รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ประสิทธิภาพเยี่ยม ถ่ายวิดีโอสนุกในทุกสภาวะแสง

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G เปิดประสบการณ์สู่โลกของ 5G ด้วยดีไซน์สวยหรู บางเบา หนาเพียง 7.6 มิลลิเมตร มาพร้อมกล้องสำหรับถ่ายวิดีโอที่ดีที่สุด ในทุกสภาวะแสง ไม่ว่าจะเป็นกลางแดดจ้าในตอนกลางวัน หรือแสงไฟในยามค่ำคืน ตัวชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 765G ที่ให้ RAM มากถึง 12GB ใช้งานหรือเล่นเกมได้อย่างไหลลื่น คุ้มค่ากับ ราคา 24,990 บาท

ในปีนี้ OPPO Reno Series แต่ละรุ่น ล้วนจัดหนักจัดเต็มให้กับผู้ใช้แบบไม่ยั้งมือ ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ใส่ให้แบบครบครัน ยังพัฒนาเรื่องของดีไซน์ออกมาอย่างสวยงาม ตัวเครื่องมีความบางและเบากว่าเดิม และใน OPPO Reno4 Pro 5G รุ่นนี้ก็มีของดีที่ลองใช้แล้วน่าประทับใจหลายอย่างมาก แต่ก่อนอื่นมาแกะกล่องดูตัวเครื่องกันก่อนเลย

แกะกล่อง Unboxing รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G

แพ็กเกจของ OPPO Reno4 Pro 5G จะเป็นขนาดมาตรฐานเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ของ OPPO โดยด้านนอกสุดจะเป็นแจ็กเกตสีเขียว พิมพ์ชื่อรุ่น Reno4 Pro เป็นสีเงินเหลือบรุ้ง โดยจะมีคำว่า 5G ติดอยู่ที่มุมด้านล่าง และที่มุมด้านบน จะมีข้อความ 12GB | 256GB ซึ่งเป็นความจุ RAM+ROM ของรุ่นนี้

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

อุปกรณ์ในกล่อง จะมีเคสพลาสติกใส TPU สำหรับใส่กันรอยและกันกระแทกให้กับเครื่อง และจะมีเอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้น+การรับประกัน และเข็มจิ้มถาดใส่ซิมมาให้พร้อม

ด้านล่างสุดของกล่อง จะมีตัวหูฟังสมอลล์ทอล์คแบบแจ็ค USB-C, สาย USB-A to USB-C สำหรับชาร์จไฟและโอนถ่ายข้อมูล และอะแดปเตอร์ชาร์จ รองรับมาตรฐาน 65W SuperVOOC 2.0 เรียกว่าให้มาครบ ไม่มีเอาอุปกรณ์เสริมออกเพื่อให้กล่องแบนลงแต่อย่างใด

มาดูกันที่ตัวเครื่องกันบ้าง สำหรับ OPPO Reno4 Pro 5G ที่ทางทีมงานได้มา รีวิว ครั้งนี้ เป็นสี Galactic Blue เป็นสีใหม่ที่มีความสวยสะดุดตา ด้วยลูกเล่นการไล่เฉดสีของสีฟ้ากับสีเงิน และเล่น texture แบบกลิตเตอร์ประกายเหมือนกากเพชร พร้อมทั้งมีข้อความ Reno Glow ซึ่งเป็นชื่อของเทคนิคการเจียระไนเพชรในการผลิตฝาหลัง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันลายนิ้วมือและมีความเงาสะท้องแสงให้ความรู้สึกเหมือนกระจก ทำให้ตัวฝาหลังมีความสวยงาม ไม่เหมือนใคร

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

นอกจากสี Galctic Blue แล้ว OPPO Reno4 Pro 5G ยังมีอีกสีคือ Space Black ที่ตัวพื้นผิวจะมีความเรียบ มันวาวและดูโปร่งแสงเมื่อมีแสงสะท้อน ให้ความรู้สึกลึกลับ น่าค้นหา โดยเพิ่มความสะดุดตาด้วยลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัว O และตัว P จากชื่อแบรนด์ OPPO ที่เรียกว่า “OPPO Monogram”

