Nokia เผย Routing Platform ใหม่ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น พร้อมชิป FP4 แรงขึ้น 6 เท่า

Nokia เผย Routing Platform ใหม่ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น พร้อมชิป FP4 แรงขึ้น 6 เท่า

โนเกียพลิกโฉมโลกอินเทอร์เน็ตด้วยนวัตกรรมใหม่ กับ Routing Platform ที่สามารถเพิ่มขีดความสามารถของโครงข่าย IP ยกระดับความปลอดภัยสู่ยุค Cloud และ IoT

โนเกียเปิดตัวแพลตฟอร์ม Internet Routing ที่ทรงพลังที่สุดในโลก ที่จะช่วยให้โครงข่ายในปัจจุบันมีความสามารถในการบริหารจัดการข้อมูล มีความรวดเร็วในการรับส่งข้อมูลที่มากขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถปรับประยุกต์ (adaptable) ใช้ในการสร้างโครงข่ายสื่อสารได้หลากหลาย และมีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้ ชิปประมวลผล FP4 ที่ โนเกียพัฒนาขึ้นมานั้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมหาศาลให้กับโซลูชั่นของโครงข่ายสื่อสารที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในขณะเดียวกัน โนเกียยังเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์โครงข่ายรายแรกที่คิดค้นนวัตกรรมที่สามารถช่วยยกระดับความปลอดภัย ให้กับโครงข่ายสื่อสารอีกด้วย

ปฐมบทใหม่ของโลกอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารแบบเสมือนจริงกับโลกดิจิตอล (Immersive communications), Internet of Things (IoT) ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ ระบบอัตโนมัติต่างๆ มีส่วนช่วยในเพิ่มประสิทธิผล ในโลกของการสื่อสาร โดยรูปแบบการสื่อสารเหล่านี้ ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงาน การใช้ชีวิตของคนทั่วไป อีกทั้งยังก่อให้เกิดความต้องการใหม่ๆ บนโครงข่าย ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในการเข้าถึงข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ วีดีโอ หรือ คอนเทนท์ที่หลากหลาย เหล่านี้ มีส่วนช่วยในการเพิ่มมิติและขนาดข้อมูลในโลกของการสื่อสาร อีกทั้งยังก่อให้เกิดช่องว่างสำหรับภัยคุกคาม รวมไปถึงความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยของข้อมูล ทำให้โครงข่ายสื่อสารข้อมูลยุคใหม่ต้องมีความสามารถที่มากขึ้น นอกเหนือจากการทำงานเละประมวลผลได้เร็วขึ้น

โนเกียเบลล์แลบส์ (Nokia Bell Labs) ได้คาดการณ์อัตราข้อมูล IP ที่วิ่งในโครงข่ายสื่อสารจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยจะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 330 เอ็กซาไบต์ต่อเดือนภายในปี 2565 โดยอัตราเติบโตรวมต่อปีอยู่ที่ร้อยละ 25 และอัตราข้อมูลสูงสุด (peak data rate) จะเติบโตเร็วกว่าเดิมถึงเกือบร้อยละ 40 ต่อปี

การขยายตัวดังกล่าวเป็นผลโดยตรงจากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสตรีมมิ่งความละเอียดสูง รวมถึงเทคโนโลยีล่าสุด การสื่อสารแบบเสมือนจริง (virtual reality) ผนวกกับการถือกำเนิดขึ้นของโครงข่ายความเร็วสูง ที่นอกเหนือไปจากเชื่อมโยงผู้คนต่างๆ แล้ว ยังรวมไปการเชื่อมโยงระหว่างอุปกรณ์ อีกด้วย ทั้งนี้ โนเกียเบลล์แลบส์ คาดการณ์ว่าจะมีอุปกรณ์ที่มีเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตถึง 100,000 ล้านชิ้นภายในปี 2568

ความท้าทายใหม่ๆ เหล่านี้ทำให้เราต้องคิดใหม่เรื่องโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต นายบาซิล อัลวาน ประธานกลุ่มธุรกิจ IP Optical Network – ION ของโนเกีย กล่าวว่าแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตถูกพัฒนามาเพื่อรองรับวิดีโอระดับ HD แบบ on-demand ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไปพร้อมกับการขยายการเชื่อมต่อสู่อุปกรณ์ใหม่ๆ หลายพันล้านชิ้น การพัฒนาและก้าวไปข้างหน้าของระบบสื่อสารจึงต้องการประสิทธิภาพของอุปกรณ์โครงข่ายที่มากขึ้น สามรถบริหารจัดการข้อมูลเชิงลึกที่ดีขึ้น รวมไปถึงระบบการรักษาความปลอดภัย เป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ของโนเกียในครั้งนี้ เรานำเสนอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการรองรับวิวัฒนาการนี้ และที่สำคัญที่สุด เราได้สร้างระบบที่มีความชาญฉลาด เป็นการพัฒนาไปอีกขั้นของโลกสื่อสาร เพื่อประโยชน์ทางสังคม อีกทั้งยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยขีดความสามารถ คุ้มค่า ยืดหยุ่น และปลอดภัยที่สุดเท่าที่เคยพัฒนาขึ้นมา

