รีวิว Plantronics BackBeat Pro 5100 หูฟัง True Wireless เสียงดี มีไมค์ตัดเสียงรบกวน

Plantronics BackBeat Pro 5100 หูฟังดีไซน์แบบ True Wireless ที่พัฒนาประสิทธิภาพให้ดีขึ้น จากที่เราได้ลองรีวิวใช้งานมาสักพัก พบว่าไม่ใช่แค่เรื่องเสียงเพลงที่ฟังแล้วให้อรรถรส แต่ยังเด่นเรื่องไมค์ตัดเสียงรบกวนแบบ Noise Canceling ที่เวลาคุยสนทนาให้คุณภาพเสียงที่ดีคมชัดมากๆ กับราคา 6,590 บาท

ในท้องตลาดตอนนี้ มีหูฟังแบบ True Wireless ออกมามากมายหลายรุ่น หลากหลายแบรนด์ ที่ส่วนใหญ่เน้นเรื่องของเสียงในการฟังเพลงเป็นหลัก แต่ก็พบว่ามีหลายรุ่นเลยที่ชูเรื่องเสียงดีสุดยอด แต่ปรากฏว่าตัวไมค์สำหรับคุยสนทนานั้นกลับน่าผิดหวัง คือใช้คุยแล้วมีเสียงรบกวนรอบข้างจนฟังไม่รู้เรื่อง หรือไม่ก็เสียงแห้งและไม่คมชัด

ใครที่เป็นแฟนๆ ติดตามแบรนด์ Plantronics จะรู้ว่าเรื่องไมค์สนทนาเป็นจุดเด่นของแบรนด์นี้ มีตัวหูฟัง Smalltalk สำหรับเน้นเรื่องไมค์อย่างซีรี่ย์ Voyager ออกมาเป็นเจ้าตลาด ด้วยคุณสมบัติในการตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้เวลาคุยสนทนานั้น ให้คุณภาพเสียงที่ดีมาก เรียกว่าเป็นขวัญใจสายนักธุรกิจที่ต้องคุยงานกันทั้งวันเลยล่ะ

และใน BackBeat Pro 5100 ก็เป็นการเอาจุดดีของระบบไมค์ตัดเสียงรบกวนแบบ Noise Cancellation มาใส่ให้ในหูฟังแบบ True Wireless จึงทำให้มันมีความน่าสนใจมากกว่าหูฟังแบบเดียวกันนี้ในท้องตลาด

ระบบไมโครโฟนตัดเสียง Noise Cancellation ระดับสุดยอด

BackBeat Pro 5100 ใส่ระบบไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนมาให้ถึง 4 ตัว ที่ช่วยกรองลดเสียงรบกวนรอบข้างขณะที่สนทนาโทรศัพท์ได้เป็นอย่างดี มีตัว WindSmart Technology มาช่วยตัดเสียงลมพัดเข้ามาด้วย จากที่ลองทดสอบใช้งานจริง ในส่วนของไมค์สนทนานั้น ทำได้ดีจนน่าประทับใจมากๆ ด้วยเสียงคุยที่คมชัดมีมิติ และไม่มีเสียงรบกวนเข้ามา ทำให้อีกฝั่งที่รับสาย สามารถได้ยินเสียงพูดของเราได้ชัดมากๆ

หลังจากที่ได้ลองเอาไปทดสอบในหลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการยืนคุยริมถนนที่มีเสียงรถวิ่ง หรือในห้องที่มีเสียงจอกแจ่กจอแจ เสียงพูดของเราก็ยังคมชัดอยู่ในระดับที่ปลายสายไม่รู้สึกเลยว่าเราอยู่ในพื้นที่ๆ มีเสียงดังมากๆ

เป็นจุดเด่นแรกที่น่าประทับใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ที่ได้ลองหูฟังแบบ True Wireless มา ส่วนใหญ่ในท้องตลาดไปเน้นกันเรื่องของตัวเสียงลำโพงเพื่อฟังเพลงเป็นหลัก แต่กลับละเลยเรื่องไมค์สนทนา ที่ตอนนี้ถือว่ามีความจำเป็นในยุค Mobile ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนตลอดเวลา นั่นคือนอกจากเราจะอยากได้หูฟังเอาไว้ฟังเพลงเพราะๆ แล้ว เราก็อยากได้หูฟังที่เอาไว้คุยโทรศัพท์ได้ดีด้วยเช่นกัน

