รีวิว OPPO Reno11 F 5G สมาร์ตโฟน “ถ่ายคนอย่างโปร” ดีไซน์สวย กล้องหลัก 64MP ชาร์จไว 67W SUPERVOOC

รีวิว OPPO Reno11 F 5G สมาร์ตโฟน “ถ่ายคนอย่างโปร” โดดเด่นตั้งแต่ดีไซน์สวยด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ พร้อมกล้องหลัก 64MP ถ่ายภาพคนสวยชัด มีระบบชาร์จไว 67W SUPERVOOC และประสิทธิภาพการใช้งานที่ไหลลื่น ด้วย ColorOS 14 พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ราคา 10,900 บาท

OPPO Reno11 F 5G เป็นรุ่นน้องเล็กในตระกูล Reno11 Series ที่มาครบทั้งเรื่องดีไซน์ กล้อง และประสิทธิภาพ โดยมาในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย

แกะกล่อง – Unbox : OPPO Reno11 F 5G

รีวิว OPPO Reno11 F

แพ็กเกจของ OPPO Reno11 F 5G จัดเซ็ตอุปกรณ์เสริมมาให้พร้อมใช้งานเรียบ ทั้งเคสใสแบบ TPU สำหรับป้องกันรอยขีดข่วน ใส่แล้วยังเห็นความสวยงามของเครื่อง

รีวิว OPPO Reno11 F

ในกล่องมีอุปกรณ์ชาร์จมาให้เรียบร้อยเช่นกัน ทั้งอะแดปเตอร์และสาย USB-A to USB-C ที่รองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC มาให้เรียบร้อย

รีวิว OPPO Reno11 F

สำหรับเอกสารในกล่องจะมีเอกสารการรับประกัน และมีเข็มจิ้มถาดซิมมาให้ด้วย

สเปก OPPO Reno11 F 5G

  • Design
    • ขนาด : 161.63 x 74.73 x 7.54 มิลลิเมตร
    • น้ำหนัก : 177 กรัม
    • มีให้เลือก 3 สี : Ocean Blue, Coral Purple, Palm Green
  • หน้าจอ
    • OLED ขนาด 6.7 นิ้ว
    • ความละเอียด FHD+ (2412 x 1080)
    • สัดส่วนหน้าจอ 20.1:9
    • ปรับค่ารีเฟรชเรตแบบไดนามิค 60/90/120Hz
    • ความสว่าง 500nits (typ), 1100nits (local peak)
    • รองรับ HDR10+
  • ระบบความปลอดภัย
    • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
    • สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค
  • ประสิทธิภาพ
    • ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7050
    • ผลิตบนสถาปัตยกรรม 6nm (TSMC)
    • CPU: Arm Cortex-A78/A55, 8-core CPU, up to 2.6GHz
    • GPU: Arm Mali-G68 MC4
    • RAM 8GB LPDDR4X
    • 256GB UFS 3.1 storage
    • ระบบปฏิบัติการ ColorOS 14 บนพื้นฐาน Android 14
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
  • กล้องหลัก 64MP
    • เซ็นเซอร์ OmniVision OV64B ขนาด 1/2’’
    • รูรับแสงกว้าง f/1.7 ระยะทางยาวโฟกัส 25mm
  • กล้อง Ultra-Wide 8MP
    • เซ็นเซอร์ Sony IMX355 
    • รูรับแสง f/2.2 ระยะทางยาวโฟกัส 16mm
  • กล้องมาโคร 2MP
    • เซ็นเซอร์ Omnivision OV02B10
    • ระยะโฟกัสใกล้สุด 4 เซนติเมตร
  • กล้องหน้าเซลฟี่ 32MP
    • เซ็นเซอร์ Sony IMX615 ขนาด 1/2.74” 
    • รูรับแสง f/2.4 ระยะทางยาวโฟกัส 21mm
  • แบตเตอรี่
    • ความจุ 5000mAh
    • ระบบชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC
  • การเชื่อมต่อ
    • รองรับ 2 ซิม (5G)
    • Wi-Fi 6
    • Bluetooth 5.3
    • NFC
    • เพิ่มหน่วยความจำ microSD สูงสุด 2TB

ดีไซน์สวย ด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ

ครั้งแรกที่ได้เห็นดีไซน์สีของ OPPO Reno11 F 5G ปีนี้ รู้สึกได้เลยว่ามีความลงตัวทั้งรูปทรงและเทคนิคการทำสีที่สวยงาม โดยปรัชญาการออกแบบครั้งนี้ ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ กับ 3 สีที่ให้ความสวยที่ไม่เหมือนใคร