Nokia 7750 Service Router-s series resize

Routing Platform ที่ทรงพลังที่สุดในโลก

ในขณะเดียวกันโนเกียได้นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ซีรี่ย์ใหม่ Nokia 7750 Service Router (SR)-s ที่มาพร้อมกับ routing platform ที่มีสามารถในการรองรับการสื่อข้อมูลที่มากที่สุดในตลาด โดยสามารถรองรับการประมวลผลด้วยความเร็วสูงสุดระดับ 144 Tb/s ในระบบเดียว

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดตัว Nokia 7950 Extensible Routing System (XRS)-XC ซึ่งเป็นเราเตอร์รุ่นใหม่ระดับเพตะบิต ซึ่งนับเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของกลุ่มผลิตภัณฑ์เราเตอร์หลักของโนเกียและในอุตสาหกรรมนี้ โดยเป็น
เราเตอร์ที่มีความสามารถในการรองรับข้อมูลที่ สูงสุดของโลก ในปัจจุบัน โดยสามารถรองรับการจัดการสื่อสารข้อมูล IP ได้สูงสุดถึง 576 Tb/s ในระบบเดียว โดยสามารถรองรับขนาดของ อินเทอร์เฟสที่เพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ต้องขยาย switching ต่างหาก

IP Routing แพลตฟอร์มรุ่นใหม่ของโนเกียเป็นแพลตฟอร์มรุ่นแรกในอุตสาหกรรมที่ให้ขีดความสามารถในการส่งข้อมูล IP สูงถึงระดับเทระบิต (terabit) ซึ่งสูงกว่าลิงค์แบบ 100 Gb/s ที่ใช้สร้างโครงข่ายหลักของระบบอินเตอร์เน็ต (Internet Backbone) ในปัจจุบันถึง 10 เท่า

อินเทอร์เน็ตที่ชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น

สำหรับ routing platform ใหม่บนเทคโนโลยี FP4 โนเกียได้ผสานขีดความสามารถและสมรรถนะเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งทัศนะวิสัย (visibility) ของข้อมูลต่างๆในโครงข่ายแบบเชิงลึก ระบบการควบคุมที่ละเอียดรัดกุม การวัดและส่งข้อมูลทางไกล (telemetry) และการรักษาความปลอดภัย คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้แน่ใจได้ว่าระบบเครือข่ายที่ทันสมัยของบริษัทผู้ให้บริการด้าน webscale และผู้ให้บริการโทรคมนาคม จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านข้อมูล ปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง และปรับขยายระบบให้สอดคล้องกับความต้องการได้อย่างคุ้มค่าและปลอดภัย ทั้งในส่วนของคลาวด์ 5G และ IoT

เทคโนโลยีด้าน Packet Intelligence และระบบควบคุมเวอร์ชั่นปรับปรุงใหม่ที่ฝังอยู่ใน FP4 เมื่อผสานกับโซลูชั่น Deepfield IP network analytics ของโนเกียและกลุ่มผลิตภัณฑ์ SDN ที่หลากหลายและครอบคลุม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างโอกาสได้ถึงระดับสูงสุด ในขณะเดียวกันยังลดและบรรเทาความเสี่ยงจากภัยคุกคามด้านความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงการโจมตีข้อมูลแบบ DDoS ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ที่กำลังขยายตัวทั้งในแง่ปริมาณและผลกระทบในแต่ละปี ตามรายงานการคาดการณ์ TMT ของ Deloitte Global คาดว่าจะมีการโจมตีมากกว่า 10 ล้านครั้งในปี 2560

Nokia FP4 silicon detects and shuts down DDoS attacks - Infographic

นวัตกรรมของซิลิคอน FP4 ของโนเกีย

พื้นฐานของแพลตฟอร์มใหม่เหล่านี้ คือ ชิปประมวลผล FP4 ซึ่งเป็นชิปเซทล้ำสมัยที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลสำหรับเครือข่ายความเร็ว 2.4 Tb/s รุ่นแรกของโลก มีพลังประมวลผลที่เหนือกว่ากว่ารุ่นอื่นๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันถึง 6 เท่า นับเป็นการเปิดประตูสู่ การสื่อสารข้อมูลด้วย ความเร็วระดับเทระบิต และการสร้างเราเตอร์ที่มีความสามารถระดับเพตะบิตของโนเกีย

