Nubia N1 review

Nubia N1 สมาร์ทโฟนราคาเบาๆ แต่จัดเต็มสเปคมาให้เกินคุ้ม

แบรนด์ Nubia ถือว่าเป็นแบรนด์จีนระดับโลกรายล่าสุดที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยขนเอารุ่นใหม่ล่าสุดที่เริ่มวางขายในปีนี้อย่าง Z11 ทั้ง 3 รุ่น สำหรับรุ่นที่ทีมงานล้ำหน้าฯ จะเอามารีวิวให้ได้ชมกันนี้จะเป็น Nubia N1 ที่เป็นรุ่นที่ออกมาเจาะกลุ่มตลาดที่ผู้ใช้ต้องการสมาร์ทโฟนในราคาไม่สูงมาก แต่ก็มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดี และหลังจากที่ได้ลองทดสอบใช้ N1 มาได้สักพักก็รู้สึกเลยว่า Nubia ผลิต N1 ออกมาได้ดีเกินราคาตั้งที่ขายเพียงแค่ 5,490 บาท เพราะให้ประสบการณ์การใช้งานพื้นฐานได้ดีครบถ้วน แถมทำอะไรได้ในหลายๆ อย่างที่ไม่คาดคิดว่าสมาร์ทโฟนราคาเท่านี้จะทำได้

Nubia N1 : สเปคเบื้องต้น

  • ขนาด 150.9 x 75 มิลลิเมตร หนา 8.9 มิลลิเมตร
  • หนัก 190 กรัม
  • หน้าจอแสดง 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p (1080×1920 pixel : 401 ppi) ครอบด้วยกระจกขอบโค้ง 2.5D
  • ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio P10 Octa-Core 2.0 GHz แบบ 64-bit พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Mali-T860
  • RAM 3GB
  • หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32 GB เพิ่มหน่วยความจำแบบ microSD ได้สูงสุด 128GB
  • กล้องด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล โครงสร้าง 5 ชิ้นเลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED, รูรับแสงกว้างสูงสุดที่
    F/2.2 และระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus)
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมมองกว้าง 80 องศา รูรับแสงกว้างสูงสุดที่
    F/2.2
  • แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ NeoPower
  • ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ครอบทับด้วย nubia UI 4.0
  • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual SIM)
  • รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE พร้อมรองรับเทคโนโลยี VoLTE การสื่อสารผ่านโครงข่าย 4G
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C

แกะกล่อง

ในแพ็กเกจของ Nubia N1 จะเป็นกระดาษที่สามารถรีไซเคิลได้ทั้งหมด ที่ในกล่องเปิดมาจะพบกับตัวเครื่อง ด้านล่างจะมีของแถมมาให้ด้วยเป็นคู่มือพร้อมเข็มกดถาดซิม, สายชาร์จและดาต้าแบบ USB Type-C ความยาว 1 เมตร และ Travel Charger ที่เป็นมาตรฐานชาร์จเร็ว Qualcomm Quick Charge 3.0 มาให้ด้วย ในชุดจะมีเท่านี้ ไม่มีหูฟังสมอลทอล์คแถมมาให้

Nubia N1 - Package

Hand-On

ตัวเครื่อง N1 ที่ทางทีมงานได้มาทดสอบเป็นสีทองแชมเปญโกลด์ (มีให้เลือกอีกสีเป็นสีดำทอง) ตัวเครื่องด้านหลังวัสดุเป็นโลหะให้ผิวสัมผัสที่ดี ด้านหน้าเป็นสีขาวดูเรียบหรู หน้าจอขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD เป็นแบบ LTPS ที่ให้สีที่สดใสและคมชัด แม้ว่าหน้าจอจะมีขนาดใหญ่แต่ออกแบบให้ตัวเครื่องขนาดถือได้ถนัดมือ ด้านบนจอจะมีเซนเซอร์แสง, ลำโพงสนทนา และกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล ตัวกระจกหน้าเป็น Gorilla Glass 3 แบบ 2.5 D ขอบโค้ง และรอบขอบจะเป็นสีทองเงาเสริมความหรูหรา

