รีวิว OPPO Find N3 ไปสุดได้ทุกด้าน รวม 3-in-1 สมาร์ตโฟนแฟล็กชิป + แท็บเล็ต + กล้องคอมแพค ในเครื่องเดียว!

รีวิว OPPO Find N3 ฉบับหลังลองใช้งานเป็นเครื่องหลัก 1 เดือนเต็ม ต้องบอกว่า นี่คือ สมาร์ตโฟนจอพับที่ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟนประสิทธิภาพสูงระดับเรือธง การใช้งานเป็นแท็บเล็ตหน้าจอใหญ่ทำงานได้คล่องตัว และกล้องระดับพรีเมียม ทั้งหมดถูกรวมเอาไว้ในเครื่องเดียว ภายใต้ดีไซน์ที่สวยพรีเมียม งานประกอบที่ปราณีต

ดังนั้นรีวิวนี้ เราจะไม่ได้พูดในเชิงของเทคนิค แต่จะพูดถึงประสบการณ์หลังจากการใช้งานจริง โดยจะบอกถึงจุดเด่นที่ทำได้ดีดี รวมไปถึงข้อจำกัดหรือใช้แล้วเจออะไรที่รู้สึกว่าขัดอกขัดใจ เราจะมาเล่าให้ฟังกัน

หน้าจอพับที่ดีที่สุดในท้องตลาดตอนนี้

จอแสดงผลของ OPPO Find N3 ด้านในเป็นจอพับที่มีคุณภาพสูง กับขนาดเมื่อกางออกที่ 7.8 นิ้ว ความละเอียด 2440 x 2268 พิกเซล พาเนลเป็นแบบ OLED ที่ให้สีสันสวยสดใส แสดงความลึกของสีได้ถึงระดับ 10-bit รองรับแสดงผลคอนเทนต์ที่ช่วงสีไดนามิกสูงทั้ง Dolby Vision และ HDR10+ และยังมีเทคโนโลยี ProXDR ปรับการแสดงผลหน้าจอในตอนที่เปิดดูภาพถ่ายในแอป Gallery ให้มีสีสันและความสว่าง รวมถึงแสงเงาที่ดีขึ้น

ใช้งานกลางแดดได้อย่างไม่มีปัญหา ด้วยค่าความสว่างสูงสุดที่ดันไปได้ถึง 2800 นิต โดยที่มีเทคโนโลยี PWM (Pulse Width Modulation) ความถี่สูง 1440Hz ช่วยถนอมสายตาให้มีความเมื่อยล้าจากการเพ่งมองน้อยลง

อัตรารีเฟรชหน้าจอเป็นแบบไดนามิค ปรับได้ตั้งแต่ 1-120Hz ที่ปรับเปลี่ยนตามรูปแบบคอนเทนต์ที่เปิดบนจอ เพื่อให้มีความลื่นไหล และประหยัดพลังงาน ส่วน Touch Sampling Rate อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส สูงสุดที่ 240Hz

จอพับที่เรียบเนียนสุดๆ

ผมยกให้ OPPO เป็นผู้ที่พัฒนาให้สมาร์ตโฟนจอพับ มีรอยเกิดบนจอน้อยมาก คือทำดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกรุ่น อย่างล่าสุดใน Find N2 Flip ที่ออกเมื่อต้นปีก็ทำได้ดีมาก และใน OPPO Find N3 ก็ดีขึ้นไปอีก

ด้วยการออกแบบบานพับที่ให้ส่วนกลางจอเมื่อพับแล้ว จะโค้งหลบเข้าไปเป็นรูปทรงหยดน้ำ ไม่ได้พับตรงๆ จึงทำให้เวลาที่พับรอยมีแรงตึงน้อยลง เมื่อกางออกจึงเกิดรอยน้อยลง

โครงสร้างของตัวหน้าจอของ OPPO Find N3 มีการใช้แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์แบบใหม่ มาช่วยเสริมเรื่องความแข็งแรงทนทาน โดยที่ยังมีความยืดหยุ่น จึงทำให้จอทนต่อการบิดเบี้ยวได้มากกว่ารุ่นก่อนถึง 36% รวมถึงยังมีการเพิ่มชั้นเคลือบผิวบนจอแบบใหม่ ที่มีคุณสมบัติซ่อมแซมตัวเองหลังจากถูกพับได้ ก็ยิ่งทำให้รอยเกิดบนจอน้อยลงไปอีก จากการใช้งานถ้ามองตรงๆ ก็คือแทบจะมองไม่เห็นเลย