นวัตกรรมเหล่านี้เป็นผลมาจากการวิจัยและการพัฒนาด้านวิศวกรรม และใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าล่าสุดในการผลิตชิปเซต โดยใช้การออกแบบชิปเซตดังกล่าวด้วยเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมแบบ 16nm FinFET Plus (16FF+) รวมถึงการออกแบบการทำงานของ อุปกรณ์และซอฟแวร์ในหลายมิติ โดยการออกแบบชิปเซต FP4 ได้สะท้อนถึงนวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรมการออกแบบอื่นๆอีกมากมาย อาทิเช่น หน่วยความจำอัจฉริยะที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ของโนเกีย ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มสมรรถนะการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นภายใต้ขนาดของชิปที่มีขนาดเล็กลง

Nokia เผย Routing Platform ใหม่ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น พร้อมชิป FP4 แรงขึ้น 6 เท่า

ข้อมูลจำเพาะที่สำคัญเกี่ยวกับนวัตกรรมของโนเกีย:

  • Nokia FP4 เป็นชิปประมวลผลเครือข่ายระดับ 2.4 Tb/s ตัวแรกในอุตสาหกรรม
  • เป็นเราเตอร์รุ่นแรกในอุตสาหกรรมที่รองรับปริมาณการ IP Flow ในระดับเทระบิต
  • Nokia 7950 XRS-XC เป็นเราเตอร์ระดับเพตะบิต รุ่นแรกในอุตสาหกรรม ที่มีความสามารถสูง และมีความเร็วในการประมวลผลและจัดการข้อมูลได้ระดับ 576 Tb/s
  • Nokia 7750 SR-s ใหม่ มีความสามารถในการรองรับข้อมูลที่สูง โดย เราเตอร์รุ่น 7750 SR-14s สามารถรองรับการจัดการข้อมูลได้สูงถึง 144 Tb/s และยังสามารถขยายความสามารถเพื่อรองรับข้อมูลที่เพิ่มขึ้นได้ถึง ระดับ 288 Tb/s
  • สามารถเพิ่มความจุของแพลตฟอร์มให้มากกว่าที่เป็นอยู่ได้ถึง 6 เท่า คุ้มค่าต่อการลงทุนสำหรับอุปกรณ์โครงข่าย
  • ขีดความสามารถด้าน packet intelligence ที่เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถข้อมูลเละรายละเอียดที่จำเป็น (visibility) ของระบบโครงข่ายได้แบบเจาะลึก สามารถบริหารจัดการและควบคุมได้อย่างละเอียด ช่วยเพิ่มคุณภาพของโครงข่าย ตลอดจนยกระดับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรโครงข่ายที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น

โนเกียจะเริ่มวางจำหน่ายโซลูชั่นนี้ในไตรมาสที่สี่ ปี 2560

นีล แมคเร ผู้อำนวยการบริหารฝ่าย BT และ Chief Architect กล่าวว่าทุกๆ วัน โครงข่ายที่เราสร้างขึ้นช่วยให้ลูกค้าของเราและชุมชนสามารถรวมตัวและแบ่งปันเรื่องราวกันได้ ตั้งแต่สิ่งง่ายๆ อย่างเช่นการจองโต๊ะอาหารค่ำออนไลน์สำหรับครอบครัวและเพื่อนฝูง ไปจนถึงการเปิดดูภาพแรกเกิดของหลานสาวของคุณ โครงข่ายสื่อสารได้เปลี่ยนโลกของพวกเราในรูปแบบที่เราไม่เคยนึกถึงมาก่อน

ที่ BT การเป็นเครือข่ายที่ดีที่สุดที่คุณเข้าถึงได้ตลอดเวลาที่ต้องการถือเป็นจุดมุ่งหมายของเรา ด้วยความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บวกกับจำนวนแอพพลิเคชั่นบนระบบคลาวด์ที่มีมากขึ้น นวัตกรรมต่างๆ อย่างเช่น ชิปประมวลผล FP4 และ routing platform ใหม่ของโนเกีย ช่วยให้เราสามารถสานต่อความมุ่งมั่นของเราต่อลูกค้าด้วยการสร้างความสมดุลด้านความจุ เทคโนโลยีที่ช่วยในการสรุปภาพรวมของข้อมูล (intelligence) การมองเห็นภาพรวมของระบบ (visibility) และการรักษาความปลอดภัย ทำให้เราสามารถแปลงเป็นวิธีการทำงานของเครือข่ายทั้งการสร้างและปฏิบัติการเป็นแบบที่อาศัยข้อมูลเชิงลึกและอัตโนมัติ และเนื่องจากนวัตกรรมเหล่านี้ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มที่มีอยู่ เราจึงสามารถพัฒนาเครือข่ายที่มีอยู่ให้ทำงานร่วมกัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับยุค ultrafast broadband, 5G, IoT และ machine communications ที่กำลังจะมาถึง