Nubia N1 review

Nubia N1 review

ปุ่มกดเป็นแบบ soft key อยู่ด้านล่างของจอ ที่จะมีปุ่มเมนู, Home และ Back (ถ้าต้องการเรียก Recent app จะใช้วิธีกดปุ่ม Back ค้างไว้ประมาณ 2 วินาที) ชุดของปุ่ม Soft Key ด้านล่างเราสามารถปรับแต่งได้ใน Setting แล้วปุ่ม Home ตรงกลางเป็นวงกลมสีแดง ที่เวลามีแจ้งเตือนก็จะกระพริบแบบ Breathing

Nubia N1 review

ด้านล่างเป็นช่องลำโพง โดยลำโพงจะมีตัวเดียว (เจาะรูไว้ 2 ด้านเพื่อความสวยงาม), ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C ซึ่งเรายังไม่ค่อยเห็นสมาร์ทโฟนในรุ่นราคาประหยัดใช้พอร์ตแบบใหม่นี้กัน แต่ทาง Nubia ก็จัดมาให้ใน N1 เพื่อให้สามารถโอนถ่ายข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น และยังรองรับในการชาร์จเร็วอีกด้วย

Nubia N1 review

ด้านบนของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร และลำโพงสนทนาตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง

Nubia N1 review

ทางขวาจะเป็นปุ่มสำหรับปรับระดับเสียงและปุ่ม Power วัสดุเป็นโลหะเจียรขอบสวยงาม ด้านซ้ายจะมีช่องถาดซิมเป็นแบบ Hybrid ที่เลือกได้ระหว่างใส่ซิมใช้งานได้ 2 ซิม หรือเลือกใส่ 1 ซิมกับเพิ่มหน่วยความจำ microSD ที่รองรับความจุได้สูงสุด 128 GB

Nubia N1 review

Nubia N1 review

ด้านหลังตัวเครื่อง จะมีเลนส์กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และแฟลช LED ที่ขอบของเลนส์และแฟลชจะมีวงแหวนโลหะเงาอยู่ช่วยให้ดูสวยงาม (วงรอบเลนส์จะเป็นสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์ของ Nubia อีกด้วย) ตรงกลางเครื่องมีเซนเซอร์สำหรับสแกนลายนิ้วมือที่อยู่ตรงกับตำแหน่งนิ้วชี้เมื่อถือใช้งานพอดี และด้านล่างจะมีโลโก้ของ Nubia อยู่

Interface

Nubia N1 ใช้ระบบปฎิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ที่ครอบด้วย Nubia UI เวอร์ชั่น 4.0 ที่หน้าตาออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย และสะดวกสบาย หน้าจอจะไม่มี App Drawer ที่เป็นเมนูซ่อนแอพต่างๆ แต่จะโชว์แอพทั้งหมดเอาไว้ที่หน้า Home ทั้งหมดแล้วแบ่งจัดเป็นหน้า การใช้งานหลักยังคงมาตรฐานของ Android เอาไว้ทั้งการเพิ่ม Widget ในหน้าโฮมได้, แถม Notification Bar ที่เลื่อนลงมาได้ 2 จังหวะและปรับเปลี่ยนคำสั่งเมนูเองได้ , จัดรวมแอพเป็นโฟลเดอร์ ฯลฯ

จะมีข้อสังเกตตรง Notification Ballon แสดงจำนวนการแจ้งเตือน จะมีเฉพาะแอพในระบบอย่าง สายโทรเข้า, SMS, อีเมล์ ไม่มีโชว์ในแอพโซเชียลต่างๆ ทั้ง Facebook, LINE, Twitter ฯลฯ

ตัวคีย์บอร์ดที่มีให้มาในเครื่อง สำหรับการใช้ภาษาไทยจะเป็นตัว Kika Keyboard ที่หากว่าใครไม่ถนัดก็สามารถไปหาดาว์นโหลดแอพคีย์บอร์ดอื่นๆ มาใช้แทนก็ได้

Performance

สเปคของตัว Nubia N1 ใช้ชิปประมวลผลเป็น MediaTek Helio P10 Octa-Core 2.0 GHz แบบ 64-bit พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Mali-T860 ถือว่าเป็นชิปยอดฮิตสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นราคาต่ำกว่าหมื่นหลายแบรนด์เลือกใช้ แต่ความน่าสนใจของ Nubia N1 อยู่ที่ตัว RAM ที่ใส่ให้มา 3 GB ช่วยให้สามารถทำงานหลายๆ แอพได้อย่างไม่ติดขัด และหน่วยความจำภายในเองก็มีให้มา 32 GB แล้วเพิ่ม microSD ได้อีก 128 GB

ผลการทดสอบผ่านแอพวัดประสิทธิภาพของเครื่อง Antutu วัดคะแนนได้ที่ 46511 ส่วน Geek Bench วัดคะแนน Single-Core ได้ 707 และ Multi-Core ได้ 2537 ถือว่าเป็นคะแนนที่สมน้ำสมเนื้อกับสเปคนี้ และดีเพียงพอสำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไปบนสมาร์ทโฟน การเลือกเปลี่ยนหน้าและเปิดปิดแอพต่างๆ ไหลลื่นไม่มีสะดุด ในการเล่นเกมที่มีกราฟฟิค 3D หนักๆ นั้นอาจจะต้องปรับความละเอียดของภาพลงบ้างเพื่อให้เล่นได้ราบลื่น แต่ถ้าเกมเล่นเพลินๆ ทั่วไปนั้นเล่นได้หมด และในการใช้งานของเครื่องจะมีแอพ Accelerate ติดตั้งมาให้ในเครื่อง สำหรับเคลียร์แอพที่เปิดค้างไว้เพื่อดึง RAM กลับมาให้ว่าง ช่วยให้เครื่องทำงานเร็วขึ้น

ประสิทธิภาพอีกอย่างที่ให้มาด้วยใน Nubia N1 คือรองรับระบบ VoLTE ที่ช่วยให้สามารถสนทนาแบบเสียงผ่านเครือข่าย 4G ที่ให้คุณภาพเสียงที่คมชัดกว่าปกติ ปัจจุบันระบบนี้โอเปอเรเตอร์ในไทยเริ่มรองรับให้ใช้งานกันได้แล้ว ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นน่าสนใจที่สมาร์ทโฟนราคาไม่สูงมากแต่รองรับฟีเจอร์นี้ได้ด้วย

แบตเตอรี่ที่ใหญ่สะใจถึง 5,000 mAh

จุดเด่นที่ทำให้ Nubia N1 น่าสนใจมากคือเรื่องแบตเตอรี่ที่ให้มาอย่างเยอะถึง 5,000 mAh ที่ทาง Nubia ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า NeoPower ที่เคลมว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานระดับกลางทั่วๆ ไปได้ถึง 3 วัน จากการทดสอบลองใช้แล้วก็ถือว่าอันนี้ไม่ใช่ราคาคุย เพราะการใช้งานตามปกติทั่วไป เล่นแอพโซเชียล Facebook, LINE, Instagram พร้อมเปิดการแจ้งเตือน และมีเล่นเกมบ้างเล็กน้อย จากชาร์จแบตฯ เต็ม 100% ตั้งแต่ 8 โมงเช้าวันแรก สามารถอยู่ถึง เกือบๆ เย็นของวันที่ 2 ซึ่งถ้าปรับเลือก Power Saving Control เพื่อปิดการใช้พลังงานในบางส่วนที่ไม่จำเป็นอย่างเช่น ปรับการใช้พลังงานของ CPU, หน้าจอแสดงผล, ปิดระบบการเชื่อมต่อไร้สายต่าง หรือสั่งปิดการสั่นของเครื่องเวลากดพิมพ์

และเวลาที่มีมือถือแบตเตอรี่อึดๆ ขนาดนี้มาให้ทดสอบ เราก็ต้องขอลองใช้เปิดวิดีโอเพื่อความบันเทิงดูว่าจะอึดแค่ไหน เราทดสอบด้วยการเปิดดูคลิปจาก Youtube โดยเลือกปรับความสว่างหน้าจอแบบสูงสุด และเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi แบตเตอรี่ของ Nubia N1 ลดไป 10% หลังจากที่เปิดดูไปได้ประมาณ 40 นาที ถ้าเฉลี่ยคำนวนแล้วก็สามารถดูคลิปวิดีโอต่อเนื่องได้นาน 5-6 ชั่วโมงเลยทีเดียว

และเมื่อให้แบตเตอรี่มาขนาดใหญ่ Nubia ก็ใส่ใจในเรื่องของการชาร์จไฟที่รวดเร็วด้วยเช่นกัน เพราะว่าแบตเตอรี่ให้มาใหญ่สะใจ แต่ชาร์จได้ช้าต้วมเตี้ยมก็ไม่ไหวเหมือนกัน ด้วยการจัดระบบการรองรับการชาร์จไฟผ่านชาร์จเจอร์ที่มีกำลังไฟสูงได้ อย่างในกล่องที่แถมมาให้นั้นเป็นตัว Travel Charger มาตรฐาน Qualcomm Quick Charge 3.0 ที่รองรับ 5V 3.0A, 9V 2.0A และ 12V 1.5A การทดสอบชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% จนเต็มนั้นสามารถชาร์จเสร็จได้ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ถือว่าเร็วในระดับที่น่าพอใจสำหรับสมาร์ทโฟนที่มีแบตใหญ่ถึง 5,000 mAh

แต่ข้อจำกัดในการชาร์จไฟนั้นจะมีตรงที่สายชาร์จต้องเป็นมาตรฐาน USB Type-C ที่มีแถมมาให้ในกล่อง ไม่แนะนำให้ใช้สายแบบ micro USB มาเสียบหัวเปลี่ยนอแดปเตอร์ เพราะอาจจะมีปัญหาเรื่องมาตรฐานการรองรับกระแสไฟ ดังนั้นแนะนำใช้สายที่แถมมา ไม่ก็เลือกซื้อสายที่ได้มาตรฐานในการผลิตจะดีกว่า

ระบบสแกนลายนิ้วมือที่ใช้ได้มากกว่าแค่ปลดล็อคเครื่อง

เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือตอนนี้ถือเป็นมาตรฐานสำหรับสมาร์ทโฟน Android ยุคใหม่ที่จำเป็นต้องมี Nubia ก็จัดมาให้ใน N1 ด้วยเช่นกันโดยใส่เอาไว้ให้ที่ด้านหลังของเครื่อง ที่สะดวกใช้ผ่านนิ้วชี้เวลาที่ถือเครื่อง และการสแกนลายนิ้วมือบน Nubia N1 นั้นไม่ได้มีไว้แค่สแกนเพื่อปลดล็อคเครื่องจากหน้า Lock Screen แต่ยังเอาไว้เรียกใช้เมนูคำสั่งต่างๆ ได้อีกหลายอย่าง เพื่อช่วยให้ใช้งานได้สะดวกมากกว่าเดิม โดยเราสามารถบันทึกลายนิ้วมือกับระบบได้ทั้งหมด 5 ลายนิ้วมือ โดยเข้าไปจัดการเกี่ยวกับระบบลายนิ้วมือได้ที่ Setting > Fingerprint Identification

  • Unlock Handset สำหรับสั่งปลดล็อคเครื่อง
  • Wake up Blank Screen เมื่อสแกนนิ้วในตอนที่ปิดหน้าจอจะทำการปลดล็อคเครื่องแล้วเข้าใช้งานเครื่องทันที ช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลากดเปิดหน้าจอก่อน
  • Photo เลือกใช้การกดสแกนนิ้วมือค้างไว้ในการใช้กล้องเพื่อเป็นการกดชัตเตอร์ได้
  • Super Screenshot กดสแกนนิ้วมือเพื่อสั่งจับภาพหน้าจอได้ทันที
  • App lock เราสามารถสั่งล็อคการเข้าใช้งานแอพในเครื่องด้วยการสแกนลายนิ้วมือได้ อย่างเช่นล็อค Gallery ไม่ให้เข้าไปเปิดดูรูปได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนมีความลับเยอะ (ฮา)

Edge gestures ไม่เหมือนใครด้วยการสั่งจากการสัมผัสข้างจอ

เป็นรูปแบบการสั่งงานบนสมาร์ทโฟนที่ไม่เหมือนใครของ Nubia ด้วยการกดสั่งจากการแตะที่ขอบด้านข้างของจอ ในลักษณะแตะแค่ครึ่งนิ้ว เพื่อเรียกคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว ที่เราไปเลือกเปิดปิดฟีเจอร์นี้ได้ใน Setting > Edge gestures ซึ่งมีรูปแบบให้เลือกได้

  • กดค้างที่ด้านข้างของจอ จะเปิดหน้าต่างทางลัดเพื่อกลับไปหน้า Home และกดค้างแล้วเลื่อนเพื่อเลือกหน้าได้ด้วย
  • แตะข้างจอแล้วเลื่อนขึ้นหรือลง เพื่อสลับกลับไปยังแอพที่ทำงานอยู่ Backgroud หน้า UI จะแสดงเหมือนเราเปิดหน้าหนังสือ และเรายังเลือกกำหนดเพื่อเป็น Shortcut เพื่อเข้าแอพที่ต้องการจากการเลื่อนขึ้นหรือลงได้ด้วย อาทิ แตะแล้วเลื่อนลงเข้าเมนูกล้อง แตะแล้วเลื่อนขึ้นเพื่อเปิด Gallery ก็ทำได้ด้วย
  • แตะด้านข้างจอที่หัวมุมแล้วเลื่อนขึ้นลง 2 ครั้ง จะเป็นการสั่งเคลียร์แอพที่เปิดค้างเอาไว้ทั้งหมด (เหมือนสั่ง Accelerate) เป็นการคืนแรมให้ระบบ ให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้น
  • เอานิ้วแตะที่ขอบจอทั้งสองข้างค้างไว้แล้วเลื่อนขึ้นลง เพื่อปรับความสว่าง (Brightness) ของหน้าจอ
  • แต่ที่ขอบจอ 2 ครั้งเป็นคำสั่งย้อนกลับ (back)

จากที่ลองใช้งานแล้วถือว่าสะดวกดีเหมือนกัน โดยเฉพาะแตะข้างจอแล้วเลื่อนขึ้นหรือลง แล้วเลือกเป็นคีย์ลัดเข้าแอพที่ใช้บ่อยๆ ถ้าใครซื้อ Nubia มาใช้แนะนำให้ลองเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ดูแล้วจะติดใจ

Screen split-up แบ่งครึ่งหน้าจอใช้งานได้ 2 แอพพร้อมกัน

ความสามารถในการแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานแอพ 2 แอพพร้อมกันในหน้าจอเดียว อันที่จริงก็มีในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์หลายรุ่น แต่ไม่ค่อยจะเห็นในสมาร์ทโฟนกลุ่มราคานี้ แต่เนื่องด้วยสเปคของ Nubia N1 นั้นมี RAM มา 3 GB เพียงพอที่จะใช้งาน 2 แอพได้

ที่น่าสนใจในฟีเจอร์นี้ของ N1 คือไม่จำกัดเรื่องแอพที่รองรับในการทำงานพร้อมกัน 2 จอ คืออยากจะเปิดแอพอะไรพร้อมกันก็เลือกได้เลยไม่มีข้อจำกัด การเริ่มใช้งานก็แค่ลากนิ้วจากด้านล่างของจอขึ้นมาก็จะ split แยกหน้า Home ออกเป็น 2 ส่วนให้ทันที แยกกดเลือกเปิดแอพเอาได้ตามใจชอบ ถ้าต้องการปิดก็ลากตัวกั้นระหว่างแอพออกก็จะกลับมาเต็มจอเหมือนเดิม งานนี้ใครอยากเล่น Pokemon GO พร้อมกับเล่น Pokemon GO พร้อมเล่น Facebook ไปด้วยก็ทำได้แล้ว (แต่คงจะสูบแบตในเครื่องแบบฮวบฮาบเลยล่ะ)

Super Screenshot จับภาพหน้าจอได้อย่างเมพ!

การจับภาพหน้าจอของสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์มาตรฐานคือการกดปุ่ม Power พร้อมกับปุ่มปรับลดเสียง สำหรับ Nubia N1 จะมีคำสั่งที่เรียกว่า Super Screenshot ที่เราเลือกสั่งได้ด้วยกด Power พร้อมกับปุ่มปรับลดเสียง ค้างไว้ประมาณ 2 วินาที หรือใช้นิ้วแตะที่ Fingerprint scan ด้านหลัง (ซึ่งผมชอบแบบหลังมากกว่า) เมื่อเลือกคำสั่ง Super Screenshot ขึ้นมาเลือกได้ 3 แบบคือ

  • Free snapshot จับภาพหน้าจอที่เลือกได้ทั้งแบบเต็มหน้าจอหรือ crop เป็นรูปทรงต่างๆ อย่างวงกลม, รูปหัวใจ หรือจะลากเส้นอิสระเองก็ได้
  • Long Screenshot เอาไว้ใช้เวลาต้องการเก็บภาพหน้าจอแบบยาวๆ อย่างหน้าเว็บหรือข้อความแชทต่างๆ เลือกแล้วกด Start ตัวระบบจะเลือนหน้าจอ scroll ลงให้อัตโนมัติ อยากหยุดตรงไหนก็กด Stop
  • Screen recording เป็นการบันทึกหน้าจอเป็นแบบวิดีโอ ได้นานสูงสุด 2 นาที สามารถปรับได้ว่าจะบันทึกเป็นความละเอีดดต่ำหรือ HD

ในการบันทึกภาพหน้าจอยังเลือกกด share หรือตกแต่งภาพได้ทันทีก่อนที่จะเซฟเก็บได้ด้วย ถือเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากและไม่ต้องไปหาโหลดแอพอะไรมาใช้ให้วุ่นวาย

ฟีเจอร์อื่นๆ

ยังมีความสามารถอื่นๆ อีกที่มีมาให้ใน Nubia N1 เช่น วิทยุ FM ที่เปิดฟังได้ (แต่ต้องฟังผ่านหูฟังแบบสายเสียบผ่านช่อง 3.5 มิลลิเมตร), แอพสำหรับบันทึกเสียง, การสั่ง Back up ข้อมูลและการตั้งค่าต่างๆ เก็บไว้ในหน่วยความจำเครื่องหรือ microSD เพื่อสำหรับใช้ restore ได้เวลามีปัญหา ที่โดยรวมแล้ว Nubia มีของที่จำเป็นมาให้ในเครื่องค่อนข้างครบถ้วน

Camera

เห็นเป็นสมาร์ทโฟนกลุ่มราคาประหยัดแต่กล้องที่ให้มานั้นไม่ธรรมดา เพราะ Nubia N1 จัดกล้องความละเอียดถึง 13 ล้านพิกเซลเท่ากันทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า งานนี้ถูกใจคนชอบเซลฟี่เป็นพิเศษด้วยความละเอียดอย่างเยอะ แถมด้วยตัวซอฟท์แวร์กล้อง NeoVision 5.9 ที่ทาง Nubia พัฒนาให้การถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนสามารถเก็บภาพต่างๆ ได้อย่างที่ต้องการ พร้อมการปรับแต่งเลือกโหมดได้อย่างเหมาะสมและใช้งานได้ง่าย รวมถึงยังมีฟิลเตอร์เก๋ๆ ให้เลือกใช้แบบ realtime มาดูกันว่า N1 มีลูกเล่นสำหรับกล้องอะไรน่าสนใจบ้าง

กล้องหลัง

กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) รูรับแสงกว้าง f/2.2 พร้อมแฟลชแบบ LED ในโหมดการถ่ายภาพปกติสามารถเลือกปรับขนาดสัดส่วนของภาพ, เปิดปิดเสียงชัตเตอร์, ตรวจจับโฟกัสใบหน้า, แท็กโลเคชั่น เลือกเปิดปิดโหมดปรับแสง HDR ในการถ่ายภาพย้อนแสงได้ (ต้องเปิดปิดเองไม่มี auto) การเลือกปรับตำแหน่งโฟกัสและ exposure สามารถกดเลือกแยกจุดได้ พร้อมล็อคตำแหน่งได้ (กดค้างไว้)

เวลาถ่ายรูปภาพโหมดปกติถ้ากดชัตเตอร์ค้างจะเป็นการสั่งถ่ายแบบ Burst mode เพื่อกดชัตเตอร์รัวหลายภาพเพื่อเลือกภาพที่ดีที่สุดทีหลังได้ และยังมีให้เลือกปรับให้กดปุ่ม volume 2 ครั้งระหว่างที่ปิดหน้าจอเป็นการถ่ายเก็บภาพ snapshot โดยไม่ต้องเปิดมือถือได้ และในเวลาการเรียกเปิดใช้กล้องนั้นก็ถือว่าค่อนข้างรวดเร็วเลยทีเดียว

โหมดสำหรับการถ่ายกล้องหลัง

Pro Mode : ที่ปรับตั้งค่าการถ่ายได้อย่างอิสระ ค่าความเร็วชัตเตอร์เลือกได้เร็วสุด 1/60000 และช้าสุด 2 วินาที, ค่า White balance มีให้เลือกทุกสภาพอุณหภูมิแสง, ISO เลือกได้ตั้งแต่ 100 ไปจนถึง 12800, ปรับโฟกัสเลือกได้ทั้ง Auto, Macro ไปจนถึง Infinity

Time-Lapse : โหมดถ่ายวิดีโอแบบประวิงเวลาเพื่อให้ได้วิดีโอเคลื่อนไหวที่รวดเร็วกว่าปกติ เป็นแบบกำหนดเวลาแบบตายตัวเลือกปรับเองไม่ได้

Slo-mo : ถ่ายภาพวิดีโอแบบเคลื่อนไหวช้าที่ระดับ 120 fps ความละเอียด 480p ที่เลือกปรับช่วงเวลาความเร็วปกติที่ด้านหัวและท้ายของคลิปได้ในเมนู edit

Pano : ถ่ายภาพแบบพาโนรามาด้วยการถ่ายแล้วกวาดมุมกล้องไปรอบๆ เพื่อเก็บภาพในมุมมองกว้างได้สูงสุด 180 องศา

Video : การถ่ายวิดีโอสามารถเลือกปรับความละเอียดในการถ่ายได้ สามารถเลือกได้ที่ 1080p (30fps) และ 720p (30fps) ทั้งกล้องหน้าและหลัง เลือกเปิดไฟแฟลชค้างไว้เพื่อให้แสงสว่างได้ในภาวะแสงน้อย

โหมดสำหรับการถ่ายด้วยกล้องหน้า

ความดีงามของกล้องหน้าที่ความละเอียดสูงถึง 13 ล้านพิกเซลทำให้ Nubia N1 ถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าที่ความละเอียด 1080p ได้ (แบรนด์อื่นในรุ่นราคาประมาณนี้ส่วนใหญ่จะได้ที่ 720p เท่านั้น) สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง Nubia มีโหมด Pretty ที่ปรับหน้าเนียนเลือกได้ 10 ระดับที่ลองแล้วเลือกแค่ 3-5 ก็เนียนกริ๊บสวยใสแล้ว แถมยังมีให้เลือกเพิ่มแสงแฟลชกล้องหน้าด้วยวิธีกระพริบแสงหน้าจอตอนกดชัตเตอร์ช่วยให้เวลาถ่ายเซลฟี่สภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น

Camera-Family

โหมดการถ่ายแบบสำเร็จรูปที่มีโหมดให้เลือกถ่ายได้หลากหลายกว่าเดิมเสริมขึ้นมา มีให้เลือกทั้งหมด 9 แบบด้วยกัน

  • Multi Exposure การถ่ายภาพแบบซ้อนภาพ 2 รูปเข้าด้วยกันผ่านโหมดสีต่างๆ ทำให้ได้ภาพที่สวยงามแปลกตา
  • Light Painting โหมดที่ต้องตั้งมือถือกับขาตั้งกล้องเพื่อให้นิ่ง ใช้เก็บภาพวาดด้วยแสงไฟเป็นเส้นในสภาวะแสงที่มืดสนิท
  • Electronic Aperture โหมดที่คล้ายกับโหมด Pro แต่จะเป็นเน้นปรับจำลองค่ารูรับแสงให้แคบได้สูงสุดถึง f/44 โดยระบบจะคำนวนเรื่องความเร็วชัตเตอร์ให้ เป็นอีกโหมดสำหรับถ่ายในเวลากลางคืนและใช้ขาตั้งกล้อง
  • Slow Shutter โหมดถ่ายแบบโปรอีกแบบที่เน้นการปรับค่าของความเร็วชัตเตอร์เป็นหลัก สามารถเลือกได้นานสุดถึง 21 นาที
  • Star Trail โหมดถ่ายภาพดาวเวลากลางคืนให้เราต้องขาตั้งกล้องเพื่อถ่ายการเคลื่อนที่ของดาวเป็นเส้น ที่ปุ่มชัตเตอร์มีเข็มทิศบอกทิศให้ด้วย
  • Video Maker โหมดถ่ายวิดีโอที่ใช้วิธีการกดค้างเพื่อเก็บภาพเป็นเฟรมทีละเฟรม ได้สูงสุด 100 เฟรม เอาไว้สำหรับถ่ายวิดีโอแบบ Stop Motion
  • Trajectory โหมดนี้เวลาถ่ายภาพจะต้องตั้งกล้องไว้นิ่งๆ แล้วเก็บภาพเคลื่อนไหว กล้องจะเก็บภาพมาซ้อนกัน 3 เฟรมให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของภาพ
  • DNG โหมดถ่ายภาพโปรขั้นสุด ที่จะบันทึกภาพแบบ RAW แบบสกุล .dng ให้ สำหรับนำไปปรับแต่งค่าสีผ่านโปรแกรมแต่งภาพระดับมืออาชีพได้
  • Clone การตั้งกล้องถ่ายภาพหลายๆ ครั้งเพื่อโคลนวัตถุในภาพ โดยเมื่อถ่ายแล้วจะให้เราวาดตำแหน่งเพื่อสร้างมาส์กลบฉากให้เกิดวัตถุเดียวกันซ้ำอยู่ภายในภาพเดียว

หลังจากที่ลองใช้กล้องของ Nubia N1 แล้วถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับมือถือราคาห้าพันกว่าบาท ด้วยโหมดที่ให้มาใกล้เคียงกับเครื่องรุ่นท็อปๆ มีปรับแต่งและเอาไว้ใช้ถ่ายภาพเก๋ๆ แปลกๆ ได้เพียบ กล้องหน้าที่ความละเอียดสูงบวกกับโหมด Pretty ช่วยเกลี่ยให้หน้าเนียนสวยอัตโนมัติเป็นสิ่งที่สาวๆ ต้องการแล้วก็ตอบโจทย์ได้ดี แม้ว่าต้วกล้องจะรูรับแสงแคบไปหน่อย อาจจะทำให้มี noise ในเวลาที่ถ่ายที่มืด แต่โดยรวมๆ แล้วถือว่าการใช้งานกล้องของ Nubia N1 ให้ประสบการณ์ที่ดีและน่าพอใจ

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องของ Nubia N1

สรุป

รวมเบ็ดเสร็จในการทดลองใช้งานแล้ว ผมต้องคอยถามตัวเองตลอดว่า “นี่มันสมาร์ทโฟนราคา 5,490 บาทจริงๆ หรือ?” เพราะ Nubia N1 มีฟีเจอร์พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับมือถือดีๆ ที่ใช้งานได้เพลินๆ เครื่องหนึ่งพึงมี แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ให้ใช้งานหนักๆ ได้เต็มวัน, ระบบชาร์จเร็ว, กล้องความละเอียดสูงทั้งด้านหน้าและหลังพร้อมโหมดกล้องถ่ายภาพได้มากมายหลายโหมด ซึ่งถ้าเทียบเรื่องสเปคและราคาของ Nubia N1 กับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นที่อยู่ในระดับราคา 5,000-8,000 บาทแล้ว Nubia N1 ถือว่าจัดให้เต็มเหนี่ยวสุดๆ แล้ว

ช่องทางการสั่งซื้อสมาร์ทโฟน Nubia ในประเทศไทย

ในการซื้อสมาร์ทโฟนของ Nubia ในประเทศไทยตอนนี้จะเป็นช่องทางในการสั่งซื้อออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์ของ Nubia เองที่ store.nubia.com/th สำหรับ Nubia N1 ที่สั่งซื้อตอนนี้ใน รุ่นสีทองแชมเปญโกลด์ (RAM 3GB ROM 32GB) ราคา 5,490 บาท และรุ่นสีดำทอง (RAM 3GB ROM 64GB) ราคา 5,990 บาทพร้อมบริการจัดส่งด่วนให้ฟรี และตอนนี้ทาง Nubia มีศูนย์บริการผ่านช่องทาง Drop Point แล้ว 15 แห่งทั่วประเทศ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนของ Nubia สามารถสอบถามได้ผ่านทางสายตรง Hotline 02-087-1400 หรือทาง Facebook : nubiasmartphoneth