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

ตัวชุดกล้องหลังนั้น แม้ว่าจะดูมีขนาดใหญ่และนูนออกมาจากตัวเครื่องพอสมควร แต่ก็มีการปรับดีไซน์เพื่อไม่ให้ดูแล้วรู้สึกใหญ่เกินไป มีการเล่นชั้นของชุดกล้องกับตัวเลนส์ ทำให้ดูมีมิติที่ดูดี

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

ความน่าทึ่งในการออกแบบ OPPO Reno4 Pro 5G ก็คือความบางและน้ำหนักที่เบา ด้วยตัวเครื่องที่บางเพียง 7.6 มิลลิเมตร บางลงกว่ารุ่น Reno 3 Pro 0.1 มิลลิเมตร และน้ำหนักของตัวเครื่องอยู่เพียงแค่ 172 กรัมเท่านั้น ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มีความบางและเบาที่สุดในตอนนี้

ขอบด้านข้างดีไซน์โค้งกระชับมือ ส่วนด้านหัวและท้ายจะตัดเรียบดูสวยงาม ปุ่มด้านข้างทางขวาจะเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่องและหน้าจอ ทางซ้ายก็จะเป็นปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

ด้านบนตัวเครื่องจะมีรูของไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างของเครื่อง จะเป็นช่องของถาดใส่ซิม รองรับใส่ได้ 2 ซิม (เพิ่ม microSD ไม่ได้), ช่องไมโครโฟน, พอร์ต USB-C และช่องลำโพงเสียง

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

หน้าจอจะเป็นดีไซน์โค้งแบบ 3D ขนาด 6.5 นิ้ว ที่ขอบข้างจะโค้งไปกับด้านข้างอย่างสวยงาม โดยตัวขอบจอจะแคบลงกว่าเดิม 0.1 มม. ทำให้สัดส่วนของจอต่อพื้นที่ด้านหน้า มากถึง 93.4%

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

จะมีเว้นเจาะรูที่บริเวณมุมซ้ายบนของจอ สำหรับตัวกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล โดยลำโพงเสียงสนทนาจะซ่อนอยู่ที่บริเวณรอยต่อของจอกับขอบข้าง ซึ่งจะทำงานเป็นลำโพงคู่เพื่อให้เสียงแบบสเตอริโออีกด้วย

ด้วยที่ตัวหน้าจอที่เป็น AMOLED และการดีไซน์ที่เน้นความบาง ที่ใต้หน้าจอของ OPPO Reno4 Pro 5G จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งอยู่ด้วย เพื่อสำหรับใช้งานในการปลดล็อคเครื่องได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงยังมีระบบสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคเครื่องได้อีกด้วย

OPPO Reno4 Pro 5G ประสบการณ์ถ่ายวิดีโอด้วยสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

เข้าเรื่องคุยกัน ด้วยการทดสอบการใช้งานด้านถ่ายวิดีโอและกล้องของ OPPO Reno4 Pro 5G กันก่อนเลย ด้วยตัวเซ็ตอัพกล้องหลังรุ่นนี้ จะทำงานกัน 3 ประสานแบบ Triple LDAF Camera ประกอบด้วย

  • กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รูรับแสง f/1.7
  • กล้องมุมกว้าง 120 องศา ultra night wide-angle video 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX708 รูรับแสง f/2.2
  • กล้องเทโลโฟโต้ 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

กล้องหลังของ OPPO Reno4 Pro 5G จะมีเพิ่มระบบจับโฟกัสด้วยเลเซอร์ แบบ LDAF (Laser Detction Auto Focus) ที่มีคุณสมบัติในการจับโฟกัสวัตถุที่รวดเร็ว แม่นยำ และทำงานได้ทั้งในเวลากลางวัน กลางแจ้ง หรือแม้แต่ในสภาพแสงน้อย จึงทำให้เวลาถ่ายภาพก็จะจับโฟกัสได้ไม่พลาด และการถ่ายวิดีโอก็สามารถจับโฟกัสได้แม่นยำ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนมุมภาพ หรือถ่ายแล้วมีการเคลื่อนไหว ทำให้วิดีโอที่ถ่ายได้มีความคมชัดมากที่สุด

ในรุ่นนี้ OPPO ได้ยกระดับและพัฒนาอัลกอริธึมด้านการถ่ายวิดีโอให้ดียิ่งขึ้น โดยมีฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอที่ดีกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นอย่างแตกต่างชัดเจน