รีวิว OPPO Reno11 F

สีม่วง Coral Purple “ม่วงฉ่ำนำเทรนด์” ใช้กระบวนการออกแบบอนุภาคแม่เหล็ก ให้สีม่วงอ่อนตัดกับอนุภาพแวววาวขนาดเล็กนับล้าน ที่สะท้อนแสง และระลอกคลื่นที่เป็นเกลียวพริ้วไหล ให้ความรู้สึกที่สวยงามหรูหราอย่างลงตัวระหว่างแฟชั่นและความสนุกสนาน

สีฟ้า Ocean Blue “ฟ้าน้ำทะเลโดนเปย์ไม่อั้น” ความแวววาวสวยงามด้วยสีฟ้าและสีขาว เป็นเกลียวระลอกคลืนที่แตกต่างกันในทุกมุม ให้ความรู้สึกของน้ำทะเลที่ชวนหลงไหล

สีเขียว Palm Green “เขียวดำนำโชค” ออกแบบโดยใช้ OPPO Glow มาพร้อมการจัดเรียงเป็นชั้นของสีมรกตและใบไม้ที่นุ่มนวล ผสานกับเอฟเฟกต์กลิตเตอร์เป็นประกายกระจายแสงที่แตกต่างกันในแต่ละมุมมองแสงที่ตกกระทบ ให้ความสวยงามหรูหรา และมีกลิ่นอายที่เป็นธรรมชาติ

รีวิว OPPO Reno11 F

OPPO Reno11 F 5G รุ่นที่ทีมงานล้ำหน้ามาทดสอบ รีวิว เป็น สีฟ้า Ocean Blue “ฟ้าน้ำทะเลโดนเปย์ไม่อั้น” กับ สีเขียว Palm Green “เขียวดำนำโชค” ที่มีความสวยแตกต่างกัน โดยสีเขียวจะให้อารมณ์เรียบขรึม เป็นสีดำที่มีเงาเหลือบสีเขียวเมื่อโดนแสงกระทบ ส่วนสีฟ้าน้ำทะเลก็มีความสดใสในบรรยากาศเหมือนผิวน้ำ

รีวิว OPPO Reno11 F

ด้านหลังของเครื่องมีการออกแบบชุดโมดูลกล้องที่เรียงซ้อนเป็นเลเยอร์อย่างสวยงาม กับตัวฐานเป็นสีโทนเดียวกับฝาหลัง แล้วจัดวงกลม Sunshine Ring แยกเป็น 2 วง ที่มีเลนส์กล้องหลักอยู่ในวงแรก และมีเลนส์กล้อง Ultra Wide และ Macro อยู่ในอีกวง วางเรียงอย่างสมดุล และมีเงาเอฟเฟกต์แวววาวเหมือนโลหะ ให้ความรู้สึกสวยงามหรูหรามากขึ้น

นอกจากความสวยงามแล้ว OPPO Reno11 F 5G ยังได้รับการออกแบบให้ตัวเครื่องมีความสวยงามคลาสิค ด้วยตัวเครื่องแบบขอบเรียบ ตัดเหลี่ยมให้โค้งมน ทำให้ถือจับได้กระชับ และยังมาในความบางเพียงแค่ 7.54 มิลลิเมตร ใส่ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงได้อย่างสบาย เพราะน้ำหนักเครื่องก็มาเบาด้วยเช่นกัน เพียงแค่ 177 กรัมเท่านั้น

รีวิว OPPO Reno11 F

ความน่าสนใจในเรื่องการออกแบบใน OPPO Reno11 F 5G ที่ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามหรือบางและเบา แต่ยังมาพร้อมกับความทนทานในการใช้งาน เริ่มต้นด้วยการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP65 ที่ให้คุณใช้งานในแต่ละวันได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหกใส่ ฝนตก หรือน้ำกระเซ็น

รวมถึงตัวเครื่องได้รับการออกแบบที่ผ่านการทดสอบด้านความทนทาน ตั้งแต่การกดปุ่มระดับเสียง 100,000 ครั้ง, กดปุ่มเปิด/ปิด 200,000 ครั้ง และการเสียบ-ถอดสาย USB-C ได้ถึง 20,000 ครั้ง เครื่องยังคงสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา เป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือในการใช้งานต่อเนื่องได้หลายปี ซึ่งเป็นการประกันคุณภาพที่ปกติแล้ว จะมีให้กับสมาร์ตโฟนแฟลกชิประดับไฮเอนด์ แต่นี่คือสมาร์ตโฟนระดับกลาง คุณก็ใช้งานได้อย่างมั่นใจได้ด้วยเช่นกัน

