สรุปข้อมูล Xperia Z5 ทั้งสามรุ่น และบทวิเคราะห์จัดเต็ม

ไม่บ่อยนักที่ค่ายอารยธรรมอย่างโซนี่จะสร้างความคึกคักถึงขั้นเขย่าวงการมือถือ แบบที่มีคนแชร์ข้อมูล Xperia Z5 กันเต็มเฟซบุ๊ค โดยมีจุดเด่นชูโรงคือหน้าจอความละเอียด 4K รายแรกของโลก และกล้องโฟกัสเร็วที่สุดในโลกแซงหน้าคู่แข่งด้วยความเร็ว 0.03 วินาทีเท่านั้น

Sony Xperia Z series ในยุคหลังจะมาพร้อมกับรุ่น Compact แบบรุ่นเว้นรุ่นคือ Z1 Compact และ Z3 Compact ทำให้มีการคาดเดาตั้งแต่ก่อนเปิดตัวว่า Xperia Z5 จะมาพร้อมกับรุ่น Compact ด้วย …ซึ่งมันก็ถูก แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีรุ่นหน้าจอความละเอียด 4K ออกมาด้วย

Xperia Z5
Compact( Standard )Premium
ซีพียู Snapdragon 810
แรม 2 GB 3 GB
ขนาดหน้าจอ 4.6 นิ้ว 5.2 นิ้ว 5.5 นิ้ว
ความละเอียดหน้าจอ HD ( 319 PPI ) Full HD ( 423 PPI ) 4K ( 806 PPI )
น้ำหนัก138 กรัม154 กรัม180 กรัม
แบตเตอรี่2700 mAh2900 mAh3430 mAh
หน่วยความจำภายใน 32 GB และรองรับ microSD
กล้องหลัง
  • ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล
  • เซ็นเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/2.3 นิ้ว
  • เลนส์ G รูรับแสง f/2.0
  • มุมกว้าง 24 มม.
  • Hybrid Auto Focus
  • Clear Image Zoom 5 เท่า
  • Digital Zoom 8 เท่า
  • ISO ภาพนิ่งสูงสุด 12800
  • ISO วีดีโอสูงสุด 3200
  • รองรับการอัดวีดีโอ 4K
  • ระบบกันสั่น SteadyShot
กล้องหน้า
  • ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
  • เซ็นเซอร์ Exmor R
  • มุมกว้าง 25 มม.
  • รองรับการอัดวีดีโอ Full HD
  • ระบบกันสั่น SteadyShot
 ระบบเสียง
  • High-Resolution Audio (LPCM, FLAC, ALAC, DSD)
  • DSEE HX
  • LDAC
  • Digital Noise Cancelling
  • Clear Audio+
  • S-Force Front Surround
  • Auto-headset compensation
  • Stereo Recording
  • FM Radio
 การเชื่อมต่อ
  • Bluetooth 4.1
  • DLNA
  • WiFi SISO
  • MHL 3.0
  • NFC
อื่นๆ
  • รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
  • กันน้ำกันฝุ่น ( IP65/IP68 )
  • รองรับ Quick Charge 2.0

การเลือกใช้ซีพียูอย่าง Snapdragon 810 ก็ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงเรื่องของความร้อน ซึ่งประเด็นนี้เคยสร้างปัญหาไว้บน Xperia Z3+ ที่ร้อนจนตัวเครื่องบังคับปิดกล้องเพื่อลดความร้อนตามคลิปด้านล่าง

แต่จากที่มีผู้ทดสอบก็พบว่า Xperia Z5 สามารถจัดการความร้อนได้ดีในระดับที่ว่าถ่ายวีดีโอ 4K ต่อเนื่องเกิน 10 นาทีก็ยังอยู่ในระดับอุ่นๆ ในขณะที่มือถือเรือธงคู่แข่งส่วนใหญ่บังคับให้ถ่าย 4K ได้ไม่เกิน 5 นาทีเพราะปัญหาด้านความร้อน