ในการใช้งานจอด้านในของ OPPO Find N3 นอกจากรอยพับที่เกิดขึ้นน้อยแล้ว เวลาที่สัมผัสในช่วงสันกลางของจอนั้น ให้ความรู้สึกที่เรียบเนียนมากขึ้นกว่าเดิมด้วย รู้สึกเป็นรอยบุ๋มสะดุดตอนลากนิ้วผ่านน้อยลงอีกด้วย

OPPO Find N3 จอด้านนอกที่ใหญ่เหมือนสมาร์ตโฟนปกติ

เป็นข้อดีที่ทำให้ประสบการณ์ใช้สมาร์ตโฟนจอพับดีขึ้น เพราะ OPPO Find N3 จอด้านนอกมาขนาด 6.31 นิ้ว (2484 x 1116) ในสัดส่วนแบบเดียวกับสมาร์ตโฟนทั่วไป ต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่ใช้สัดส่วนที่บางเรียวจนใช้งานลำบาก

เพราะต้องเข้าใจก่อนว่า แอปจำนวนไม่น้อย ตอนนี้ยังไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับสัดส่วนหน้าจอแบบพับตอนกลางออก ที่ใหญ่แบบเกือบจตุรัส เวลากางออกแล้วใช้หน้าตาแอปก็แสดงผลผิดเพี้ยน แต่ถ้าใช้ในจอนอกที่สัดส่วนประหลาดๆ ก็ใช้งานได้ไม่ดีเท่าที่ควร

OPPO Find N3 ที่ใช้สัดส่วนจอนอกเหมือนสมาร์ตโฟนปกติ จึงทำให้เวลาที่ต้องการใช้งานทั่วๆ ไป ก็หยิปมาใช้ได้เลย และยังทำให้เวลาที่กางออก หน้าจอด้านในมีขนาดใหญ่ขึ้นอีกด้วย เรียกว่าใช้ดีทั้งจอในและจอนอกเลย

ดีไซน์สวย จับถนัด แข็งแกร่งแบบมั่นใจ

หลายคนยังรู้สึกยังไม่อยากเปลี่ยนมาใช้สมาร์ตโฟนจอพับ เพราะห่วงเรื่องความแข็งแรงทนทาน แต่สำหรับ OPPO Find N3 ยอมรับเลยว่า การถือจับนั้นให้ความมั่นใจถึงความแข็งแรงในระดับที่ดี

ด้วยตัวบานพับ Flexion Hinge รุ่นที่ 3 ออกแบบมาให้กลไกการพับมีความเฟิร์มมากขึ้นทั้งเวลาที่พับและกางออก ไม่รู้สึกง่อนแง่น และยังพานการทดสอบเรื่องความทนทานการพับได้มากถึง 1,000,000 ครั้ง

การออกแบบเครื่องมีความบางมาก โดยที่ตอนกาง สันเครื่องจะหนาเพียง 5.8 มิลลิเมตร รวมถึงน้ำหนักก็อยู่แค่ 245 กรัม เป็นน้ำหนักเทียบเท่ากับสมาร์ตโฟนแฟลกชิปจอใหญ่ทั่วไป รวมถึงการจัดสมดุลภายในเครื่อง เวลากางออกก็รู้สึกว่าเครื่องมีน้ำหนักเบา ถือใช้งานได้อย่างสบายๆ

ประสิทธิภาพแรงจัดระดับเรือธงของแท้

รีวิว OPPO Find N3

ตัวสเปคภายใน ใช้ชิปเซ็ตเป็น Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 ผลิตบนสถาปัตยกรรม 4nmตัวแรงสุดของปี 2023 มาพร้อม RAM 16GB (LPDDR5X) และ ROM 512GB (UFS 4.0) ส่วนการเชื่อมต่อรองรับ 5G ทุกระบบ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3, NFC

สเปคนี่คือระดับเรือธงที่มีประสิทธิภาพอยู่แถวหัวตารางของปีนี้ได้เลย และภายในยังออกแบบระบบการระบายความร้อนที่ดีมาก ด้วยแผ่นกราฟีนแบบบานพับคู่ ร่วมกับฉนวนกันความร้อน ช่วยให้การกระจายและลดอุณหภูมิขณะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี

OPPO Find N3 จึงเป็นสมาร์ตโฟนที่พร้อมรับมือกับการใช้งานหนักได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมกราฟิคคุณภาพสูง หรือการทำงานด้านกราฟิคตัดต่อวิดีโอก็ทำได้อย่างไม่มีปัญหา โดยประสิทธิภาพการทำงานแบบ Multitasking นั้น สามารถเปิดแอปทิ้งไว้ทำงานเบื้องหลังได้มากกว่า 40 แอป

OPPO Find N3 สมาร์ตโฟนจอพับ ที่ให้ประสบการณ์ใช้งานแบบแท็บเล็ตได้ดีที่สุด

ตัวระบบปฏิบัติการ ColorOS 13.2 ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับสมาร์ตโฟนจอใหญ่ ถือว่าทำได้ดี ไอเดียการทำงานหลายแอปพร้อมกัน โดยวางต่อล้นไปยังด้านนอกจอ สะดวกกว่าการหั่นแบ่งจอเพื่อใช้งานเบียดกันในพื้นที่หน้าจอ ถึงจะมีพื้นที่ใหญ่ พอซอยแล้วมันก็โดนจำกัดอยู่ดี

แต่แบบนี้คือเราเปิดค้างทำงานร่วมกัน แอปไหนที่เรากำลังโฟกัสก็อยู่ในขนาดเต็มจอ พออยากจะสลับไปอีกแอปก็แตะเลื่อนเข้ามา และการออกแบบ UX สำหรับเปิด 3 แอปพร้อมกัน ก็ทำได้ดีเช่นกัน ที่เลื่อนยาวต่อเนื่อง หรือแบ่งไว้ที่ด้านล่างก็ได้ รวมถึงการเปิดแอปแบบหน้าต่างลอย ก็สะดวกด้วยเช่นกัน

รีวิว OPPO Find N3

ตัว Global Taskbar ที่มีอยู่ด้านล่างของจอ ช่วยให้การทำงานหลายแอปพร้อมกันสะดวกมากขึ้น ทั้งการเลือกเปลี่ยนสลับ และการจัดกลุ่มแอปที่ใช้งานร่วมกันเป็นประจำ จึงทำให้การที่มีหน้าจอใหญ่ขึ้น ไม่ใช่แค่มีพื้นที่มากขึ้น แต่ใช้พื้นที่ในการทำงานได้อย่างชาญฉลาดและตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

กล้องหลัง Hasselblad เทียบเท่ากล้องคอมแพ็คระดับพรีเมียม

รีวิว OPPO Find N3

ส่วนตัวผมค่อนข้างเสียดายที่ปีนี้ ทาง OPPO ไม่ได้เอา Find X6 Pro เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เพราะว่าเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นที่มีกล้องดีมากๆ แต่ครั้งแรกที่เห็นสเปคกล้องของ OPPO Find N3 ก็ร้องว้าวเลย

เพราะนี่เอาชุดกล้องของ Find X6 Pro ยัดมาใส่ให้ในสมาร์ตโฟนจอพับเลยนี่!

แต่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะตัวกล้องของ OPPO Find N3 มีการอัปเกรดดีกว่า Find X6 Pro ในส่วนของเซ็นเซอร์กล้องหลักที่ใช้เป็น LYTIA T808 รุ่นใหม่จาก Sony ทำให้ได้ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพและวิดีโอที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ยิ่งทำให้ว้าวยิ่งกว่าเดิม

รีวิว OPPO Find N3

เซ็ตอัพของกล้องหลัง เป็นแบบ 3 เลนส์ ที่มีระยะเลนส์ครบทุกระยะ คือ กล้องหลัก 48MP + Ultra-wide 48MP + Telephoto Camera 64MP เก็บได้ระยะตั้งแต่ Macro 0.5x ไปจนถึงซูมทะลุพระจันทร์ 120x โดยระยะการซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียดอยู่ที่ 6x ทำให้การใช้งานถ่ายภาพมีความยืดหยุ่นพร้อมใช้ในทุกสถานการณ์