รีวิว OPPO Reno11 F

ด้านข้างของเครื่อง จะมีปุ่มปรับระดับเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power เพื่อเปิดปิดหน้าจอ ส่วนทางซ้ายของเครื่อง จะมีช่องของถาดซิม ที่เป็นแบบ Triple Slot ใส่ซิมขนาด Nano SIM ได้ 2 เบอร์ และมีอีกช่องสำหรับใส่ microSD เพื่อเพิ่มหน่วยความจำในเครื่องได้ สูงสุดถึง 2TB

รีวิว OPPO Reno11 F

ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องลำโพงเสียงของเครื่อง, พอร์ต USB-C สำหรับการเสียบชาร์จและโอนถ่ายข้อมูล และมีช่องไมโครโฟนเสียงสนทนา

ส่วนที่ด้านบนของเครื่องก็จะมีช่องไมโครโฟนที่ 2 สำหรับช่วยในการตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ให้เสียงสนทนาในการพูดคุยมีความคมชัดมากขึ้น

รีวิว OPPO Reno11 F

ระบบเสียง เป็นลำโพงแบบคู่สเตอริโอ ให้เสียงที่มีมิติ พร้อมระบบเพิ่มเสียง Ultra Volume เร่งเสียงลำโพงเพิ่มขึ้นได้สูงสุดถึง 300% และเสียงผ่านหูฟังได้ถึง 200% สำหรับใช้ในช่วงเวลาที่อยู่ท่ามกลางเสียงรบกวนรอบข้างที่มีการรบกวนดังมากๆ โดยเสียงที่เร่งขึ้นมานั้น ยังคงมีความคมชัดของมิติเสียง ไม่แตกพร่า

หน้าจอคุณภาพสวยสมจริง

รีวิว OPPO Reno11 F

หน้าจอของ OPPO Reno11 F 5G ถือว่าอยู่ในเกรดที่ดีมากสำหรับสมาร์ตโฟนระดับกลาง เป็นแบบ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ที่ให้สีสันสดใส ออกแบบมาให้เหลือขอบด้านข้างที่บางมากๆ โดยมีอัตราส่วนของจอต่อขนาดเครื่องมากถึง 93.4% เว้นช่องกล้องหน้าแบบ Punch-hole ทำให้ได้พื้นที่แสดงผลได้กว้างขวางเต็มพื้นที่ และเป็นจอแบบ Flat แบนเรียบเข้ากับดีไซน์คลาสสิกของเครื่อง ถูกใจทั้งสายบันเทิงที่ชอบดูวิดีโอดูซีรีย์ และสายเล่นเกมที่มองเห็นได้แบบเต็มตา

หน้าจอเป็นแบบ 10-bit แสดงสีสันได้มากกว่า 1.07 พันล้านสี รองรับ HDR10+ ให้ประสบการณ์รับชมคอนเทนต์บันเทิงขั้นสูง จากสตรีมมิ่งชั้นนำ ทั้ง Netflix, Disney+ Hotstar หรือ Prime Video ที่สวยคมชัด ส่วนอัตรารีเฟรชของหน้าจอ เป็นแบบไดนามิค ปรับได้ 60/90/120Hz ตามคอนเทนต์ที่แสดงผลอย่างเหมาะสม และค่าความสว่างสูงสุดถึง 1100 nits (เมื่อเล่นคอนเทนต์ HDR) และมีค่า PWM dimming 2160Hz ช่วยลดอาการล้าของสายตาเมื่อใช้งานในสภาพแสงน้อย

รีวิว OPPO Reno11 F

และด้วยการเป็นหน้าจอ AMOLED ก็ทำให้มีฟีเจอร์แสดงหน้าจอแบบตลอดเวลา (Alway On Display) ที่จะแสดงได้ทั้งนาฬิกา, ไอคอนการแจ้งเตือน ช่วยให้เห็นข้อมูลเบื้องต้นได้โดยไม่ต้องกดปุ่มเพื่อเปิดจอ

กล้อง 64MP “ถ่ายคนอย่างโปร”

