รีวิว RAZER HAMMERHEAD True Wireless 2nd Gen หูฟังไร้สาย ANC มีโหมดเกมมิ่ง พร้อมลูกเล่นไฟ RGB

รีวิว RAZER HAMMERHEAD True Wireless 2nd Gen หูฟังไร้สาย เวอร์ชั่นปี 2021 ที่ออกแบบมาสำหรับสายเกมเมอร์ ที่ปรับค่า Latency ของเสียงให้ต่ำระดับที่แทบไม่รู้สึกหน่วย พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน แบบ ANC , ไมโครโฟนเสียงดีขึ้น แถมด้วยลูกเล่นไฟ RAZER Chroma RGB เปลี่ยนสีได้ วางจำหน่ายแล้วในไทย ด้วย ราคา เปิดตัวที่ 5,690 บาท

ทาง RAZER ออกหูฟังแบบ TWS ในซีรีย์ HAMMERHEAD รุ่นแรกไปเมื่อปี 2019 หลังจากนั้นก็มีออกมาเป็นเวอร์ชั่น X และ Pro รวมถึงมีรุ่นพิเศษ Pikachu Version ที่ทีมงานล้ำหน้าฯ เคย รีวิว ไปก่อนหน้านี้ จนกระทั้งมาเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ตัวนี้ ที่ปรับปรุงหลายๆ จุด พร้อมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ใหม่มาให้เยอะมาก

รีวิว RAZER HAMMERHEAD True Wireless 2nd Gen

รีวิว แกะกล่องRAZER HAMMERHEAD True Wireless 2nd Gen

รีวิว RAZER HAMMERHEAD True Wireless 2nd Gen

ตัวแพ็กเกจของRAZER HAMMERHEAD TWS รุ่นที่ 2 นี้ หน้าตาก็ยังคล้ายๆ เดิม ด้วยโทนสีดำตัดกับเขียวสะท้อนแสง ที่มองจากปากซอยก็รู้ว่านี่คือ RAZER ส่วนด้านหลังกล่องมีรายละเอียดฟีเจอร์หลักของหูฟังรุ่นนี้ระบุอยู่

รีวิว RAZER HAMMERHEAD True Wireless 2nd Gen

ภายในกล่อง ตัวหูฟังจะเก็บมาไว้ในเคส แนะนำว่าก่อนใช้งานครั้งแรก ให้ทำการเสียบชาร์จเพื่อกระตุ้นแบตก่อน ตามที่ในกล่องแนะนำมาคือ ให้เสียบชาร์จทิ้งไว้ก่อนสัก 60 นาที

รีวิว RAZER HAMMERHEAD True Wireless 2nd Gen

อุปกรณ์ต่างๆ ในกล่อง จะมีคู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น, จดหมายน้อยจาก CEO, สายชาร์จแบบถัก หัวเป็น USB-A to USB-C และจุกหูฟังแบบซิลิโคนให้เปลี่ยนได้อีก 2 ขนาด (รวมกับที่มีในตัวเป็น 3 ขนาด)

รีวิว RAZER HAMMERHEAD True Wireless 2nd Gen

ตัวตลับเคสของรุ่นที่ 2 นี้ จะแตกต่างจากรุ่นแรก ขนาดรูปทรงถือว่าพกพาสะดวกขึ้น พื้นผิวภายนอกจะเป็นสีดำแบบด้าน ที่ดหน้าตลับจะมีไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน และด้านก้นของตลับจะมีช่อง USB-C สำหรับเสียบชาร์จ

รีวิว RAZER HAMMERHEAD True Wireless 2nd Gen

เทียบกับรุ่นแรกแล้ว การเก็บหูฟังจะเปลี่ยนจากแบบวางแบบแนวนอน มาเป็นวางหูฟังเสียบลงในช่องแบบแนวตั้ง โดยมีแม่เหล็กช่วยยึดให้ไม่หลุพออกได้ง่าย ดีไซน์ด้านในตลับจะเป็นสีดำเงา ตัดกับภายนอกดูสวยดี