Ultra Night Wide-angle Video และ Ultra Night Video ปกติแล้วโหมดถ่ายเวลากลางคืนบนสมาร์ทโฟนจะมีเฉพาะแค่การถ่ายภาพอย่างเดียว แต่ใน OPPO Reno4 Pro 5G สามารถใช้ในการถ่ายวิดีโอได้ด้วย แถมยังถ่ายได้ทั้งกล้องหลักและกล้องมุมกว้าง ทำให้เก็บภาพวิดีโอในสภาพแสงน้อยหรือกลางคืนได้ดีขึ้น

จากที่เราลองใช้ถ่ายวิดีโอในช่วงเวลากลางคืนที่พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ภาพที่ได้จะมีความสว่าง เห็นรายละเอียดมากขึ้นแบบโหมดกลางคืน เทียบกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นที่ไม่มีโหมดนี้จะเห็นเลยว่าวิดีโอที่ถ่ายมาคือมืดและมี Noise เกิดขึ้นเยอะมาก

Ultra Steady Video 3.0 พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น กับระบบลดการสั่นไหวของภาพในเวลาที่ถ่ายวิดีโอ ที่เวอร์ชั่นนี้รองรับการถ่ายวิดีโอกันสั่นได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า โดยระบบมีการปรับแต่งและเรียนรู้ที่จะช่วยปรับลดการสั่นไหวของภาพตามรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ที่มักใช้เป็นประจำ รวมถึงมีการพัฒนาเอฟเฟกต์ให้การถ่ายวิดีโอคมชัด แม่นยำมากที่สุด

Front Steady Video ตัวกล้องหน้าจะเลือกถ่ายวิดีโอได้ที่ 720p และ 1080p 30fps และยังมีฟีเจอร์ถ่ายวิดีโอฟิลเตอร์ปรับหน้าชัดหลังเบลอ พร้อม AI Beauty ได้ด้วย

Ultra Steady Video Pro ถ่ายวิดีโอกล้องหลังเลนส์ Ultra Wide-Angle ในอัตราส่วน 16:9 ได้พร้อมกับระบบกันสั่น มีความเสถียรมากขึ้น เก็บมุมมองได้กว้างกว่า เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น เหมาะสำหรับเอาไว้ถ่ายช็อตเคลื่อนไหวอย่างการเล่นกีฬา

Ultra Steady Video ถ่ายวิดีโอกันสั่นด้วยกล้องหลัก ที่ใช้เทคโนโลยีการทำงานร่วมกันทั้ง OIS และ EIS ทำให้ได้วิดีโอที่มีความลื่นไหล คมชัดระดับ HD

Live HDR การถ่ายวิดีโอแบบ HDR ที่มาช่วยจัดการเรื่องของแสงและความสว่างในภาพ เป็นการปรับเพิ่มระดับแสงตามช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น ทำให้เวลาเราเจอแสงที่มีค่าความต่างสูง อย่างเช่น การย้อนแสงที่มาจากด้านหลัง เหมาะสำหรับในการถ่ายวิดีโอในอาคารที่มีแสงมาจากด้านนอก หรือสภาพที่มีแสงหลากหลาย ให้วิดีโอทั้งภาพมีความสว่างชัดสวยทั้งซีน

ในคลิปตัวอย่างจะเห็นความแตกต่างเลยว่า Live HDR ของ OPPO Reno 4 Pro 5G นอกจากจะเก็บความสว่างของภาพได้ดีกว่าแล้ว ยังจัดการเรื่องย้อนแสงไม่ให้สว่างพร่า มองเห็นได้คมชัดดีขึ้นจริงๆ

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G Cinematic Mode

Cinematic Mode เอาใจคนอยากถ่ายวิดีโอให้ได้อารมณแบบมืออาชีพ โหมดนี้จะเป็นการถ่ายวิดีโอในสัดส่วน 21:9 ซึ่งเป็นขนาดที่ใช้กันในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อาชีพ โดยเลือกปรับแต่งค่าได้อิสระ ทั้งค่ารับแสง (EV) สมดุลแสงสีขาว (WB) ความเร็วชัตเตอร์ (S) ความไวแสง ISO โหมดโฟกัส (AF) และการตั้งค่าการซูม รวมถึงยังเปิดใช้ระบบกันสั่นได้ด้วย

โหมดนี้เหมาะสำหรับใครที่ชอบถ่าย VLOG หรืออยากเอาไว้เก็บฟุตเทจวิดีโอ เพื่อใช้เล่าเรื่องราว ถือว่าดีมากๆ เพราะใช้ประโยชน์เอามาตัดประกอบคลิปได้เลย

ทดสอบถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลัง พร้อมเปิดเอฟเฟ็กต์ Bokeh ที่ช่วยละลายฉากหลัง ให้ไฟด้านหลังเป็นดวงๆ (อันนี้เลือกเปิดแค่ 30%) ก็ทำให้ภาพมีความละมุนสวยงามขึ้น

ถ่ายวิดีโอเซลฟี่กล้องหน้า ก็เลือกเปิดเอฟเฟ็กต์ Bokeh ได้ด้วยเช่นกัน ทำให้ตัวของเรามีความเด่นชัดจากฉากหลัง เหมาะสำหรับเอาไว้ใช้เดินคุยทำ VLOG ได้เลย

ระบบ LDAF คือสิ่งที่ช่วยให้การจับโฟกัสทำงานได้ดีมาก แม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืนหรือแสงน้อย ก็ยังจับโฟกัสได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว

SoLoop แอพพลิเคชั่นตัดต่ออัจฉริยะ สำหรับคนใช้สมาร์ทโฟนออปโป้โดยเฉพาะ เป็นแอปที่ช่วยตัดคลิปวิดีโอได้แบบมืออาชีพด้วยเครื่องมือที่ใช้ง่าย และสร้างคลิปออกมาได้น่าดูน่าสนใจมาก

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G SoLoop

การใช้งานมีให้เลือกได้ทั้งแบบ Auto Generate ที่เลือกคลิปหรือภาพที่ต้องการ จากนั้นเราก็แค่เลือกธีม, เลือกเพลง ระบบจะใช้ AI ช่วยระบุซีนและเนื้อหา ภาพที่ตัดแล้วมาต่อกันได้ต่อเนื่องสวยงาม และจังหวะตัดตรงกับดนตรีของเพลงอีกด้วย และมีฟิลเตอร์ช่วยเกรดสีภาพให้ได้อารมณ์เดียวกันทั้งคลิปให้อีกด้วย

หรือถ้ายากจัดเอง ก็มี Edit Manually ที่เลือกใช้เครื่องมือในการตัดได้ง่าย ใส่เสียง ใส่เอฟเฟ็กต์ และลูกเล่นแต่งในวิดีโอได้หลายอย่าง เรียกว่าเป็นเครื่องมือสำหรับตัดวิดีโอที่ใช้ง่ายและได้งานออกมาดีมาก

สำหรับ SoLoop ผมอยากจะบอกเลยว่าใครที่ใช้สมาร์ทโฟนของ OPPO ควรใช้มากๆ เพราะมีความสามารถตัดวิดีโอที่ดีจริงๆ ดีกว่าแอปเสียตังค์ราคาหลายๆ ร้อยบางแอปเลยด้วยซ้ำ แล้วคุณจะสามารถเอาวิดีโอหรือภาพถ่าย มาทำคลิปเพื่อเล่าเรื่องราวได้สนุกกว่าที่เคย

ฟีเจอร์และโหมดถ่ายภาพต่างๆ

ถ่ายวิดีโอได้ดี ส่วนเรื่องภาพถ่ายก็ยังดีไม่ผิดหวังเช่นกัน กล้องหลังที่เป็น Triple LDAF Camera ทำงานได้ดีกับทุกสถานการณ์ ส่วนกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซลก็ถ่ายเซฟฟี่ได้สวยอย่างน่าประทับใจ

Selfie Beauty Camera : กล้องหน้าความละเอียดสูง ที่ทำงานร่วมกับ AI Beauty ช่วยในการปรับใบหน้าให้สวยเนียนเป็นธรรมชาติ ไม่เพี้ยน ไม่เว่อร์ และยังมี AI Portrait ช่วยปรับฉากหลังเบลออย่างลงตัว

กล้องหน้ามี AI Beauty ที่สาวๆ ทุกคนหลงรัก ทำการปรับความเนียนสวยของใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ถ่ายเซลฟี่มาได้สวยเป๊ะปังอย่างที่ชอบ

AI Portrait ของกล้องหน้า จัดการละลายฉากหลังเพื่อสร้างเอฟเฟ็กต์โบเก้ ที่เลือกปรับได้ตั้งแต่ 0-100% ละลายหลังเบลอๆ ไปเลยก็ยังได้