รีวิว OPPO Reno11 F

ระบบกล้องของ OPPO Reno11 F 5G เป็นแบบ 3 เลนส์ ประกอบด้วย

  • กล้องหลัก 64MP เซ็นเซอร์ OmniVision OV64B ขนาด 1/2’’ รูรับแสงกว้าง f/1.7 ระยะทางยาวโฟกัส 25mm
  • กล้อง Ultra-Wide 8MP เซ็นเซอร์ Sony IMX355  รูรับแสง f/2.2 ระยะทางยาวโฟกัส 16mm
  • กล้อง Macro 2MP เซ็นเซอร์ Omnivision OV02B10 ระยะโฟกัสใกล้สุด 4 เซนติเมตร

กล้องหลักที่มาในความละเอียดสูงถึง 64MP พร้อมกับรูรับแสงที่กว้างถึง f/1.7 ทำให้สามารถใช้งานในการถ่ายภาพทำงานได้ดีทั้งสภาพแสงเวลากลางวัน หรือสภาพแสงน้อยหรือเวลากลางคืน

รีวิว OPPO Reno11 F

โหมดถ่ายภาพมีเพิ่มการปรับค่าชดเชยแสง (EV) เองได้ โดยเลือกได้ตั้งแต่ -2.0 ถึง +2.0 เป็นเครื่องมือช่วยในเวลาที่คุณถ่ายภาพกลางแจ้งแล้วแดดจัดมาก เราสามารถปรับลดค่าชดเชยแสงลงให้ติดลบ เพื่อหักลบแสงสว่างที่มากเกินไปให้มีความพอดีมากขึ้น มองเห็นรายละเอียดมากขึ้นทั้งในส่วนที่สว่างและเงามืด

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต เรียกได้ว่า ออปโป้ยังเดินหน้าพัฒนาแบบไม่หยุดยั้ง ให้กล้องในสมาร์ตโฟนถ่ายภาพคนได้สวยงาม ในระดับที่กล้าพูดว่าปรับแต่งภาพคนไ้ดอย่างโปร โดยมีการใช้ Portrait Expert Engine ที่สามารถปรับแต่งภาพบุคคลได้อย่างชาญฉลาด

โดยในการถ่ายภาพพอร์ตเทรตแต่ละภาพตัว Portrait Expert Engine จะมีกระบวนการเข้ามาปรับแต่งให้ดังนี้

  • จดจำใบหน้า + แยกวัตถุหลักกับฉากหลัง : ระบบจะสามารถจดจำใบหน้าบุคคลได้หลากหลาย รวมถึงวัตถุต่างๆ ได้ จึงทำให้สามารถแยกชั้นของวัตถุที่อยู่หน้าฉาก และฉากหลังได้อย่างเหมาะสมเป็นธรรมชาติ และแม่นยำ
  • ปรับแต่งสีผิว : เลือกปรับแต่งในส่วนของใบหน้าของบุคล ด้วยการปรับการรับแสงอัตโนมัติ ปรับค่า White Balance สมดุลแสงสีขาวให้มีความแม่นยำตลอดสเปกตรัมของสีผิว
  • ความแต่งความชัดเจนของใบหน้า : ด้วยการถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูง ทำให้ AI ใช้อัลกอริธึมมาช่วยปรับแต่งภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการลด noise (สัญญาณรบกวนในภาพ) บริเวณที่มีเป็นเงามืด และยังช่วยในการปรับแต่งความชัดเจนของใบหน้าในส่วนของโทนสีผิว รวมถึงการลบรอยตำหนิบนใบหน้า โดยังคงรักษาองค์ประกอบโดยรวมของใบหน้าให้ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของตัวคุณเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • รวมภาพและคนกับฉาก : ระบบจะปรับแต่งฉากหลังด้วย HDR ให้มีความสว่าง+แสงเงาและมีรายละเอียดมากขึ้น ไม่สว่างหรือขาวพร่า แล้วนำมารวมกับภาพบุคคลที่ฉากหน้า รวมกันเป็นสภาพแสงที่สอดคล้องไม่แยกโดด ดูเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ

การถ่ายภาพบุคคลด้วย OPPO Reno11 F 5G การใช้งานนั้น ถ่ายได้สนุกและเก็บภาพที่มีความสวยงามได้ในทุกสภาพแสง ที่บางครั้งเลวร้ายมากๆ อย่างการย้อนแสงของพระอาทิตย์จากด้านหลังตรงๆ กับนางแบบ ก็ยังสามารถเก็บภาพใบหน้าที่สว่างชัด ไม่มืด และปรับแสงฉากแวดล้อมต่างๆ ให้ชัดเจนได้ด้วย