และถ้าลองหาข้อมูลต่อไปอีกก็จะพบว่ามือถือที่ใช้ Snapdragon 810 ไม่จำเป็นว่าต้องร้อนเสมอไปเพราะอยู่ที่การปรับแต่งตัว hardware และ software อย่างเช่นผลโหวตของผู้ใช้ Xiaomi Mi Note Pro ซึ่งเป็น Snapdragon 810 ก็ออกมาว่าไม่ร้อนจนเกินไป

ประเด็นเรื่องแรม 2 GB บนรุ่น Compact ที่บางคนบ่นว่าให้มาน้อย ก็ต้องบอกว่าอย่าเอาไปเปรียบเทียบกับพวก Samsung หรือ LG ครับ เพราะคนที่ใช้ Xperia มาก่อนจะรู้ว่าค่ายนี้ทำรอมออกมาค่อนข้างดี ไม่เขมือบสเป็กเหมือนฝั่งเกาหลี และจากที่เคยใช้โซนี่มาหลายรุ่นจนถึง Z3 Compact ที่เป็นแรม 2 GB ก็พบว่ามันทำงานได้ลื่นไหลมาก

เลยทำให้เชื่อได้ว่าแรม 2 GB บน Z5 Compact ก็น่าจะทำงานได้ลื่นไหลเช่นกัน เว้นแต่ปัญหานั้นจะมาจากตัว Android Lollipop เองที่ยังจัดการแรมได้ไม่ดี ( ตามข้อมูลคือปัญหานี้จะถูกแก้บน Android M )

Screen Shot 2015-09-03 at 07.13.34

แต่ที่น่าสนใจคือประเด็นเรื่องหน้าจอความละเอียด 4K บนรุ่น Premium เนื่องด้วยเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่ให้ความละเอียดมาสูงขนาดนี้ ทำให้ภาพคมชัดกว่าที่เคย แต่ก็เพราะความละเอียดที่สูงขึ้นจึงมีการประมวลผลที่หนักขึ้น ซึ่งปัญหานี้เริ่มขึ้นตั้งแต่สงครามหน้าจอ 2K ถือกำเนิด แต่ในทางกลับกัน รุ่น Compact ที่มีความละเอียดเพียงแค่ HD เลยกลายเป็นมือถือที่แบตเตอรี่อึดมาก

อย่างไรก็ตามโซนี่ก็บอกว่าถ้าเปิด Stamina mode ก็จะใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 2 วันไม่ต่างจากรุ่นก่อนๆ ซึ่งต้องอธิบายเพิ่มเติมสำหรับคนที่ไม่เคยใช้โซนี่ เพราะว่าระบบประหยัดพลังงานของค่ายนี้ต่างจากค่ายอื่น มือถือส่วนใหญ่ใช้วิธีประหยัดพลังงานด้วยการลดการประมวลผลระหว่างใช้งาน นั่นคือลดความเร็ว ลดแสงหน้าจอ และตัดการเชื่อมต่อบางส่วน ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมแย่ลง แต่ของโซนี่ใช้วิธีตัดการเชื่อมต่อระหว่างปิดหน้าจอ คล้ายกับการเปิด Airplane mode ซึ่งจะช่วยยืดอายุได้อีกนานมาก

แต่ Stamina mode ของโซนี่ก็ไม่เหมือนกับ Airplane mode เพราะ Airplane mode จะตัดการเชื่อมต่อทุกอย่างแต่ Stamina mode เปิดโอกาสให้เราเลือกได้ว่าจะให้แอพไหนทำงานบ้าง เช่น Facebook, Line ฯลฯ ช่วยให้เราไม่พลาดข้อมูลที่สำคัญ รวมถึง Stamina mode มีระบบจัดคิวการเชื่อมต่อเพื่อให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น และ Stamina mode รุ่นหลังๆ ก็มีตัวเลือกให้ลดความเร็วเหมือนค่ายอื่นๆ อีกด้วย

