PTG วางโรดแมป 2566 “Drive for Tomorrow” ยกระดับธุรกิจ Oil และ Non Oil ให้เติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ

PTG เผยแผนโรดแมป ปี 2566 ด้วยวิสัยทัศน์ “Drive for Tomorrow” ยกระดับสถานีบริการน้ำมัน PT และบริการผ่าน PT Service Master ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพื่อความ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกด้านของชีวิต เผยสถิติปี 2565 ทำยอดขายน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์จำนวน 5,316 ล้านลิตร พร้อมเผยผลกลยุทธรุกตลาดของ กาแฟพันธุ์ไทย และแผนอนาคต 5 ปี ขยายธุรกิจ Oil และ Non-Oil ให้เติบโตอย่างยั่งยืนทุกมิติ

2022 Business Overview

PTG 2566

คุณพิทักษณื รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เผยข้อมูลธุรกิจปี 2565 ของ PTG ว่า มีเหตุการณ์สำคญเกิดขึ้นมากมายกับธุรกิจของบริษัท โดยในธุรกิจฝั่งน้ำมัน มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 5,316 ล้านลิตร เติบโต 5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยการเติบโตหลักมาจากช่องทางการค้าปลีกผ่านสถานีบริการที่ 6.5%

นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวสถานีบริการน้ำมัน PT ครบวงจร PT Max Park Salaya ซึ่งเป็นสถานีแฟล็กชิปรูปแบบแรกที่ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย มีบริการด้วยหัวจ่ายน้ำมันระบบดิจิทัล พร้อมทั้งจัดให้มีพนักงาน PT Service Master เข้ามาอำนวยความสะดวกในส่วนของการให้บริการจำหน่ายน้ำมัน ซึ่งพนักงานจะได้รับการฝึกอบรมเป็นพิเศษ เพื่อมาเสริมสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่กลุ่มลูกค้า

PTG 2566

ทางด้านธุรกิจที่ไม่ใช่กลุ่มน้ำมัน (Non-Oil) ทางบริษัทฯ ได้มีการร่วมมือกับทาง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแหน่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT ภายใต้ชื่อ “Elex by EGAT MAX” โดยในสิ้นปี 2565 ได้มีการติดตั้งไปแล้ว 35 สถานี และมีแผนที่จะติดตั้งเพิ่มเป็น 65 สถานีภายในปี 2566 กระจายตามจุดสำคัญทั่วประเทศไทย

กาแฟพันธุ์ไทย ในปีที่ผ่านมาถือว่ามีการเติบโตอย่างงดงาม ด้วยแผนกลยุทธ 4 ด้านคือ

  • มุ่งขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยในรูปแบบแฟรนไชส์ ทั้งภายในและภายนอกสถานีบริการน้ำมัน PT
  • เพิ่มเมนูเครื่องดื่มใหม่ๆ โดยใช้วัตถุดิบที่มีรสชาติดีและหาทานได้ยากจากทั่วทุกภูมิภาค
  • เน้น Delivery Platform ให้มากขึ้น ทั้งเพิ่มการรับรูและการมองเห็น และการเข้าถึงแบรนด์ของลูกค้าให้มากขึ้น
  • นำข้อมูลลูกค้าจากบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max CardPlus มาวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค

นอกจากนี้ยังมีอีกปัจจัยสำคัญที่เข้ามาเสริมธุรกิจ Oil และ Non-Oil ก็คือ Max Me ที่ได้เปิดตัวเมื่อไตรมาส 3 ปี 2565 ที่ผ่านมา เป็นแอปพลิเคชันที่เข้ามาตอบโจทย์สมาชิกบัตร PT Max Card ที่ปัจจุบันมีกว่า 19 ล้านสมาชิก ให้สามารถสะสมแต้ม และใช้เป็น e-wallet เพื่อใช้จ่ายผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

PTG 2566

ในการพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม PTG ได้ร่วมลงนามสัญญาก่อสร้างและบริหารจัดการโครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากชุมชน ณ เทศบาลเมืองบ้านพรุ จังหวัดสงขลา ขนาด 4.5 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ลงนามสัญญาก่อสร้างและบริหารกับทางเทศบาลเมื่องบ้านพรุไปในปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในไตรมาส 3 / 2566 และจะเปิดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในปี 2568

โดยความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยลดปริมาณขยะสะสม ลดผลกระทบจากกลิ่นขยะและน้ำเสีย อีกทั้งยังเป็นการนำของเสียมาก่อให้เกิดประโยชน์ และส่งเสริมสุขอนามัย สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้ดีขึ้น

ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า PTG ตั้งเป้าหมาย จะมี Retail Oil Market Share กว่า 25% มีจำนวนสมาชิก PT max Card มากกว่า 30 ล้านคน และร้านกาแฟพันธุ์ไทยจะมีกว่า 5,000 สาขา พร้อมพัฒนาและมุ่งหาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของ PTG สร้างประสบการณ์ O2O ที่ไร้รอยต่อ รวมถึงการใช้ Data เพื่อให้เกิด End-to-End Personalization ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค

เดินหน้ายกระดับสถานีบริการน้ำมัน PT

  • Expansion and Renovation ตั้งเป้าขยายสาขาทั้งหมดภายในปีนี้ สู่ 2,206 สาขา
  • Service Innovation โดยการยกระดับการให้บริการ ซึ่งบริษัทฯ จัดตั้ง PT Service Master ขึ้นมาเพื่อให้คำแนะนำลูกค้า และจะมี Max Camp แคปซูลส่วนตัวสำหรับพักพ่อนระหว่างการเดินทาง ที่จะให้บริการให้กับสมาชิก Max Card ใช้ได้ฟรี
  • Data Optimization รวบรวมความต้องการของกลุ่มลูกค้าต่างๆ ผ่านฐานสมาชิก เพื่อนำเสนอโปรโมชันที่ตรงใจ และตรงความต้องการลูกค้ามากที่สุด

คุณรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของจำนวนสถานีบริการน้ำมัน PT เมื่อถึงสิ้นปี 2565 ที่ผ่านมา มีอยู่ 2,149 สถานี แบ่งเป็นสถานีบริการฯ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท 1,808 สถานี และสถานีบริการฯ ที่เป็นของผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิจากบริษัท 340 สถานี

ส่วนจำนวนสาขาของธุรกิจฝั่ง Non-Oil สิ้นปีที่ผ่านมา มีทั้งหมด 1,526 สาขา แบ่งเป็น

  • ร้านกาแฟพันธุ์ไทย จำนวน 511 สาขา
  • ธุรกิจ LPG แบ่งเป็น สถานี Auto LPG จำนวน 231 สถานีบริการ และร้านจำหน่ายก๊าซ LPG บรรจุถัง จำนวน 253 สาขา
  • ร้านสะดวกซื้อ Max Mart จำนวน 309 สาขา
  • ร้านกาแฟ Coffee World จำนวน 26 สาขา
  • Autobacs ศูนย์บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ จำนวน 45 สาขา
  • ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน Maxnitron Lube Change จำนวน 52 สาขา
  • จุดพักรถ Max Camp 64 จุด
  • สถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV จำนวน 35 จุดชาร์จ

“ธุรกิจ Non-Oil ของ PTG มีการเติบโตในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น จำนวน Touchpoint ที่เติบโต 36% YoY และมี CAGR 5 ปีเฉลี่ยสะสมที่ 34% รายได้เติบโต 68% YOY และ CAGR 5 ปี ที่ 37% กำไรขั้นต้น เติบโต 50% YOY และ CAGR 5 ปี ที่ 36% และสัดส่วนกำไรชั้นต้นที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี มีสัดส่วนกำไรชั้นต้นในธุรกิจ Non-OI ที่ 18.5% ซึ่งเป็นไปตามที่เรามองไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 15-20%”

PTG Solar Rooftop

ส่วนโครงการ Solar Rooftop เป็นการลงทุนผ่าน บริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด (PTGGE) ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างลงทุนและซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Private PPA กับบริษัทฯ และจะขยายการ ลงทุนในประเทศและต่างประเทศต่อไปในอนาคต ปัจจุบันโครงการนี้มีมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 300 ล้าน บาท และมีกำลังการผลิตไฟฟ้า ทั้ง Phase 1-4 โดยรมประมาณ 8.171 MW โดยในปัจจุบัน Phase 1 และ 2 ได้ดำเนินการติดตั้งเสร็จสิ้นแล้ว โดยปีนี้มีแผนติดตั้งเพิ่มอีก 6.291 MW คาดว่าปี 2567 จะลดปริมาณ การใช้ไฟฟ้า 9.5 ล้านหน่วยต่อปี และคาดว่าจะลดค่าใช้จ่าย 40-50 ล้านบาท รวมทั้งช่วยลดปริมาณการ
ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 4.237 ล้านตันต่อปี