Apple เปิดตัว iPhone SE ใหม่ Generation 3 (2022) หน้าตาเหมือนเดิม อัปเกรดใช้ชิป A15 Bionic เหมือนกับ iPhone 13 รองรับ 5G แบตเตอรี่ที่มีระยะเวลาใช้งานที่ดีขึ้น, ความทนทานที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และระบบกล้องที่รองรับ HDR อัจฉริยะ, คุณสมบัติ “สไตล์ภาพถ่าย” และ Deep Fusion ราคา เริ่มต้น 15,900 บาท เปิดให้จองล่วงหน้าวันที่ 18 มีนาคม พร้อมวางจำหน่าย 25 มีนาคมนี้
มีข่าวร่ำลือกันพักใหญ่ กับการอัปเกรด iPhone SE ใหม่ ล่าสุดในงาน Apple Event “Peak Performance” ที่จัดไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ก็ได้เปิดตัว iPhone SE ใหม่ (2022) ถือว่าเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของไอโฟนที่มาในราคาเบาๆ เข้าถึงได้ง่ายที่สุด
ดีไซน์หน้าตานั้น ต้องบอกว่าเหมือนกับ iPhone SE รุ่นที่แล้ว (ซึ่งก็คือหน้าตาของ iPhone 8) ด้วยขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว ตัวเครื่องใช้อะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศและดีไซน์แบบกระจก ที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาร์ทโฟนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แบบเดียวกับที่ด้านหลังของ iPhone 13 Pro และ iPhone 13
ตัวเครื่องได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องจากของเหลวที่หกใส่ โดยมีความสามารถในการทนน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP67 และมาพร้อมปุ่มโฮมพร้อม Touch ID
ตัวเครื่องดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ แต่ภายในเปี่ยมพลังด้วยชิป A15 Bionic ตัวเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 13 ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ให้การใช้งานต่างๆ รวดเร็วด้วยพลังในการประมวลผลระดับสูง ที่ประกอบด้วย CPU แบบ 6-core (คอร์ประสิทธิภาพสูงจำนวน 2 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูงจำนวน 4 คอร์) ถ้าเทียบกับ iPhone 8 แล้ว iPhone SE 2022 มีความเร็วกว่าถึง 1.8 เท่า
มีการประมวลผลในส่วน Neural Engine แบบ 16-core ก็ประมวลผลได้ถึง 15.8 ล้านล้านรายการต่อวินาที ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้อย่าง “ข้อความในภาพ” ในแอปกล้องที่มาพร้อมกับ iOS 15 และการป้อนตามคำบอกบนอุปกรณ์
ด้านการใช้พลังงาน ตัวชิป A15 Bionic มีระบบการจัดการแบตเตอรี่ที่ทำงานร่วมกับ iOS 15 ช่วยให้มีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่ารุ่นก่อน และยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายมาตรฐาน Qi และการชาร์จเร็ว ที่ชาร์จได้สูงสุด 50% ภายในเวลา 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 20 วัตต์ (อะแดปเตอร์แยกขาย)
ระบบกล้องของ iPhone SE ใหม่ เป็นกล้อง Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ทำงานร่วมกับชิป A15 Bionic ช่วยให้ประมวลผลภาพได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็น HDR อัจฉริยะ, คุณสมบัติ “สไตล์ภาพถ่าย”, Deep Fusion™ และโหมดภาพถ่ายบุคคล