ยังไม่หมด… Stamina mode มีระบบจัดการเปิด-ปิด WiFi ให้อัตโนมัติ โดยอิงจากพิกัดตำแหน่งที่เคยเชื่อมต่อ WiFi และจะทำการปิดเมื่อออกจากบริเวณที่เคยเชื่อมต่อ แล้วก็จะเปิดให้เองเมื่อเข้าสู่บริเวณที่เคยเชื่อมต่อ

จากประสบการณ์ส่วนตัว แนะนำว่าให้เปิดระบบนี้ไว้ตลอดเวลา เพราะไม่ลดประสิทธิภาพและยังช่วยยืดเวลาใช้งานให้ยาวนานขึ้นอีกมาก

https://www.youtube.com/watch?v=X8NO87Dl04Q

ประเด็นเรื่องความละเอียด HD บนหน้าจอขนาด 4.6 นิ้วในรุ่น Compact สื่อต่างชาติก็ลงความเห็นตรงกันว่ามันดูเหมือนน้อย แต่การใช้งานจริงมันดูดี ซึ่งผมก็เคยใช้ Z3 Compact และพบว่าภาพคมชัดแบบที่ใช้แล้วไม่ขัดตา

Xperia Z5 ทั้งสามรุ่นมีจุดขายที่แตกต่างกันคือเรื่องขนาดและความละเอียดหน้าจอ ถ้าชอบจอละเอียดก็เลือกรุ่น Premium แต่ถ้าชอบกระทัดรัดก็เลือก Compact ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ยังไม่มีค่ายไหนที่กระโดดมาเป็นคู่แข่งโดยตรง เพราะค่ายอื่นไม่ค่อยทำมือถือจอเล็กสเป็กดีเลยมีที่ว่างให้ Compact ส่วนคนที่ชอบจอใหญ่ก็ยังไม่มีรุ่นไหนที่จอละเอียด 4K ก็เลยเป็นที่ว่างให้รุ่น Premium

Screen Shot 2015-09-03 at 07.08.23

Xperia Z5 น่าจะเป็นแบรนด์ใหญ่รายแรกที่จับเอาสแกนนิ้วมือมาไว้บนปุ่มพาวเวอร์ ทำให้การสแกนมีลักษณะคล้าย iPhone 6 และ Galaxy S6 ที่สามารถกดนิ้วลงไปเพื่อให้สแกนพร้อมกับเปิดหน้าจอ แต่ความต่างมีอยู่ว่าการเลือกจัดวางแบบนี้ ทำให้สามารถจับเอาปุ่ม back, home, recent apps ไปเป็นแบบ virtual button ตามมาตรฐานที่ Google วางไว้ ต่างจาก Galaxy S6 ที่เลือกใช้ hard button

Screen Shot 2015-09-03 at 07.44.27

ระบบเสียงเป็นอีกส่วนที่โซนี่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่คนทั่วไปไม่รู้และไม่สนใจเพราะไม่ได้ใช้ ถ้าให้เลือกหยิบเฉพาะที่เด่นๆ ก็จะมี S-Force Front Surround หรือเรียกให้ง่ายขึ้นก็คือลำโพงคู่ด้านหน้า ที่เคยทำให้ผมประทับใจบน Z3 Compact เพราะมันให้มิติและทิศทางของเสียงที่ดีมาก ถ้านึกไม่ออกก็ลองนึกถึง BoomSound ของ HTC ที่มีลำโพงคู่อยู่ด้านหน้า… แน่นอนว่าเสียงมันต้องดีกว่าการวางไว้ด้านข้างหรือด้านหลัง

ส่วนระบบ DSEE HX จะช่วยปรับแต่งไฟล์เสียงคุณภาพต่ำให้มีคุณภาพใกล้เคียง hi-res ให้มากที่สุด ซึ่งโซนี่ใช้คำอธิบายไว้ว่า “upscales low-res and compressed audio files to almost hi-res quality”