ในการถ่ายภาพบุคคลด้วยกล้องหลัก สามารถกดเลือกระยะทางยาวโฟกัสได้ 2 ระดับคือ 1x (25mm) และ 2x (50mm) ซึ่งทั้ง 2 ระยะนี้ ก็จะให้มุมมองของภาพพอร์ตเทรตที่ต่างกัน โดยระยะ 1x จะได้ภาพของฉากหลังที่กว้าง ส่วน 2x ฉากหลังจะถูกถึงให้เข้ามาใกล้แบบมากขึ้น จึงได้มุมมองที่สวยงามต่างกัน

การถ่ายภาพบุคคล มีลูกเล่นการถ่ายมาให้แบบครบครัน ตั้งแต่การเลือกปรับตั้งค่ารูรับแสงแบบเสมือน เพื่อปรับความเบลอของฉากหลังได้มากน้อยตามที่ต้องการ โดยที่เราจะต้องเลือกปรับตั้งค่าก่อนที่จะถ่าย ไม่สามารถถ่ายแล้วไปเลือก Edit ทีหลังได้

ลูกเล่นในการปรับแต่งความสวยงามของใบหน้า จะเป็นการให้ AI ทำงานให้อัตโนมัติ โดยเลือกระดับที่ต้องการให้ปรับแต่งได้ตามที่ต้องการ ส่วนตัวจากที่ได้ทดสอบใช้ เลือกที่ระดับ 10-30 ก็จะได้ภาพที่สวย ใบหน้ามีความเนียนเรียบ สดใส

การถ่ายพอร์ตเทรตแล้วเล่นเอฟเฟกต์กับฉากหลัง มีฟีเจอร์ให้ใช้อย่าง Bokeh Flare Effect ที่ช่วยให้มีวงกลมโบเก้เกิดขึ้นในฉากหลังมากขึ้น และมี Ai Color Portrait ฟีเจอร์ถ่ายภาพบุคคลเแบบเก๋ ๆ ที่จะเปลี่ยนให้ฉากหลังเป็นสีขาวดำ โดยที่ตัวแบบด้านหน้ายังมีสีสัน เกิดเป็นภาพถ่ายที่มีความสวยแปลกตาไม่เหมือนใคร

อีกสิ่งเล็กๆ ที่ชอบในการถ่ายภาพของ OPPO Reno11 F 5G คือระบบลายน้ำ ที่สามารถเลือกเปิดปิด หรือเปลี่ยนรูปแบบหลังจากที่ถ่ายได้ จากที่แต่ก่อนหน้านี้ เมื่อถ่ายไปแล้ว ถ้ามีลายน้ำก็คือถูกฝังเอาไว้ในภาพ เปลี่ยนไม่ได้ แต่ตอนนี้คุณมาเลือก Edit ภายหลังได้ ว่าจะมีหรือไม่มี เลือกเปลี่ยนตำแหน่ง หรือเลือกใช้เป็นแบบเฟรมที่มีการบอกชื่อรุ่น และค่ารูรับแสง, ความเร็วชัตเตอร์, ISO ของภาพ ทำให้เวลาอยากจะเอารูปไปแชร์ต่อทำได้สะดวกมากขึ้นกว่าเดิม

การถ่ายภาพในโหมดอื่นๆ ก็มีให้เลือกใช้ทั้งโหมด Pro สำหรับการถ่ายภาพที่ปรับตั้งค่ารูรับแสง, ความเร็วชัตเตอร์, ISO และ White Balance ได้อย่างอิสระ มีโหมดกลางคืนที่ช่วยเก็บภาพและรายละเอียดได้คมชัดมากขึ้น ใช้ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า

สำหรับการถ่าย Macro ผ่านกล้อง 2MP สามารถโฟกัสได้ใกล้สุดที่ระยะ 4 เซนติเมตร ใช้ถ่ายวัตถุเล็กๆ ในระยะใกล้ๆ ได้โฟกัสที่สวยงาม

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Macro

กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP มุมมองกว้างสำหรับการถ่ายภาพที่ระยะ 0.6x เก็บภาพได้กว้างขึ้น ที่ใช้ได้ทั้งเก็บวิวทิวทัศน์ หรือถ่ายภาพคนในมุมที่แปลกตาไปได้อย่างน่าสนใจ