และยังมีฟีเจอร์ที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad มาช่วยให้การถ่ายภาพได้สีสันสวยสมจริงตามธรรมชาติ และยิ่งใช้ในโหมด Pro คือสามารถปรับตั้งค่าเพื่อการนำเอาไฟล์ภาพไปใช้งานระดับสูงต่อได้

การถ่ายภาพบน OPPO Find N3 ผมใช้คำว่า “ทุกช็อตเป็นเรื่องง่าย” เป็นกล้องที่ถอดสมองออกแล้วหยิบขึ้นมา แค่เลือกโหมดที่อยากถ่ายแล้วก็กดแชะได้เลย AI จะทำหน้าที่จัดการปรับแต่งภาพที่ถ่ายออกมาให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสภาพย้อนแสง, การปรับโบเก้ชัดลึกชัดตื้น

รีวิว OPPO Find N3

ในการถ่ายภาพพอร์ตเทรต สามารถเอามาปรับค่ารูรับแสงเพื่อเปลี่ยนความเบลอของฉากหลังได้อีกด้วย

โดยเฉพาะการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยหรือเวลากลางคืน ทำได้ดีแบบไร้กังวล ไม่ว่าแสงในตรงนั้นจะมืดสนิท หรือมีแสงที่ยุ่งเหยิงแค่ไหน ก็ได้ภาพที่สวยสีสันสดใส รายละเอียดคมชัด แน่นอนว่า ทำได้ดีทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ

รวมไปถึงการทำงานร่วมกับการพับหน้าจอ ทำให้คุณเซลฟี่ด้วยกล้องหลัก 48MP แบบแจ่มๆ ได้อย่างง่ายได้ หรือจะวางพับตั้งเป็น Flex Mode เพื่อถ่ายรูปเองก็สะดวกด้วยเช่นกัน

ประสิทธิภาพของกล้องใน OPPO Find N3 ที่ทำงานผสานกันกับชุดเลนส์และ AI ที่ฉลาด ภาพที่ถ่ายได้คือเทียบเท่าสูสีกับการใช้งานกล้องคอมแพคระดับพรีเมียมถ่ายเลยทีเดียว มันจึงดีมากๆ ที่คุณไม่ต้องพกกล้องเพิ่มอีกตัว เพราะมันรวมอยู่ในสมาร์ตโฟนของคุณแล้ว

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องของ OPPO Find N3

สรุป รีวิว OPPO Find N3 ลองใช้แล้ว ชอบแค่ไหน?

อย่างที่จั่วหัวกันตั้งแต่เริ่มว่า OPPO Find N3 นั้น คือการรวมเอา สมาร์ตโฟนเรือธง, แท็บเล็ต และกล้องคอมแพคระดับพรีเมียม มาอยู่ในเครื่องเดียว และให้ประสบการณ์ในการใช้งานทั้ง 3 ส่วนนี้ในระดับที่ดีมากๆ

ยกตัวอย่างการทำงานในไลฟ์สไตล์ของสายผลิตคอนเทนต์อย่างผม การเอาอุปกรณ์ 3 อย่างรวมกันเป็นเครื่องเดียวแล้วพับใส่กระเป๋ากางเกงได้ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ

เวลาทำคอนเทนต์ สามารถหยิบ OPPO Find N3 เก็บภาพและวิดีโอต่างๆ ได้ทันที ไม่ต้องใช้กล้องดิจิตอลหรือกล้องคอมแพค สามารถถ่ายได้อย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นภาพบุคคล, ทิวทัศน์, มาโคร ไปจนถึงภาพที่ต้องซูมระยะไกล ก็ได้ภาพที่มีคุณภาพเพียงพอสำหรับการทำงานคอนเทนต์ออนไลน์ได้ทันที

ถ่ายเสร็จก็สามารถปรับแต่งภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมแต่งภาพของเครื่อง หรือจะระดับมืออาชีพแต่งผ่าน Lightroom ก็ทำได้ เพราะ OPPO Find N3 ก็รองรับการถ่ายภาพแบบไฟล์ RAW+ ที่มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งได้มาก

การทำงานด้านกราฟิค สะดวกมากเมื่อใช้ร่วมกับ Canva เพราะหน้าจอเมื่อกางออกแล้วมีขนาดใหญ่สำหรับการทำงานเหมือนแท็บเล็ต คุณสามารถทำภาพเพื่อโพสต์ลงโซเชียลได้ทันทีโดยไม่ต้องไปกางโน้ตบุ๊คเพื่อทำงาน โดยกระบวนการทั้งหมดนี้ สามารถจบได้ผ่านอุปกรณ์เครื่องเดียว ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานลงไปได้มาก