Screen Shot 2015-09-03 at 08.08.39

ปรกติแล้วการฟังเพลงผ่าน Bluetooth จะให้คุณภาพที่แย่กว่าการเสียบสายตรงเข้าเครื่อง ดังนั้นโซนี่เลยคิดค้นเทคโนโลยี LDAC ที่ช่วยให้การฟังเพลงผ่าน Bluetooth มีคุณภาพที่ดีขึ้น ซึ่งต้องใช้ร่วมกับหูฟังหรือลำโพงที่รองรับ LDAC ด้วย …และคนทั่วไปก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้

Screen Shot 2015-09-03 at 07.08.03

เรื่องกล้องนี่ก็เป็นอีกสิ่งที่แปลกและลี้ลับมาก เพราะเซ็นเซอร์ของโซนี่จัดว่าเป็นแถวหน้าของวงการ เรียกได้ว่าค่ายไหนหยิบเอาเซ็นเซอร์โซนี่ไปใช้ก็จะเขียนโม้ด้วยความภาคภูมิใจ แต่ตัวโซนี่เองกลับทำกล้องออกมาได้ไม่ดีนัก ก็คือตั้งแต่ยุค Xperia Z1 ที่เปลี่ยนเป็นเลนส์ G ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน เพราะมันถ่ายได้สวยแต่ต้องใช้ให้เป็น ไม่งั้นมันจะออกมาดูแย่กว่าคู่แข่ง แต่โซนี่ก็ได้ปรับปรุงขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึง Xperia Z5 ที่ขยับความละเอียดขึ้นไปเป็น 23 ล้านพิกเซล และมาพร้อมระบบ Hybrid Auto Focus ซึ่งถือว่าเป็นของใหม่สำหรับวงการมือถือ

ในขณะที่ชาวบ้านหันไปใส่ OIS ( Optical Image Stabilization ) หรือเลนส์กันสั่นซึ่งช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการถ่ายในที่แสงน้อยและลดความเบลอของภาพ แต่โซนี่ก็ยังคงเดินหน้าสร้างอารยธรรมตัวเองด้วยการปฏิเสธ OIS และมุ่งมั่นพัฒนา SteadyShot ซึ่งความจริงมันก็คือกันสั่นด้วย software นั่นล่ะ

สิ่งที่โซนี่พยายามทำก็คือการปรับปรุง software ให้ดีขึ้นเพราะตัว hardware ดีอยู่แล้ว โดยเน้น 3 ประเด็นที่มีแนวคิดต่างจากค่ายอื่น คือ

  1. ISO 12800
  2. SteadyShot
  3. Hybrid Auto Focus

flash-off

ในประเด็นของ ISO 12800 ก็เป็นจุดขายมาโดยตลอด เพราะเป็นมือถือค่ายเดียวที่ดันค่า ISO ได้สูงขนาดนี้ ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สว่างกว่าค่ายอื่นๆ ซึ่งจะเห็นประโยชน์ก็ต่อเมื่ออยู่ในที่แสงน้อยมากๆ แต่ถ้าเป็นช่วงพลบค่ำที่มีแสงไฟก็ยังทำได้ไม่ดีเท่ารุ่นที่มี OIS

หมายเหตุ รูพรุนๆ บนกำแพงในรูปไม่ใช่ noise นะครับ แต่เป็นกำแพงของห้องซ้อมดนตรีเลยมีรูแบบนั้น ซึ่งผมเลือกถ่ายห้องนี้เพราะโซนี่รุ่นก่อนๆ อย่าง Z1, Z2 จะพยายามลบ noise จนทำให้รูบนกำแพงหายไป แต่ Z3 Compact ยังคงมีรูบนกำแพงตามที่ควร

VideoCrops

SteadyShot ทำได้ค่อนข้างดีบนกล้องจริงๆ ของโซนี่อย่างเช่น RX100 หรือพวก Mirrorless โดยใช้หลักการ crop เอาเฉพาะส่วนที่ไม่สั่น และบน Xperia Z5 ก็พัฒนาต่อไปถึงระดับ Intelligent Active SteadyShot เช่นเดียวกับบนกล้องจริงแล้ว