มาดูเรื่องอื่นๆ ของหูฟังตัวนี้บ้าง จุดเด่นที่น่าสนใจคือการออกแบบที่ทำออกมาได้มีขนาดที่เล็ก และน้ำหนักเบามากๆ โดยที่ตัวหูฟังนั้นมีน้ำหนักเพียงแค่ข้างละ 5.8 กรัมเท่านั้น เมื่อรวมกับตัวเคสชาร์จไฟแล้ว ก็อยู่ที่ราว 50 กรัมนิดๆ เท่านั้น ถือว่าเล็กและพกพาได้ง่ายมาก

ถึงแม้ว่าจะมีน้ำหนักที่เบาและเล็ก แต่เรื่องแบตเตอรี่และเวลาการใช้งานก็ถือว่าน่าพอใจ โดยที่มันสามารถใช้งานต่อการชาร์จเต็ม 100% ได้สูงสุด 6.5 ชั่วโมง คุยสนทนาได้ 4 ชั่วโมง และสามารถชาร์จระหว่างที่เก็บไว้ในตลับได้อีก 2 รอบ ซึ่งนับรวมๆ แล้วก็สามารถใช้งานได้เต็มที่ถึง 19 ชั่วโมง การชาร์จไฟเต็มอยู่ที่ 3 ชั่วโมง (หูฟัง+เคส) และมีโหมดชาร์จเร็ว ที่เก็บหูฟังลงชาร์จเคสแค่ 10 นาที ก็จะชาร์จไฟเอาไว้สำหรับฟังเพลงได้นานถึง 1 ชั่วโมง

ตัวหูฟังดีไซน์ตัวจุก Earbuds เป็นยางที่เวลาใส่จะต้องอุดให้แน่นกับรูหู ในชุดจะมีไซส์มาให้เลือกเปลี่ยน 3 ขนาด (S,M,L) เลือกเปลี่ยนให้กระชับพอดี ตัวหูฟังมีความสามารถกันน้ำได้ที่ระดับ IPX4 คือระดับที่เจอฝน, น้ำกระเซ็น หรือว่าเหงื่อได้ ดังนั้นถ้าจะเอาไว้ใส่เล่นกีฬาหรือออกกำลังกายก็ใช้ได้ไม่มีปัญหา

คุณภาพของเสียง ภายในใช้ไดนามิคไดรเวอร์ขนาด 5.8 มิลลิเมตร ถือว่ามีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับ True Wireless ในระดับเดียวกันในท้องตลาดตอนนี้ ตัวหูฟังที่เป็น Earbud นั้นช่วยเก็บเสียงไว้ในหู แล้วยังมีระบบช่วยกรอง Noise ออกไป คาแรคเตอร์เสียงตัว BackBeat Pro 5100 จะเด่นชัดเรื่องเบสที่ค่อนข้างลึก แน่น ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ของ Plantronics พอสมควร ย่านเสียงสูงถือว่าไม่แผดจนแสบหู เสียงร้องจะออกไปทางกลางๆ แต่ก็ได้รายละเอียดชัดดี เรียกว่าเป็นสไตล์ของหูฟังถูกใจหูคนไทย และคนที่ชอบเอาไว้ใช้ฟังตอนออกกำลังกาย โทนเสียงโดยรวมเรียกว่าฟังสนุกกับเพลงหลายสไตล์ ทั้ง POP, Rock, EDM ฟังสบายๆ ได้ทั้งวัน

การควบคุมจะเป็นการกดและสัมผัสที่ปุ่มบนตัวหูฟังทั้ง 2 ข้าง

• ตัวหูฟังข้างขวา กดปุ่มค้างเพื่อเปิด-ปิด
• เมื่อปิดอยู่แล้วกดปุ่มค้างเพื่อเปิด กดค้างไว้ประมาณ 5 วินาทีจะเข้าโหมด Pairing อุปกรณ์ใหม่
• กดปุ่ม 1 ครั้งเพื่อเล่น/หยุดเพลง
• กดปุ่ม 2 ครั้งเพื่อ Skip ไปเพลงต่อไป
• กดปุ่ม 3 ครั้งเพื่อย้อนกลับไปฟังเพลงก่อนหน้านี้
• ตัวหูฟังข้างซ้าย จะควบคุมด้วยการแตะ แตะ 1 ครั้งเป็นการเพิ่มระดับเสียง แตะค้างไว้จะเป็นการลดระดับเสียง