กล้องหลังถ่าย Portrait ที่สวยคมชัด ปรับเรื่องความชัดลึกตื้นของฉากหลัง และปรับ HDR ให้สีสันสดใสได้ด้วย

Ultra Night Mode ถ่ายภาพเวลากลางคืน ที่จัดการกับค่ารับแสงให้อัตโนมัติ ค่าสมดลุแสงสีขาวที่ไม่เพี้ยน รวมถึง HDR ที่ให้แสงสว่างและสีสันสดใสชัดเจน แถมด้วย Ultra Dark Mode ถ่ายภาพในสภาพมืดมากๆ ให้สว่างมองเห็นรายละเอียดได้เหมือนกับกลางวัน!

เปรียบเทียบภาพถ่ายเวลากลางคืน ภาพแรกเป็นโหมด Photo ปกติ ส่วนทางขวาจะเป็น Ultra Night Mode จะเห็นได้ว่าในพื้นที่ๆ เป็นเงามืดจะมีรายละเอียดสว่างขึ้น ส่วนที่เป็นแสงก็จะมีความคมชัดไม่พร่ามัว

โหมดถ่ายภาพกลางคืน แบบ Ultra Night Mode สามารถถ่ายได้ทั้งมุมปกติและมุมกว้าง ทำให้เก็บมุมมองของ Landscape ได้กว้างกว่าเดิม โดยได้สีสันที่สดใส สวยงาม

โหมด Night ถ่ายในอาคารที่มีแสงน้อย ก็สามารถจัดการเรื่องของแสงได้เป็นอย่างดี ส่วนที่สว่างก็คมชัด และยังเห็นรายละเอียดภายในภาพได้อย่างชัดเจน

ความโหดของ Ultra Dark Mode ที่ถ่ายภาพเวลากลางคืนที่มืดสนิท ให้สามารถเห็นรายละเอียดของภาพได้มากขึ้น

Macro Mode ถึงแม้ว่าจะไม่มีเลนส์ Macro มาให้ แต่ก็ยังถ่ายภาพซูมระยะใกล้ได้ด้วยเลนส์มุมกว้าง โดยภาพที่ได้สามารถเก็บรายละเอียดของภาพขนาดเล็กได้อย่างชัดเจน

ความสามารถในการซูม ตัวเลนส์เทเลโฟโต้ 13 ล้านพิกเซล สามารถซูมภาพถ่ายได้ไกลถึง 20 เท่า ส่วนตัวให้ระยะหวังผลที่คมชัดใช้ได้อยู่ที่ระยะ 5x

ภาพถ่าย HDR กับสภาพที่ย้อนแสง ที่ให้ทั้งภาพมีความสว่างทั้งฉากหน้าและฉากหลัง โดยยังสามารถเห็นรายละเอียดได้แม้ว่าจะอยู่ในช่วงของเงามืด

ประสิทธิภาพเครื่อง ที่พร้อมแล้วกับ 5G

ตัวชิปเซ็ตนั้นใช้เป็น Qualcomm Snapdragon 765G พร้อม RAM ที่ให้มาเยอะมากถึง 12GB และหน่วยความจำภายในเครื่องอีก 256GB ถือว่าเป็นสเปคที่ให้มาเหลือเฟือสำหรับการใช้งานพื้นบาน การเล่นโซเชียล เล่นเนต ถ่ายภาพ ตัดต่อคลิป ฯลฯ ได้แบบไม่มีหน่วง

และที่สำคัญก็คือ การรองรับใช้งาน 5G กับรุ่นนี้เรียกได้ว่าพร้อมใช้งานได้ทันที แถมยังรองรับได้แบบ Dual-Mode คือได้ทั้งแบบ SA และ NSA ที่จะทำการปรับเข้ากับคลื่นความถี่กระแสหลัก โดยที่ทางออปโป้ได้ออกแบบเสาอากาศสัญญาณแบบ 360 องศารอบทิศทาง ที่สามารถปรับจูนการเชื่อมต่อเครือข่ายให้เหมาะสมตามสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม คุยสนทนา ดาวน์โหลดแอป วิดีโอแชท ฯลฯ ระบบจะปรับการรับสัญญาณให้เหมาะกับท่าทางการถือเครื่องของผู้ใช้ เพื่อให้การเชื่อมต่อสัญญาณมีความเสถียรมากที่สุด