- คุณสมบัติ HDR อัจฉริยะ ที่เปิดตัวพร้อม iPhone 13 Pro และ iPhone 13 จะใช้การแบ่งส่วนภาพที่ชาญฉลาดในการปรับแต่งสี คอนทราสต์ และนอยซ์ที่แตกต่างกันระหว่างตัวแบบและฉากหลัง คุณจึงมั่นใจได้ว่าใบหน้าจะมีความสว่างที่พอดีในสภาพแสงที่ท้าทาย และแต่ละบุคคลในรูปภาพจะได้รับการเรนเดอร์โดยแยกจากกัน รวมไปถึงการปรับแต่งสภาพแสงและโทนสีผิวที่ดีที่สุด ซึ่งอาจแตกต่างกันสำหรับแต่ละบุคคลด้วย
- คุณสมบัติ “สไตล์ภาพถ่าย” ให้ผู้ใช้นำสไตล์การปรับแต่งภาพในแบบของตัวเองมาใช้กับทุกภาพได้โดยที่ยังคงได้ประโยชน์จากการประมวลผลภาพแบบหลายเฟรมของ Apple ส่วนค่าสำเร็จรูปและค่าที่ปรับแต่งไว้เองนั้นก็ใช้งานได้กับตัวแบบและสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ซึ่งต่างจากฟิลเตอร์ตรงที่จะมีการปรับค่าต่างๆ ในแต่ละส่วนของภาพในระดับที่เหมาะสมอย่างชาญฉลาดเพื่อให้องค์ประกอบสำคัญในภาพอย่างโทนสีผิวยังคงดูดีเช่นเดิม
- Deep Fusion ใช้การเรียนรู้ของระบบขั้นสูงในการประมวลผลภาพไปทีละพิกเซล โดยปรับแต่งรายละเอียด องค์ประกอบ และนอยซ์ในทุกส่วนของรูปภาพ โปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพในชิป A15 Bionic มอบวิดีโอที่ดีขึ้นอย่างมาก และขณะเดียวกันก็มีนอยซ์ลดลง โดยเฉพาะในสภาวะแสงน้อย ทั้งยังมาพร้อมไวท์บาลานซ์ที่ดีขึ้นและโทนสีผิวที่สมจริงอีกด้วย
และในวันนี้ iPhone SE ใหม่ (2022) ที่มาใน ราคา สบายกระเป๋า ก็ยังพร้อมรองรับ 5G เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ประสบการณ์อัปโหลดและดาวน์โหลดที่เร็วขึ้น ความหน่วงต่ำลง และประสบการณ์ที่ดีขึ้นในหลายที่มากขึ้น ตัวอย่างเช่น การพบปะกับครอบครัวผ่านการโทร FaceTime® ในคุณภาพสูงขึ้นระดับ HD หรือแม้แต่ในตอนที่ใช้ข้อมูลเซลลูลาร์และไม่ได้ผ่าน Wi-Fi ยิ่งกว่านั้นเมื่อ SharePlay™ ใน iOS 15 มาอยู่บน 5G แล้ว ก็จะช่วยให้ผู้ใช้แชร์ประสบการณ์ร่วมกันได้อย่างทรงพลัง อย่างการดูภาพยนตร์หรือรายการทีวีแบบ HDR ไปพร้อมๆ กันกับเพื่อนขณะโทร FaceTime และยังมีโหมด “ข้อมูลอัจฉริยะ” ที่จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้อย่างชาญฉลาดโดยการปรับความเร็วของ iPhone มาอยู่ที่ LTE เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วระดับ 5G
ราคา และการจำหน่าย iPhone SE ใหม่ Generation 3 (2022)
iPhone SE จะวางจำหน่ายในรุ่นความจุ 64GB, 128GB และ 256GB ในสีมิดไนท์ สตาร์ไลท์ และ (PRODUCT)RED
- รุ่นความจุ 64G ราคา 15,900 บาท
- รุ่นความจุ 128G ราคา 17,900 บาท
- รุ่นความจุ 256G ราคา 21,900 บาท
ลูกค้า จะสามารถสั่งซื้อ iPhone SE ล่วงหน้าได้ตั้งแต่เวลา 9:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม และจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม
ลูกค้าสามารถซื้อ iPhone SE ในราคา 1,590 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 10 เดือน ก่อนการแลกซื้อที่ apple.com/th/store, ในแอป Apple Store® และที่ร้าน Apple Store
นอกจากนี้ iPhone SE ยังวางจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Apple และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์บางรายด้วย
