเพื่อรองรับความหลากหลายทุกรูปแบบและเพื่อความยั่งยืน อาทิ

  • HAPTA โดยลังโคม ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกายสามารถลงเมคอัพได้ด้วยตัวเองอย่างแม่นยำ
  • เครื่องมือวินิจฉัยและให้คำแนะนำด้านสภาพผิวและเส้นผม อาทิ SPOTSCAN จาก ลา โรช-โพเซย์, META PROFILER™ โดยจิออร์จิโอ อาร์มานี และ K-SCAN โดยเคเรสตาส
  • โซลูชันบิวตี้เทคเพื่อสร้างความงามสำหรับเฉพาะบุคคล อาทิ 3D shu:brow โดย ชู อูเอมูระ เครื่องช่วยเนรมิตคิ้วสวยระดับมืออาชีพได้ที่บ้าน L’Oréal Paris COLORSONIC เครื่องสร้างสรรค์สีผมสวยงามที่บ้านได้โดยไม่ต้องยุ่งยาก จาก ลอรีอัล ปารีส และ Maybelline Beauty App ที่เปลี่ยนลุคเมคอัพในโลกเสมือนจริงได้ดังใจ
  • โซลูชันบิวตี้เทคเพื่อความยั่งยืน กับ WATER SAVER เทคโนโลยีฝักบัวประหยัดน้ำ จาก ลอรีอัล โปรเฟสชันแนล ที่นับจนถึงวันนี้ ช่วยประหยัดการใช้น้ำจากการสระผมในร้านซาลอนไปแล้วกว่า 42 ล้านลิตร

นอกจากนั้น ลอรีอัล กรุ๊ป ยังนำเสนอความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ IMPACT+ เพื่อวัดระดับผลกระทบจากกิจกรรมสื่อดิจิทัลของเรา และการจับมือเป็นพันธมิตร 3 ปีกับ Alibaba ในการเปิดตัวเศรษฐกิจหมุนเวียนดิจิทัล (Digital Circular Economy) เป็นครั้งแรกในประเทศจีน เพื่อลดผลกระทบจากกิจกรรมอีคอมเมิร์ซของเรา