แล้วด้วยสเปคนี้ เรื่องการเล่นเกมก็มี Game Space ที่ให้เราเลือกปรับแต่งและรีดประสิทธิภาพของเครื่อง เพื่อให้การเล่นเกมมีความไหลลื่น บรรดาเกมฮิตทั้งหลายเราสามารถปรับเลือกการแสดงผลระดับสูงเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามได้

หน้าจอโค้ง 90Hz แบบ 3D พร้อมระบบเสียงสเตอริโอ Dolby Atmos

ความละเอียดของหน้าจอนั้น เป็น FHD+ 2400 x 1080 พิกเซล คิดเป็นค่าความหนาแน่นของพิกเซลที่ 402 PPI แสดงสีได้ 16 ล้านสี ค่าความสว่างได้ 500-1100 nits ใช้งานได้ดีแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางแดดจัด

ตัวหน้าจอของ OPPO Reno 4 Pro 5G มีค่าอัตราการรีเฟรชที่ 90Hz ค่าความไวตอบสนองการสัมผัสที่ 180 Hz รองรับ HDR 10+ โดยใช้วัสดุเรืองแสง E3 ที่มีค่า Contrast ratio 5000000:1 รวมถึงยังผ่านมาตรฐานการรับรอง TÜV Rheinland ในเรื่องการปล่อยแสงสีฟ้าในระดับที่ต่ำ ที่ช่วยถนอมสายตาจากการใช้งานไม่ให้เกิดความเมื่อยล้าหรือปวดตา

ตัวหน้าจอถือว่าเป็นสเปคที่เหมาะสำหรับใช้เพื่อความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม สีสันที่ได้นั้นถือว่าสดใสคมชัดดีมาก และเสริมอารมณ์ให้ดียิ่งขึ้น ด้วยระบบเสียงที่เป็นลำโพงคู่สเตอริโอ รองรับ Dolby Atmos ที่ให้เสียงดังกังวาน สม่ำเสมอ ไม่แตกพร่า และให้เอฟเฟกต์เสียงเบสที่หนักแน่นชัดเจน ทำให้ทุกความบันเทิงได้อรรถรสที่ดียิ่งขึ้น

แบตเตอรี่ 4000 mAh + 65W SuperVOOC 2.0

เรื่องแบตเตอรี่กับ OPPO ถือว่าเป็นเรื่องที่สบายหายห่วงมาโดยตลอด เพราะถึงแม้เครื่องจะมีความบางและเบา แต่ก็ยังให้แบตเตอรี่มาถึง 4000 mAh เป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับการใช้งานระหว่างวันได้สบายๆ หรือถ้าจะชาร์จแบตก็รวดเร็วทันใจ ด้วย 65W SuperVOOC 2.0 ที่ใช้เวลาน้อยลงถึง 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

OPPO พัฒนาระบบการชาร์จเร็วมาโดยตลอด และดีขึ้นเรื่อยๆ โดยใน 65W SuperVOOC 2.0 จะเป็นการชาร์จไฟฟ้าแรงดันต่ำ กับกระแสไฟฟ้าแรงดันสูง โดยตัวแบตฯ ในเครื่องจะถูกแบ่งออกเป็นเซลล์ไฟฟ้า 2 ชิ้น ทำให้สามารถชาร์จได้เร็วกว่าเดิม อีกทั้งวิธีนี้ยังช่วยลดความร้อนสะสมในระหว่างการชาร์จ ไม่ให้อุณหภูมิสูงเกินขีดจำกัด

Super Power Saving Mode

ระบบที่มาช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงาน เอาไว้ในเวลาที่ฉุกเฉินจริงๆ โดยโหมดนี้จะปรับลดการใช้พลังงานของ CPU และปรับแสงพื้นหลัง เพื่อเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ สลับกับการจัดสรรการใช้พลังงานโดยเลือกให้ใช้งานแอปที่สำคัญได้ 6 แอป

โดยโหมดนี้ระบบจะแจ้งเตือนผู้ใช้ขึ้นมา เมื่อแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 5-10% เพื่อให้เราเลือกได้ว่าต้องการยืดเวลาการใช้แบตเตอรี่มากกว่าเดิมหรือไม่

ColorOS 7.2 พร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะ ให้ใช้งานสมาร์ทโฟนได้สะดวกยิ่งกว่า