ที่ตัวหูฟังจะมี Smart Sensor ที่เมื่อเราหยิบออกมาจากเคสมาใส่ ตัวหูฟังจะทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเครื่องที่เรา Pair เอาไว้ให้ทันที ไม่ต้องกดปุ่มเปิด และถ้าระหว่างที่ฟังเพลงอยู่ ถอดหูฟัง เพลงจะ Pause ให้อัตโนมัติ เสียบหูฟังอีกครั้งก็จะเล่นเพลงต่อให้ทันที แล้วพอถอดเอาหูฟังใส่เคส ก็จะทำการปิดตัวแล้วยกเลิกการเชื่อมต่อให้อัตโนมัติ

การใช้งานและเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ผ่าน Bluetooth 5.0 ที่ประหยัดพลังงาน และมีการเชื่อมต่อตรงกับสมาร์ทโฟนแยกกันอิสระระหว่างหูซ้าย-ขวา ต่างจากรุ่นก่อนๆ ที่เป็นลักษณะที่สมาร์ทโฟนเชื่อมต่อกับหูข้างเดียว แล้วหูฟังจะทำการเชื่อมต่อกับอีกข้าง การเชื่อมต่อแบบใหม่นี้ดีกว่าตั้งแต่ความเสถียรในการเชื่อมต่อที่โดนรบกวนได้น้อยกว่า เสียงแทบจะไม่มีสัญญาณขาด แล้วยังสามารถใช้งานข้างเดียวก็ได้

ตัวแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานร่วมจะเป็น App BackBeat ที่เมื่อทำการเชื่อมต่อแล้ว เราจะเข้ามาใช้งานฟีเจอร์ปรับแต่ตัวหูฟังได้ ในส่วนของการควบคุม My Tap ที่ปรับการแตะ (Taps) ที่ปกติแตะหูข้างซ้ายเพื่อปรับเพิ่มลดเสียง เราเลือกปรับให้เป็นการสั่งงานอื่นๆ ได้ และยังมีมีคำสั่ง Find my Headsets แจ้งเตือนตำแหน่งของหูฟังเวลาที่หายหรือลืมไว้ที่ไหน ส่วนเสียงแจ้งสถานะการทำงาน เลือกปรับเป็นภาษาไทยได้ด้วยนะ

สรุป! ชอบ/ไม่ชอบ Plantronics BackBeat Pro 5100 คุ้มราคามั้ย?

ตัวดีไซน์ทำออกมาได้เล็กและเบาดีมากๆ Earbuds สวมแล้วแน่นกระชับแต่ว่าไม่รู้สึกปวดหู ใส่วิ่งใส่ออกกำลังกายก็ไม่มีหลุด ตัวเนื้อเสียงฟังสนุกได้หลายแนวเพลง เหมาะสำหรับ Daily Life แบตเตอรี่ถือว่าอึดดีใช้ได้ ตลับเคสชาร์จเล็กน่ารัก พกสะดวก ไม่รู้สึกเกะกะ

เด่นและชอบมากๆ คือตัวระบบไมค์ตัดเสียงรบกวน ทำได้ดีแบบประทับใจ ใช้สำหรับคุยงานคุยสนทนาได้เสียงใสชัดๆ การเชื่อมต่อเป็น Bluetooth 5.0 สัญญาณเสถียรดีขึ้นมาก สัญญาณเสียงไม่มีขาดไม่มีโดนรบกวน และใช้งานแยกกัน 2 ข้างอิสระ เผื่อเวลาอยากใส่ข้างเดียวเอาไว้คุยงานก็สะดวกดีมาก

แต่ก็มีบางอย่างที่ต้องยอมรับด้วยคือตัว Earbuds ที่เป็นแบบจุกอัดหู ทำให้เวลาใช้เราแทบจะไม่ได้ยินเสียงรอบข้างๆ ด้านนอกเลย (แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเพลงก็ตาม) แล้วแอบเสียดายนิดๆ ที่มีออกมาแค่สีดำสีเดียว

เรื่องของ ราคา Plantronics BackBeat Pro 5100 อยู่ที่ 6,590 บาท จัดจำหน่ายโดย Systems2000 รับประกันสินค้า 2 ปี ถือว่าเป็นราคาไม่ได้สูงมาก พอๆ กับหูฟัง True Wireless ระดับไฮเอนท์แบรนด์อื่นในตลาด ถือว่าคุ้มกับคุณภาพเสียงที่ฟังได้อรรถรถ พร้อมระบบไมค์ขั้นเทพ ขนาดเล็กพกพาง่าย ใส่เล่นกีฬาก็ได้