เทียบการถ่ายภาพในระยะ 1x ของเลนส์หลัก และระยะ 0.6x ของเลนส์ Ultra-wide จะเห็นว่าภาพมุมกว้างไม่มีการโค้งบิดเบี้ยวเลย

ในส่วนของกล้องหน้าเซลฟี่ OPPO Reno11 F 5G ให้กล้องความละเอียดสูง 32MP รูรับแสงกว้าง f/2.4 ระยะทางยาวโฟกัส 21มม. ใช้งานในการถ่ายเซลฟี่ได้ทั้งคนเดียว และปรับให้ถ่ายมุมกว้างเป็นกรุ๊ปช็อต หรือเก็บบรรยากาศรอบข้างระหว่างเซลฟี่ได้มากขึ้น

มีระบบเลือกปรับแต่งความสวยงามของใบหน้า ที่เลือกปรับแต่งได้แบบอิสระมากขึ้น เลือกปรับทั้งส่วนของโทนสีผิว, รูปหน้า, ดวงตา ฯลฯ

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องของ OPPO Reno11 F 5G

ส่วนเรื่องของการถ่ายวิดีโอ OPPO Reno11 F 5G สามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุด 4K 30fps ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า คุณสามารถใช้ในการถ่ายคลิปหรือเก็บฟุตเทจเอาไว้สำหรับไปตัดต่อเป็นคลิป Vlog หรือคอนเทนต์ออนไลน์ได้ และมีระบบช่วยป้องกันการสั่นไหว Ultra Steady (ได้ความละเอียด 1080p 60fps)

ประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นด้วย ColorOS 14

OPPO Reno11 F 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด ColorOS 14 บนพื้นฐานของ Android 14 ที่มีการเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานใหม่ๆ ที่เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น

Smart Image matting ตัดต่อรูปภาพอัจฉริยะ

เครื่องมือช่วยในการไดคัทภาพวัตถุออกจากฉากหลังที่ทำได้อย่างง่ายดายมากๆ เพียงแค่เข้าไปใน Gallery แล้วเลือกที่รูปที่เราต้องการ จากนั้นเอานิ้วแตะค้างที่วัตถุในภาพค้างไว้ประมาณ 2-3 วินาที ระบบจะทำการวิเคราะห์แล้วตัดภาพแยกออกมาเป็นไฟล์ PNG แบบฉากหลังโปร่งใส

จากนั้นสามารถสั่ง Copy เพื่อไป Paste ในโปรแกรมอื่น หรือแชร์ไปยังโปรแกรมหรือส่งต่อให้คนอื่นได้ทันที

File Dock ฝากเก็บไฟล์เอาไว้ไปส่งต่อในแอปอื่นได้

ฟีเจอร์ที่เป็นเหมือน Clipboard แบบรวดเร็ว ที่สามารถลากเอารูปภาพหรือข้อความ รวมถึงไฟล์เอกสารต่างๆ ลงมาเก็บไว้ในแถบด้านข้าง โดยสามารถเก็บบันทึกไว้ใน File Dock ได้หลายไฟล์ เหมาะสำหรับเอาไว้เก็บรูปภาพที่ไดคัทเอาไว้ หรือไฟล์ รวมถึงข้อความที่ใช้บ่อยๆ เอาไว้ เวลาจะใช้ก็แค่ปัดเรียกแถบด้านข้างออกมา แล้วลากมาวางในแอปที่ต้องการใช้ได้ทันที

นอกจากนี้ ระบบ File Dock ยังสามารถทำงานซิงค์กับในทุกอุปกรณ์ที่ลงชื่อเป็นบัญชี OPPO เอาไว้ จึงเป็นอีกเครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกันข้ามอุปกรณ์ได้อย่างสะดวกมากขึ้น

Extract Content แยกเนื้อหาจากการจับภาพหน้อจอ

ในการสั่ง Screenshot เพื่อจับภาพหน้าจอ สามารถทำได้รวดเร็วด้วยการลาก 3 นิ้ว สามารถกดเลือก Extract Content ระบบจะแยกแยะเนื้อหาในภาพ ว่าเป็นข้อความหรือว่ารูปภาพ เพื่อแยกบันทึกภาพไว้ใน File Dock, Note หรือ Photo ส่วนข้อความก็เลือกเก็บลงใน File Dock หรือเก็บลง Note ก็ได้

Trinity Engine

ความสามารถใน ColorOS 14 ที่จะช่วยให้การทำงานบนสมาร์ตโฟนรวดเร็ว ราบรื่น และจัดการพื้นที่เก็บข้อมูลได้ดีขึ้น

