Google ออกข้อกำหนด เพื่อบังคับให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Android ทุกแบรนด์ ที่ใช้พอร์ท USB-C ต้องรองรับกับมาตรฐานการการชาร์จของ USB-PD
แต่ปัญหาใหญ่ๆ ของเรื่องนี้เลย คือ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแต่ละราย มักจะนำเสนอฟีเจอร์การชาร์จไวของแบรนด์ตัวเอง และสร้างจุดขายเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่ ในความเป็นจริง มันมีมาตรฐานการชาร์จไว ที่เป็นมาตรฐานกลางสำหรับพอร์ต USB Type-C ที่เรีกยว่า USB-PD หรือ USB Power Delivery แต่ เทคโนโลยีชาร์จไวของหลายๆ อุปกรณ์จากหลายๆ แบรนด์ นั้น ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องชาร์จที่ตามมาตรฐาน USB-PD ได้ ด้วยเหตุนี้เอง Google จึงกำลังผลักดันให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนฝั่ง Android ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน
แม้ก่อนหน้านี้ Google เองจะยังไม่ได้เคร่งกับเรื่องนี้มาก แต่ ต่อไปในอนาคต Google อยากให้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่นรุ่นต่อๆ ไป จำเป็นที่จะต้องให้อุปกรณ์แบบพอร์ท USB-C ทั้งหมด ปฏิบัติตาม และ รองรับการทำงานร่วมกับ มาตรฐานการชาร์จ USB-C อย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ Google ยังได้ออก GMS Requirements เวอร์ชั่น 7.0 (Google Mobile Services) ซึ่งออกมาเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2019 ซึ่งเป็นเอกสารที่ระบุสิ่งที่ต้องการเชิงเทคนิคให้กับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนต้องปฏิบัติตาม เพื่อจะได้พรีโหลด GMS ซึ่งเป็น แอปและบริการของทาง Google รวมไปถึง Play Store และ Play Services ซึ่ง อุปกรณ์ Android ไม่ว่าจะสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ที่ขายต่างประเทศ ต้องจะทำตามข้อกำหนดนี้ เพราะ การเข้าถึงแอป และบริการจำเป็นมากต่อการขายประเทศต่างๆที่นอกเหนือจากประเทศจีน
แต่ คำว่า “full interoperability” หรือ ทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มรูปแบบนั้น อาจจะยังดูไม่เคลียร์เท่าไหร่ หากพิจารณาจากสมาร์ทโฟนที่ออกตั้งแต่ปี 2019 เช่น OnePlus 7 Pro กับ OnePlus 7T ที่มีระบบ warp charge ของตัวเอง และก็สามารถรองรับ USB-PD
การที่ Google ออกข้อกำหนดดังกล่าวมาเป็นมาตรฐานกลาง น่าจะเป็นเรื่องดี สำหรับผู้ใช้งานที่อยากชาร์จไว ได้กับอุปกรณ์ Android ทุกรุ่น แต่ มันก็เป็นเรื่องยาก ที่จะสั่งห้ามไม่ให้แบรนด์ต่างๆเลิกพัฒนาระบบชาร๋จไวของตัวเอง เช่น
- VOOC Flash Charge ของ OPPO
- Warp Charge ของ OnePlus
- SuperCharge ของ Huawei เป็นต้น