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

ตัวระบบปฏิบัติการที่มาพร้อมเครื่อง จะเป็น ColorOS 7.2 บนพื้นฐาน Android 10 เวอร์ชั่นนี้เรื่องหน้าตาถือว่าเรียบๆ สวยงาม แต่ก็มีเพิ่มเติมฟีเจอร์การใช้งานให้สมาร์ทโฟนมีลูกเล่นและปรับแต่งใช้งานได้มากขึ้น แนะนำให้ลองเข้าใน OPPO Lab ที่จะมีลูกเล่นดีๆ ให้ได้ลองหลายอย่างเลย

  • Gravity Wallpaper ตัววอลเปเปอร์หน้าจอหลัก ที่สามารถปรับเอฟเฟ็กต์มุมมองตามมุมการถือและแรงโน้มถ่วงของโลก และเร็วๆ นี้จะมี Artist Wallpaper ให้ใช้อีกด้วย
  • Icon pull-down gesture ช่วยให้การใช้งานแบบมือเดียวง่ายขึ้น เราสามารถเลื่อนนิ้วลากหน้าโฮมจากด้านข้างเพื่อยอดขนาดไอคอนแอปลงมาใ เพื่อให้เลือกเปิดใช้งานได้ง่ายขึ้น
  • Personal Icon Style ปรับหน้าตาไอคอนของแอปต่างๆ ในเครื่อง ที่มีให้เลือกทั้งแบบปกติ, material Style, Pebble และแบบ ART+ icons ที่เลือกปรับความโค้งมน, ขนาดไอคอน ฯลฯ ได้เอง
  • 3-Finger screenshot 2.0 สั่งจับภาพหน้าจอได้ด้วยการใช้ 3 นิ้วลากบนจอ ที่มีเพิ่มแบบ แตะค้างไว้แล้วลากเพื่อเก็บภาพบางส่วน หรือแตะแล้วลากยาวลงมาเพื่อเก็บภาพแบบเลื่อนหน้าจอ ทำให้จับภาหน้าจอได้สะดวกกว่าเดิม

สรุป รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G น่าประทับใจแค่ไหน น่าซื้อหรือไม่?

ส่วนตัวแล้ว ค่อนข้างประทับใจกับดีไซน์ ตั้งแต่ตอน OPPO Reno4 ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ในเรื่องของความบางและน้ำหนักของเครื่อง ที่ผ่านมาสมาร์ทโฟนที่แข่งกันจอใหญ่ใส่แบตเตอรี่เยอะๆ จนทำให้เครื่องออกมาหนาแถมหนักมาก ด้วยความบาง 7.6 มิลลิเมตร และหนักเพียง 172 กรัม ทำให้มันถือใช้งานได้ถนัดมือดีมาก จะมีแอบไม่ชอบนิดๆ ที่จอเป็นขอบโค้งเพราะส่วนตัวชอบจอแบบแบนที่ถือเล่นเกมได้ถนัดกว่า

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

สเปคเครื่องชิปเซ็ตเป็น Snapdragon 765G รุ่นใหม่ ที่อาจจะไม่ใช่ตัวท็อปสุด แต่ก็แรงพอสำหรับการใช้งานและเล่นเกม บวกกับ ROM และ RAM ให้มาเยอะเหลือกินเหลือใช้ รวมถึงการประหยัดพลังงาน การใช้งานต่างๆ ถือว่าไม่มีปัญหาอะไร

แบตเตอรี่ 4000 mAh ที่ใช้ทั่วไปยังไงก็อยู่รอดได้เต็มวัน ถ้าเล่นเกมหนักๆ ก็อยู่ได้ประมาณ 4 ชั่วโมงนิดๆ ความดีงามสุดก็ยังเป็นเรื่องระบบชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0 ที่เร็วชนิดที่ว่า ตื่นมาแบตหมดเกลี้ยง เสียบชาร์จทิ้งไว้ไปอาบน้ำกินข้าว แค่ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้แบตเตอรี่เกือบเต็มแล้ว หรือถ้าจะเสียบชาร์จพร้อมใช้งานไปด้วยก็ไม่มีปัญหาอะไร