ส่วนสาเหตุที่ไม่ใช้ OIS ก็เพราะโซนี่เชื่อว่า SteadyShot มีประสิทธิภาพในการสั่นใกล้เคียงกับ OIS …ซึ่งที่จริงคงต้องบอกว่า SteadyShot ลดอาการสั่นได้ดีกว่า OIS ด้วยซ้ำ ลองดูจากคลิปเปรียบเทียบระหว่าง Xperia Z3 ที่ใช้ SteadyShot กับรุ่นที่มี OIS ทั้ง iPhone 6 Plus และ LG G3 ครับ

แต่ปัญหาคือ SteadyShot ใช้สำหรับการถ่ายวีดีโอเท่านั้น ทำให้การถ่ายภาพนิ่งก็ยังคงมีโอกาสสั่นและเบลอ ดังนั้นโซนี่จึงเลือกแก้ปัญหาการสั่นบนภาพนิ่งด้วยการโฟกัสและถ่ายให้เร็วขึ้น เพื่อให้ถ่ายเสร็จก่อนที่มือจะสั่น ซึ่งแนวคิดการเพิ่มความเร็วของการโฟกัสถูกใช้ครั้งแรกบน Xperia M5 กับ Hybrid Auto Focus ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของบนมือถือ เนื่องจากเป็นการควบรวมความสามารถของ Contrast และ Phase Detection เข้าด้วยกัน ในขณะที่มือถือส่วนใหญ่ยังเป็น Contrast Detection และมีบางรุ่นที่เป็น Phase Detection

แต่ความเปลี่ยนแปลงบน Xperia M5 ยังไม่ดีพอ เพราะโฟกัสได้เร็วแต่ถ่ายได้ช้า ทำให้ผมเกิดคำถามว่า Xperia Z5 จะเป็นอาการเดียวกันรึเปล่า?

เลยหาข้อมูลต่อก็พบว่า Xperia Z5 ถ่ายได้เร็วมาก สมกับที่บอกว่าถ่ายได้เร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็วโฟกัส 0.03 วินาที ( ดูได้จากในคลิป ช่วงนาทีที่ 4.10 )

z5photo

สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนที่ได้ลองเล่น Xperia Z5 ก็คือการถ่ายรูปในอัตราส่วน 4:3 และ 16:9 มันต่างจากรุ่นอื่น!

ปรกติแล้วการถ่ายรูปในอัตราส่วน 16:9 จะเป็นการนำรูป 4:3 มาตัดขอบบนและล่างเพื่อให้ดูเหมือนว่าภาพกว้างกว่าเดิม แต่จากที่มีคนได้ทดสอบก็พบว่าการถ่ายรูปในอัตราส่วน 16:9 มีความละเอียดด้านกว้างเยอะกว่า เลยทำให้เกิดการคำนวณเพื่อค้นหาความจริงได้ว่า…

Xperia Z5 ถ่ายรูปในอัตราส่วน 4:3 ได้ที่ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล หรือ 5,520 x 4,140 และอัตราส่วน 16:9 จะได้ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล หรือ 5,984 x 3,366 ซึ่งจะเห็นได้ว่าจำนวนพิกเซลด้านกว้างของ 16:9 มีเยอะกว่า 4:3 นั่นหมายถึง Xperia Z5 ไม่ได้ใช้วิธี crop ตัดบน-ล่าง แต่ใช้วิธีถ่ายด้วยตำแหน่งเซ็นเซอร์ที่ต่างกัน

xperia-sensor

และถ้านำตัวเลขพิกเซลสูงสุดมาคำนวณจะได้ว่า 5,984 x 4,140 ซึ่งก็คือ 24.77 ล้านพิกเซล นั่นอาจบอกได้ว่าความจริงแล้ว Xperia Z5 มีความละเอียดกล้องที่แท้จริง 25 ล้านพิกเซล แต่เนื่องด้วยตัวระบบอนุญาตให้ปรับได้แค่ 23 ล้านพิกเซล จึงเลือกโฆษณาว่ากล้องความละเอียด 23 ล้านพิกเซลแทน เพื่อป้องกันการโวยวายจากผู้ใช้