รีวิว OPPO Find N3

ส่วนการถ่ายวิดีโอ กล้องสามารถเก็บความละเอียดคมชัดถึง 4K รวมถึงตัวไมโครโฟนที่เก็บเสียงได้คมชัด คุณสามารถถ่ายคลิปแล้วเอามาตัดต่อผ่าน Capcut บนหน้าจอได้ทันที จะตัดเป็นคลิปสั้นลง TikTok หรือทำคลิปยาวก็สะดวก

การทำงานสลับระหว่างจอด้านนอกและจอด้านใน ก็ทำได้อย่างรวดเร็ว อย่างเช่นเวลาเล่นเกมอยู่จอนอกแล้วอยากได้พื้นที่ในเกมมาขึ้น ก็กางออกเล่นต่อเป็นจอใหญ่เป็นมุมมองแบบแท็บเล็ได้ทันที

การออกแบบโดยรวมถือว่าดีมาก ทั้งการจัดวาง วัสดุ ความปราณีตและใส่รายละเอียดที่ดูแล้วสวยงาม ผิวสัมผัสด้านหลังแบบด้านที่เนียนนิ้ว เกิดรอยนิ้วมือน้อย แต่จะมีในส่วนโมดูลกล้องหลัง ที่ส่วนตัวผมชอบและไม่ชอบไปพร้อมๆ กัน (ฮา)

ด้วยความที่มันนูนออกมาจากด้านหลังของเครื่องค่อนข้างมาก และเป็นเบ้าวงกลมขนาดใหญ่ ถ้าประมาณพื้นที่ก็เกือบๆ 30% ของฝาหลัง ทำให้เวลาวางเครื่องต้องหงายด้านกล้องขึ้น รวมถึงเวลาถือจับใช้งานตอนพับแบบแนวนอน หรือเวลาเล่นเกม มันแอบเกะกะนิ้วมือทางด้านซ้ายพอสมควร

และเชื่อว่าด้วยความใหญ่โตมโหฬารของโมดูลกล้อง ส่งผลให้ OPPO Find N3 ไม่มีฟีเจอร์ชาร์จไร้สายมาให้ด้วย แต่การที่มีแบตเตอรี่ 4805mAh พร้อมชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC ก็มาช่วยลดข้อจำกัดนี้ลงไปได้

แต่ส่วนที่ดีในการออกแบบโมดูลกล้อง ต้องชมในเรื่องของการปิดทับเลนส์กล้องทั้ง 3 ตัวให้เรียบด้วยกระจกแผ่นเดียว ไม่ได้ทำเป็นขอบกรอบแยกแต่ละเลนส์ ทำให้เวลาจับโดนก็สะดุดมือน้อยลง ไม่มีฝุ่นไปติดตามซอกระหว่างกล้องที่เช็ดออกลำบาก รวมถึงเวลาเลนส์เละรอยนิ้วมือ การเป็นกระจกแผ่นเดียวก็ช่วยให้ทำความสะอาดเช็ดได้ง่ายขึ้น

และอีกสิ่งที่ชอบก็คือ ตัว “H” โลโก้ของ Hasselblad ที่ใหญ่เด่นเป็นสง่าบนโมดูลกล้องนั้น ดูสวยมากๆ

สรุป OPPO Find N3 สมาร์ตโฟนจอพับรุ่นนี้เหมาะสำหรับใคร? ถ้าคุณต้องการสมาร์ทโฟนดีไซน์สวยพรีเมียม ใช้งานแบบจอพับกางออกได้พื้นที่ขนาดใหญ่ ถ้าพับก็ใช้งานแบบสมาร์ตโฟนเรือธงแบบจัดเต็ม พร้อมกับกล้องที่อยู่ในระดับดีที่สุดของปี 2023 ทุกอย่างนี้รวมอยู่ในเครื่องเดียว ให้คุณทำงานทุกอย่างในประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม สายงานทำคอนเทนต์ที่ต้องการความคล่องตัว แข่งกับเวลา นี่คือสิ่งที่ตอบโจทย์ในการทำงานที่ถูกใจคุณแน่นอน