  • ROM Vitalsation ช่วยประหยัดพื้นที่เก็บข้อมูลให้สูงสุดถึง 23GB (สำหรับ ROM 256GB) โดยระบบจะเลือกบีบอัดข้อมูลที่ไม่ใช้งานเป็นเวลานาน และลบไฟล์ที่มีการซ้ำกัน เพื่อให้ได้มีพื้นที่ว่างเพิ่มขึ้นมากที่สุด
  • CPU Vitalsation ตัวระบบจะเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานสมาร์ตโฟนของคุณ เพื่อปรับการทำงานให้การใช้งานมีความราบรื่น และยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ประสิทธิภาพการใช้งาน

รีวิว OPPO Reno11 F

สเปกภายใน OPPO Reno11 F 5G ใช้ชิปเซ็ตเป็น MediaTek Dimensity 7050 ใช้การผลิตบนสถาปัตยกรรม 6 นาโนเมตร ทำงานด้วยคอร์ประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงาน 6 คอร์ ถือเป็นชิปที่มีประสิทธิภาพในการทำงานพร้อมการประหยัดพลังงานที่ดี

รีวิว OPPO Reno11 F

พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง ตัว ROM ให้ความจุ 256GB และในส่วนของ RAM ให้มา 8GB ที่เลือกเพิ่ม Dynamic RAM ได้อีก สูงสุด 8GB รวมเป็น 16GB เมื่อทำงานร่วมกับ Trinity Engine ของ ColorOS 14 ก็ช่วยให้การทำงานพร้อมกันหลายๆ แอปได้อย่างลื่นไหล พร้อมกับมั่นใจได้กับการรับประกันการใช้งานได้ 48 เดือน โดยที่ระบบต่างๆ ยังคงรวดเร็วเร็วไม่อืดไม่หน่วงเหมือนกับตอนที่เปิดใช้งาน

รีวิว OPPO Reno11 F

ใน OPPO Reno11 F 5G มีการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ LinkBoost ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อเครือข่าย ด้วยกำลังส่งที่เร็วขึ้น 100% และการรับสัญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น 44% รวมถึงการออกแบบเสาอากาศแบบรอบทิศทาง 360 องศา และระบบ AI ช่วยเลือกสลับเครือข่าย เพื่อควบคุมความเสถียรภาพในการเชื่อมต่อสัญญาณให้ต่อเนื่องได้มากที่สุด

โดยผู้ใช้งานในไทย ทาง OPPO ได้ทำงานร่วมกับโอเปอเรเตอร์เพื่อรองรับการทำงานร่วมกับ LinkBoost ทำการปรับแต่งให้การเชื่อมต่อสัญญาณที่ดี และเชื่อมต่อกลับมาออนไลน์ได้เร็วกว่าคู่แข่งถึง 87% ในเหตุการณ์ที่สัญญาณถูกตัดขาดอย่างการเข้าออกลิฟท์ หรือกำลังเคลื่อนที่เดินทางด้วยความเร็วบนรถ รวมถึงอยู่ในพื้นที่ๆ มีผู้คนหนาแน่นอย่างงานคอนเสิร์ต

การใช้งานแบตเตอรี่ ถือว่าน่าประทับใจมากๆ กับตัวเครื่องที่ออกแบบมาให้มีความบางและน้ำหนักเบา แต่แบตเตอรี่ยังใส่มาให้ความจุมากถึง 5000mAh ช่วยให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ตลอดทั้งวัน เช้ายันเย็น ได้แบบไม่ต้องกังวล พร้อมทั้งยังมี Battery Health Engine ที่จะดูแลสุขภาพของแบตเตอรี่ ที่สามารถถนอมอายุแบตเตอรี่ได้มากกว่า 80% หลังจากใช้งานแล้วถึง 4 ปี

รีวิว OPPO Reno11 F

ได้แบตเตอรี่ความจุเยอะ ก็ได้ระบบชาร์จไวที่ดีที่สุดอย่าง 67W SUPERVOOC ที่สามารถชาร์จเติมไฟให้กับ OPPO Reno11 F 5G ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาชาร์จเพียงแค่ 20 นาที ก็จะได้แบตเตอรี่ถึง 62๔ และสามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลาเพียงแค่ 48 นาทีเท่านั้น