รีวิว RAZER HAMMERHEAD True Wireless 2nd Gen

เริ่มต้นการใช้งาน

ตัวRAZER HAMMERHEAD TWS ออกแบบมาเน้นสำหรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนเป็นหลัก โดยเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.2 ที่สามารถเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว โดยกับอุปกรณ์ที่เป็นระบบ Android เพียงแค่คุณเปิดฝาตลับเคสชาร์จ ตัวระบบ Google Fast Pair ก็จะทำงานโดยแสดงข้อมูลขึ้นมาบนหน้าจอ ให้กดเชื่อมต่อได้ทันที

ส่วนใครที่ใช้ iOS ก็ต้องเข้าไปในส่วนของ Bluetooth เพื่อสแกนและทำการเชื่อมต่อเอาเอง

หลังจากทำการเชื่อมต่อแล้ว ให้ทำการติดแต่งแอปพลิเคชั่น RAZER Audio App โหลดได้ทั้งใน iOS และ Android เป็นแอปที่มีประโยชน์สำหรับการใช้งานมากขึ้น โดยหลังจากเชื่อมต่อในแอปครั้งแรก จะมีการให้อปเดตเฟิร์มแวร์ เพื่อให้ตัวหูฟังเป็นเวอร์ชั่นพร้อมใช้งานมากที่สุด โดยขณะที่อัพนั้น ให้เสียบสายชาร์จเอาไว้ด้วย ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ก็จะเสร็จเรียบร้อยพร้อมใช้งานแล้ว

ในแอปจะมีให้เลือกปรับตั้งค่าการใช้งานหูฟังในฟีเจอร์ต่างๆ ได้ดังนี้

  • ปรับ Equalizer เพื่อให้ได้โทนเสียงสไตล์แบบที่เราต้องการ
  • Active Noise Cancellation เปิดปิดระบบ ANC
  • Remap เลือกเปลี่ยนคำสั่งในการใช้แตะสัมผัส
  • Smart Link ปรับตั้งการเชื่อมต่อ ระหว่างโหมด Performance (Game Mode) และ Flexibility (Quick Connect)
  • Chroma Effect เปิดปิดระบบควบคุมการแสดงแสงสีของไฟ RGB บนตัวหูฟัง

เราจะต้องลงอีกแอปภายในเครื่อง คือ RAZER Chroma RGB จะมีหน้าที่ในการควบคุมปรับแต่งเอฟเฟ็คการแสดงแสงสี บริเวณโลโก้ RAZER ที่อยู่บนหูฟังทั้ง 2 ข้าง ที่เลือกได้ 4 รูปแบบด้วยกันคือ

  • Audio Meter จะเล่นแสงสีตามจังหวะเสียงเพลงที่เรากำลังฟังอยู่
  • Breathing เล่นสีสลับสว่าง-มืด
  • Spectrum เปลี่ยนสีวนตามโทนสีรุ้ง
  • Static แสดงไฟเป็นสีที่เราต้องการค้างไว้สีเดียว

การใช้งานและควบคุม

รูปทรงของRAZER HAMMERHEAD TWS จะเป็นการสวมแบบ In-Ear ดังนั้นแนะนำให้เลือกใช้ตัวจุกซิลิโคนที่มีขนาดพอดีกับรูหูของเรา เวลาที่ใส่ก็จะต้องกดเข้าไปเพื่อให้กระชับและสร้างสเตจของเสียงภายในหูของเรา โดยส่วนของก้านไมโครโฟน จะช่วยให้รับเสียงใกล้กับปากของเรามากขึ้น

ส่วนที่ด้านบนของหูฟังทั้งสองข้าง จะมีโลโก้ RAZER ที่เป็นไฟ RGB และยังเป็นจุดสัมผัส ที่ให้เราแตะเพื่อสั่งงานควบคุมหูฟังได้โดยตรง ไม่ต้องไปสั่งจากในสมาร์ทโฟน โดยใช้วิธีแตะในหลายรูปแบบ พื้นฐานคือสำหรับการเล่นเพลง