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือกล้องหน้าที่ยังเลือกใช้ Exmor R ในขณะที่รุ่นต่ำกว่าที่พึ่งเปิดตัวอย่าง Xperia C5 และ M5 เลือกใช้ Exmor RS ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์แบบเดียวกับกล้องหลังที่ทำงานได้ดีกว่า

อีกส่วนที่โซนี่เน้นก็คือ Clear Image Zoom 5 เท่า ที่เป็นการซูมแบบที่พยายามคงความคมชัดไว้ให้มากที่สุด ต่างจาก Digital Zoom บนมือถือทั่วไปที่ซูมแล้วภาพแตก

Screen Shot 2015-09-03 at 09.43.26

เรื่องสุดท้ายคือเรื่องกันน้ำกันฝุ่นซึ่งอาจเรียกได้ว่าโซนี่เป็นผู้นำก็ว่าได้ จากการใช้งานจริงตั้งแต่ Xperia Z จนมาถึง Z3 Compact ก็พบว่าถ้าใช้งานถูกวิธี มันสามารถกันน้ำได้ดีมาก ซึ่งผมเอาลงไปถ่ายเล่นในสระน้ำอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่งานสงกรานต์ รวมถึงเพื่อนๆ เอาไปถ่ายระหว่างเล่นเจ็ทสกีหลายครั้ง ก็ไม่เคยมีปัญหา

แต่มีบางคนที่ใช้งานแล้วบอกว่า “น้ำเข้า” ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน อาจจะเป็นตัวเครื่องประกอบมาไม่ดี หรืออาจเป็นเพราะใช้ไม่ถูกวิธีก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่จุดสำคัญคือถ้าน้ำเข้าและแถบความชื้นขึ้น ก็ถือว่าประกันขาดนะครับ เพราะเค้าไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเราใช้งานตามเงื่อนไขรึเปล่า เช่น ลงน้ำลึกเกินกว่า 1.5 เมตร

Screen Shot 2015-09-03 at 09.52.07

ที่ผ่านมาตั้งแต่ Xperia Z1 จนถึง Z3+ คล้ายกับมือถือที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและยังไม่เสร็จดี เลยทำให้กระแสตอบรับไม่ดีนัก ต่างจาก Xperia Z5 ที่ทำเอาสื่อใหญ่เล่นข่าวกันทุกสำนัก คนแชร์กันอีกเพียบ ก็อาจเรียกได้ว่า Xperia Z5 นี่แหละคือร่างสมบูรณ์ของ Z series ที่มีดีพอจะสู้กับคู่แข่งแล้ว

Screen Shot 2015-09-03 at 10.49.42

อันนี้แถมให้ …คาดว่ารุ่นที่จะวางขายในไทยจะเป็นรุ่น 2 ซิม ยกเว้น Compact ที่จะเป็น 1 ซิม

อัพเดทข้อมูลเวลา 15:50 น. รุ่นที่คาดว่าจะนำเข้าไทย

Screen Shot 2015-09-03 at 15.51.22

และก็แถมอีกรอบ เพราะเมื่อเข้าไปดูในหน้าเว็บโซนี่อีกครั้งก็มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล จากรุ่น dual sim เป็น single sim เรียบร้อยแล้ว

อัพเดทข้อมูลเวลา 21:50 น. UI กล้องแบบใหม่

เท่าที่ดูจากในคลิปนี้เหมือนว่า Manual mode ยังปรับได้น้อยกว่าคู่แข่ง ก็ต้องรอดูกันอีกทีว่าเครื่องที่วางขายจริงจะเป็นเช่นไร หรือจะมีการอัพเดทเพิ่มเติมหรือไม่

อัพเดทข้อมูลเวลา 06:25 น. 2015/09/05 โซนี่แก้ปัญหาความร้อนด้วยการเพิ่ม Dual Heat Pipe

ที่มา: droid-life , phonearena , LDAC , dpreviewbd , gsmarena , sonymobile