สรุป รีวิว OPPO Reno11 F 5G

รีวิว OPPO Reno11 F

หลังจากได้ทดสอบลองใช้งาน OPPO Reno11 F 5G ถือว่าปีนี้ออปโป้ยังจัดเต็มให้กับแฟนทั้งเรื่องความสวยงามของดีไซน์ การถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่สวยกินขาด และประสิทธิภาพการใช้งานที่ให้ประสบการณ์ลื่นไหลไม่ขัดอกขัดใจ

ตัวเครื่องดีไซน์แบบขอบเรียบตัดมุมถือจับได้ถนัด มาพร้อมกับ 3 โทนสีมหามงคลให้คุณเลือกได้ 3 สไตล์ที่สวยต่างกันไป ส่วนตัวผมชอบสีเขียวดำนำเทรนด์ ที่มีความเรียบง่ายแต่ดูมีเสน่ห์น่าค้นหา และผิวสัมผัสที่จับแล้วกระชับไม่ลื่นมือ

รีวิว OPPO Reno11 F

กล้อง 64MP ที่ออปโป้ชูสโลแกน “ถ่ายคนอย่างโปร” กับซีรีย์ Reno11 ทำได้ดีสมราคาคุย การหยิบขึ้นมาถ่ายคนคุณมั่นใจได้ว่าภาพที่ได้จะออกมาสวย ด้วยตัวคนจะมีใบหน้าที่สวยสว่างเป็นธรรมชาติ ส่วนฉากหลังก็จะได้ได้รับการปรับให้ออกมาสว่างสวยเป็นธรรมชาติ การถ่ายภาพคุณจึงมีหน้าที่เพียงแค่หยิบส่องเล็งและจัดวางองค์ประกอบของภาพให้ดูดี เพราะที่เหลือนอกจากนี้ OPPO Reno11 F 5G จะจัดการให้คุณทั้งหมด

รีวิว OPPO Reno11 F

โดยรวม เรื่องของประสิทธิภาพ ถือว่าทำได้ดีสำหรับสมาร์ตโฟนระดับกลาง ในงบราคาประมาณหมื่นนิดๆ การเล่นเกมเลือกปรับในระดับเริ่มต้นที่ไม่กินทรัพยากรมากก็สามารถเล่นแบบเฟรมเรตลื่นๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา รวมถึงเรื่องแบตเตอรี่ที่ให้มาจุใจในขนาดเครื่องที่บางเฉียบ ทำให้การใช้งานตลอดทั้งวันอย่างไรกังวล และมีชาร์จเร็วที่เติมแบตเต็มได้ในเวลาอันรวดเร็ว

รีวิว OPPO Reno11 F

ColorOS 14 ที่เป็นพื้นฐานบน Android 14 เวอร์ชั่นล่าสุด ช่วยให้การทำงานหลายๆ อย่างสะดวกมากขึ้น ส่วนตัวกับฟีเจอร์ File Dock คือดีงามมาก เพราะเราเลือกเก็บภาพหรือข้อความที่ใช้งานบ่อยๆ อย่างที่อยู่, เลขที่บัญชี ฯลฯ เอาไว้ในพื้นที่นี้ เวลาจะใช้ก็ปัดเลือกออกมาแล้วลากใส่ได้ทันที

มองเรื่องความคุ้มค่า OPPO Reno11 F 5G กับค่าตัว ราคา 10,990 บาท ถือว่าเหมาะสม รวมกับการใช้งานที่รองรับคุณภาพประสบการณ์ที่ลื่นไหลยาวๆ 48 เดือน ถือว่าไม่ผิดหวังสำหรับคนที่ต้องการสมาร์ตโฟนสวยๆ ถ่ายรูปให้สาวๆ แล้วงามพริ้มเป็นปลื้มได้อย่างแน่นอน

โปรโมชัน ราคา และการสั่งซื้อ

รีวิว OPPO Reno11 F

OPPO Reno11 F 5G สมาร์ตโฟนถ่ายคนอย่างโปร สวยทุกระยะ สนุกทุกโมเมนต์ วางจำหน่ายใน 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีฟ้า Ocean Blue สีม่วง Coral Purple และ สีเขียว Palm Green วางจำหน่ายในราคา 10,990 บาท สามารถไปทดลองสัมผัสและเป็นเจ้าของได้แล้วที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

พิเศษ รับฟรีของสมนาคุณ E-VIP Card, Special Edition Backpack พร้อมเคส รวมมูลค่า 9,097 บาท สำหรับลูกค้าที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 8-29 กุมภาพันธ์ 2567 นี้

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/49jqi7D