  • แตะ 1 ครั้ง เพื่อเล่นหรือหยุดเพลง
  • แตะ 2 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนเล่นเพลงถัดไป
  • แตะ 3 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนเล่นเพลงก่อนหน้านี้
  • แตะค้างไว้ 2 วินาที เปิด-ปิดโหมด Active Noise Cancellation
  • แตะ 2 ครั้งแล้วแช่นิ้วค้างไว้ ปรับระดับเสียง
  • แตะ 3 ครั้งแล้วแช่นิ้วค้างไว้ 2 วินาที เปิด-ปิด Game Mode

สำหรับการใช้งานเพื่อสนทนา ก็สั่งจากการสัมผัสที่หูฟังได้เช่นกัน

  • แตะ 1 ครั้ง รับ-วางสายโทร
  • แตะ 2 ครั้ง รับสายซ้อน
  • แตะค้างไว้ 2 วินาที ตัดสาย
  • แตะ 2 ครั้งแล้วแช่นิ้วค้างไว้ ปรับระดับเสียง

ซึ่งการควบคุมทั้งหมดนี้ สามารถเข้าไปปรับเองได้ตามถนัด ผ่านเมนู Remap ในแอปRAZER Audio App และเวลาที่ต้องการสั่ง Pairing หูฟังกับอุปกรณ์ใหม่ ให้กดแตะที่หูฟังค้างไว้ 5 วินาที ก็จะเริ่มเปิดให้อุปกรณ์ค้นหาผ่าน Bluetooth ได้

ความรู้สึกหลังทดลองใช้ RAZER HAMMERHEAD True Wireless 2nd Gen

ส่วนตัวผมค่อนข้างประทับใจกับ RAZER HAMMERHEAD TWS ตั้งแต่รุ่นแรกแล้ว รูปทรงที่ไม่เล็กจนเกินไป สวมใส่แบบไม่ต้องกังวลจะร่วงหล่นงา่ยๆ ตัวก้านไมค์อาจจะค่อนข้างยาวแต่ก็สวมได้โดยไม่รู้สึกรำคาญอะไร น้ำหนักของหูฟังก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ได้หนักมากครับ สวมใส่นานๆ ก็ไม่รู้สึกปวดหรือเมื่อยหูเท่าไร

คุณภาพเสียง ด้วยตัวไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 10mm ก็มีกำลังขับเบสได้หนักแน่นดี การสวมใส่เป็นแบบ In-Ear ทำให้ได้ยินเสียงได้ชัด รายละเอียดของเสียงในยานกลางและแหลม อาจจะมีจางๆ อยู่บ้าง ด้วยคาแรคเตอร์ที่เป็นหูฟังเกมมิ่ง จึงเน้นเสียงที่หนักแน่น ส่วนฟังเพลงแบบจังหวะสนุกๆ ก็ดีอยู่เช่นกัน

ฟีเจอร์ไฟ Chroma RGB เป็นกิมมิคที่ดูเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจ แน่นอนมันไม่ได้เอาไว้ให้เราดู แต่ให้คนรอบข้างเห็นว่าหูเรามีความเท่ของไฟที่เปลี่ยนได้หลายเอฟเฟค และตัวไฟไม่ได้สว่างมากจนสร้างความรำคาญกับคนรอบข้าง ส่วนตัวชอบใช้แบบปรับตามจังหวะเพลงที่ฟัง แต่บางทีก็เลือกที่จะปิดไปเพื่อประหยัดแบตเตอรี่

ในเจนเนอเรชั่นที่ 2 มีเพิ่ม ANC ช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกทำให้ได้ยินเสียงในหูฟังได้ชัดเจนมากขึ้น ต้องบอกว่าไม่ได้เงียบสงัดเพราะว่าใช้เป็นไมค์จากภายนอกในการตัดเสียงอย่างเดียว แต่ก็ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดหรือหูอื้อมากนัก รวมถึงยังมี Ambient Mode ที่ปล่อยให้เสียงจากภายนอกเข้ามาโดยไม่ต้องถอดหูฟังได้ด้วย