เรื่องของกล้อง ที่ OPPO ชูจุดเด่นเลยคือการถ่ายวิดีโอ ถือว่าทำได้ดีจริงๆ โหมดกันสั่นนิ่งระดับที่ว่าถือเดินถ่ายวิดีโอได้สูสีกับการใช้ Gimbal หนีบเครื่องถือเลย ถ้าจะเอาไว้เก็บถ่ายฟุตเทจต่างๆ ทำ VLOG ได้สบายๆ ถ่ายเสร็จตัดด้วย SoLoop ก็ได้คลิปสวยๆ อัพขึ้นโซเชียลได้ทันที

แล้วดีมากกับ Night Mode สำหรับการถ่ายวิดีโอ น่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกเลยที่ทำได้ เราสามารถเก็บวิดีโอยามค่ำคืนโดยมีแสงสีที่สดใสได้สวยคมชัด และการมี LDAF ก็ช่วยให้จับโฟกัสได้แม่นยำตลอดเวลา เรื่องหน้าเบลอระหว่างเดินถ่ายวิดีโอนั้นแทบจะไม่มี

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

โดยรวมในเรื่องของการถ่ายวิดีโอแล้ว ถือว่าสอบผ่านใช้แล้วประทับใจครับ มีติดนิดหน่อยเรื่องของไมโครโฟนที่เป็นแบบ 2 ตัว เก็บมิติและตัดเสียงรบกวนได้ในระดับนึง แต่ถ้าใครอยากได้ระบบเสียงดีๆ อาจจะต้องใช้ไมค์นอกมาต่ออีกที

และที่สำคัญที่ทำให้ OPPO Reno4 Pro 5G เป็นตัวเลือกที่น่าซื้อในตอนนี้ ก็คือ รองรับใช้งานเครือข่าย 5G ได้แบบ Dual-mode ทั้ง SA และ NSA ตั้งแต่แกะกล่อง เอามาใส่ซิมเปิดบริการก็ใช้งานได้เลย และใช้ได้กับทุกเครือข่ายที่เริ่มเปิดให้บริการในไทยแล้วตอนนี้

เรื่องของ ราคา OPPO Reno4 Pro 5G เปิดตัวที่ 24,990 บาท ผมคงแนะนำว่าเลือกซื้อแบบ โปรโมชั่น ร่วมกับโอเปอเรเตอร์ ที่ซื้อพร้อมกับแพ็กเกจรายเดือนแล้วได้ส่วนลดค่าเครื่อง เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะว่าคุณซื้อสมาร์ทโฟน 5G มาแล้วจะเอามาใช้ซิมเติมเงิน เน็ต 4G ก็บอกเลยว่าเสียของมากๆ และตอนนี้แพ็กเกจรายเดือน 5G ก็มีออกมาแล้ว ได้ส่วนลดค่าเครื่องไปเยอะเลย ดังนั้นซื้อแบบติดโปรฯ ตอนนี้ คุ้มกว่าซื้อแบบเครื่องเปล่านะ

รีวิว OPPO Reno4 Pro 5G ราคา

สเปค OPPO Reno4 Pro 5G

  • ขนาด 159.6 x 72.5 มิลลิเมตร หนา 7.6 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 172 กรัม
  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว (2400 x 1080px) ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 765G (7nm) Octa-core 2.4GHz
  • RAM 12GB (LPDDR4x)
  • หน่วยความจำภายในเครื่อง 256GB (UFS2.1)
  • กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล f/2.4 มุมกว้าง 80 องศา
  • กล้องหลัง 3 เลนส์ Ultra Clear Triple LDAF
    • กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รูรับแสง f/1.7
    • กล้องมุมกว้าง 120 องศา ultra night wide-angle video 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX708 รูรับแสง f/2.2
    • กล้องเทโลโฟโต้ 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือซ่อนใต้จอ In-display fingerprint sensor และระบบสแกนใบหน้า
  • แบตเตอรี่ 4000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0
  • ระบบปฏิบัติการ ColorOS 7.2 บนพื้นฐาน Android 10
  • รองรับ 2 ซิม
    • SIM 1 : 2G / 3G / 4G / 5G (n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28/n38/n40/n41/n77/n78)
    • SIM 2 : 2G / 3G / 4G
  • ลำโพงคู่สเตอริโอ รองรับ Dolby Atmos
  • Bluetooth 5.1, NFC
  • Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz
  • GPS : A-GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS
  • พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C (USB 2.0)
  • มีให้เลือก 2 สี Galactic Blue และ Space Black
  • ราคา 24,990 บาท (เปิดตัว ตุลาคม 2563)

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน