รีวิว Journey แอพเขียนไดอารี่น่าใช้บนแอนดรอย

เราคงเคยได้ยินคำพูดว่าแอพดีๆ มักอยู่บน iOS และแม้ว่าหลายคนจะแย้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง เพราะผมใช้เวลาหาแอพไดอารี่ดีๆ บนแอนดรอยมาหลายปี จนเปลี่ยนมือถือไปเป็นสิบๆ เครื่อง ถึงขั้นถอดใจกลับไปใช้แอพบน iOS อยู่นาน แต่แล้วในที่สุดผมก็ค้นพบแอพบนแอนดรอยที่ดูแล้วพอจะสูสีกับฝั่ง iOS

Screen Shot 2015-09-02 at 00.43.58

บนฝั่ง iOS มีแอพ Day One ที่เกิดมาเพื่อเป็นไดอารี่โดยเฉพาะ และทำหน้าที่ของไดอารี่ได้ดีมาก จุดเด่นของมันคือความง่ายในการใช้งาน และมีแอพทั้งบน iOS และ OSX เรียกได้ว่า sync กันครบ

ส่วนแอนดรอยก็มี Journey ที่อาจบอกได้ว่ามันถอดแบบมาจาก Day One มาเกือบทั้งหมด แต่ต่างกันตรงที่ฟรี!

2015-09-01 15.43.26

Journey ออกแบบหน้าตาแอพให้เข้าใจได้ง่าย ไม่ซับซ้อน และเป็นไปตามแนวทาง Meterial design ของแอนดรอย ซึ่งสามารถอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น Premium ด้วยราคา 150 บาท และสิ่งที่จะได้เพิ่มคือ

  • Markdown
  • Night mode
  • Print / PDF

ซึ่งดูแล้วไม่จำเป็นต้องจ่ายเพิ่มเลย แต่ถ้าใช้แล้วติดใจก็กดจ่ายไปเป็นกำลังใจให้นักพัฒนาก็ดีครับ

การใช้งาน Journey จะบังคับผูกติดกับ Google Account เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ส่วนการตั้งค่าที่น่าสนใจก็อย่างเช่น Passcode สำหรับล็อกแอพ, การตั้งค่า Font, การแจ้งเตือนให้เขียนไดอารี่ และเลือกการ sync ว่าให้ทำเฉพาะตอนเชื่อมต่อ WiFi หรือทุกครั้งที่ใช้งาน

Journey

เมนูหลักของ Journey มีอยู่ 4 อย่างซึ่งที่จริงมันก็คืออันเดียวกันเพียงแต่แสดงผลต่างกัน และเมื่อกดไปที่รูปหรือเรื่องที่เขียนก็จะเปิดการเปิดเข้าไปอ่านข้อมูลไดอารี่เรื่องนั้น

Journey_write

ปรกติแล้วการพิมพ์และการเลื่อน cursor บนมือถือไม่ใช่เรื่องที่สะดวกนัก แต่ Journey มีปุ่ม |a และ a| ด้านล่างซึ่งเป็นการเลื่อน cursor ไปทีละตัวอักษรช่วยให้พิมพ์ได้ง่ายขึ้น และยังใส่ภาพนิ่งหรือคลิปได้อีกด้วย โดยที่ 1 เรื่องจะใส่ได้ 1 รูป แต่ใน 1 วันสามารถเขียนได้หลายเรื่อง

Journey สามารถอ่านข้อมูลจากภาพถ่ายและนำมาใส่เป็นข้อมูลในไดอารี่เช่น วันที่ สถานที่ สภาพอากาศ แต่ถ้าไม่ถูกใจก็สามารถกดแก้ไขข้อมูลเองได้

2015-09-01 15.52.21

การกดเข้าไปอ่านไดอารี่แต่ละเรื่องจะมีข้อมูล วัน เวลา สถานที่ รูปและเนื้อเรื่องให้ดู ในกรณีที่เลือกใช้คลิปในไดอารี่ ก็สามารถกด Play เพื่อดูคลิปได้ด้วย แต่ข้อเสียเมื่อเทียบกับ Day One บนฝั่ง Apple ก็คือเรื่องของพิกัดสถานที่ ไม่สามารถกดเพื่อดูแผนที่และนำทางได้

Journey_share

และถ้าอยากแบ่งปันเรื่องราวให้ชาวโลกก็สามารถแชร์ไปช่องทางต่างๆ ได้

Screen Shot 2015-09-01 at 22.56.25

ข้อดีของการเชื่อมต่อกับ Google Account ก็คือการ sync ทำให้เราสามารถติดตั้ง Journey บน Google Chrome และใช้งานได้อีกทาง ซึ่งข้อดีของเวอร์ชั่นบน Chrome ก็คือมันสามารถกดดูแผนที่ได้
Screen Shot 2015-09-01 at 23.00.15

 

จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือเวอร์ชั่นบน Chrome ระบุว่าสามารถทำงานแบบ offline ได้ แต่เท่าที่ได้ลองใช้งานก็พบว่ารูปและคลิปจะไม่ถูกโหลดเมื่อใช้งานแบบ offline …อาจจะต้องรอการอัพเดทแก้ไขจุดนี้

Screen Shot 2015-09-02 at 00.47.54

หรือถ้าไม่ได้ใช้ Chrome ก็ยังมีอีกช่องทางคือการใช้งานผ่านหน้าเว็บ แต่เวอร์ชั่นเว็บถูกตัดฟีเจอร์ออกไปเยอะจนแทบไม่เหลืออะไรเลย

แม้ว่า Journey ยังดูไม่สมบูรณ์เท่าไร แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้มันเป็นแอพไดอารี่ที่น่าใช้ที่สุดบนแอนดรอย ถึงขั้นที่ Google ยกให้เป็น Editors’ Choice ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพราะแอนดรอยยังไม่มีแอพไดอารี่ดีๆ มาเป็นคู่แข่งมากนัก

และแม้ว่าภาพรวมแล้ว Journey ยังทำได้ไม่เนียนเท่า Day One แต่อย่าลืมเรื่องของราคา เพราะ Journey แจกฟรี แต่ Day One ขาย …และขายแยกเวอร์ชั่น iOS กับ OSX ซะด้วย ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าของ Journey ได้แรงบันดาลใจมาจาก Day One รึเปล่า เพราะมันเหมือนกันมาก ทำให้คนที่เคยใช้ Day One สามารถย้ายมาใช้ Journey ได้โดยแทบไม่ต้องปรับตัวเลยทีเดียว

ถ้ากำลังมองหาแอพไดอารี่บนแอนดรอย ผมแนะนำตัวนี้เลยครับ ลองดูข้อมูลเพิ่มได้จากเว็บ http://2appstudio.com/journey