ความหน่วงของเสียงนั้น ถือว่าทำได้ดีมาก โดยการใช้งานปกติด้วยความเป็น Bluetooth 5.2 สัญญาณเสียงจะส่งด้วย latency ที่ 120ms ซึ่งเป็นระดับที่ดูคลิปวิดีโอ หรือใช้งานทั่วไปได้ภาพและเสียงที่ตรงกัน ส่วนถ้าเลือกเปิด Game mode ค่า latency จะเหลือเพียงแค่ 60ms เท่านั้น เหมาะสำหรับการเล่นเกมอย่างเช่นเกมยิง FPS ต่างๆ แต่ว่าโหมด Game นั้นจะต้องอยู่ใกล้กับอุปกรณ์มาก เพราะระยะสัญญาณการส่งจะลดลงมาก อาจจะทำให้มีสัญญาณหลุดได้งา่ยขึ้น

ไมโครโฟนสนทนา เป็นแบบ Dual ENC ปรับปรุงใหม่ให้ดีกว่ารุ่นแรกอย่างเห็นได้ชัด เสียงรบกวนรอบข้างมีข้ามาค่อนข้างน้อย การพูดคุยจึงได้เสียงที่คมชัดและใสขึ้นกว่าเก่าา และเรายังใช้งานแบบข้างเดียวก็ได้ ทำให้เป็น Small talk ในการคุยได้อย่างสะดวกมากขึ้น

แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้มากกว่ารุ่นแรก ถ้าเลือกปิดไฟ RGB และปิด ANC จะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 6.5 ชั่วโมง เมื่อชาร์จร่วมกับเคส จะได้นานสุดถึง 32.5 ชั่วโมง (เคสสามารถชาร์จเติมได้ 4 รอบ)

แต่ถ้าเปิดสุดจัดเต็มทุกฟีเจอร์ แบตจะอยู่ได้นานสุด 4 ชั่วโมง และชาร์จร่วมกับเคส จะได้นานสุด 22.5 ชั่วโมง ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานตลอดทั้งวัน และถ้าเปิด Gamemode ด้วย จากที่ทดสอบ แบตเตอรี่จะใช้รอบนึงได้ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ

จุดที่แอบมีขัดใจอยู่บ้างก็มีเหมือนกัน อย่างแรกคือหูฟังไม่มีระบบ Auto Stop ในเวลาที่ถอดหูฟังออก คือถ้าจะให้เสียงดับหรือหยุดเล่นเพลงก็ต้องเก็บหูเข้าตลับไปเลย และตัวหูฟังจุดสัมผัสอยู่ด้านหลัง ทำให้เวลาแตะกดเพื่อให้หูฟังกระชับ ก็กลายเป็นการสั่งงานไปเฉยเลย เวลาจะขยับเลยต้องจับที่ก้านไมค์แทน และหูฟังวัสดุเป็นสีดำเงา เกิดรอยนิ้วมือค่อนข้างง่ายมาก

สรุปแล้ว รีวิวRAZER HAMMERHEAD True Wireless 2nd Gen ถือว่าเป็นหูฟังไร้สายในระดับเริ่มต้นของค่ายงูเขียว ที่ปรับจากรุ่นแรกให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมในหลายจุด เพิ่มลูกเล่น RGB ให้ความเก๋เท่ ถ้าคุณจะเอาไว้ใช้กับการเล่นเกมบนมือถือ ฟังเพลงระหว่างการเดินทางระหว่างวัน หรือใช้สำหรับโทรคุย ถือว่าค่อนข้างลงตัว

ราคา5,690 บาท ถ้าเทียบกับคู่แข่งในเรตราคานี้ก็ถือว่าแอบสูงกว่าอยู่บ้าง แต่ด้วยจิตวิญญาณเขียวดำแห่ง RAZER นั้น นี่เป็นตัวเลือกสำหรับการใช้งานตลอดวันได้ลงตัวที่สุดแล้วล่ะ

สามารถดูรายละเอียด และสั่งซื้อได้ทาง Razer.com รวมถึงตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