รีวิว OPPO A7 แบตอึด จอใหญ่ ดีไซน์สวย สเปคคุ้มราคา

มาทดสอบลองใช้งาน รีวิว OPPO A7 ตระกูลน้องเล็กรุ่นล่าสุด ที่มีดีเกินดัว ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์สวยงามพรีเมี่ยม จอใหญ่เต็มตาในขนาดที่จับถนัดมือ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 4230 mAh ใช้งานเต็มๆ วันไม่ต้องกลัวหมด ส่วนสเปคภายในก็ตอบโจทย์การใช้งานครบถ้วนทุกด้าน ด้วยราคาคุ้มๆ แค่ 6,990 บาท

ในกล่องมีอะไรให้มาบ้าง?

ตัวกล่องแพ็กเกจสินค้าของออปโป้นั้น จะเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นกล่องสีขาวที่ด้านหน้าจะเป็นรูปของตัวเครื่อง เปิดออกมาด้านในจะเป็นตัวเครื่อง OPPO A7 วางอยู่ ส่วนด้านในก็จะมีอุปกรณ์ต่างๆ ให้มา ได้แก่ อแดปเตอร์ชาร์จไฟ (5V 2A), สาย Micro USB, เคสใสกันรอยแบบ TPU, เข็มจิ้มถาดซิม, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น ซึ่งในแพ็กเกจนี้จะไม่มีชุดหูฟังแถมมาให้ด้วยนะ

Hand-on ลองสัมผัส

มาลองดูรอบเครื่องกันบ้าง ตัวเครื่อง 155.9 x 75.4 มิลลิเมตร ขนาดกำลังดีในการถือใช้งาน ผู้หญิงมือเล็กๆ ก็ยังใช้ได้สบายๆ และน้ำหนักถือว่าค่อนข้างเบา ที่ตอนนี้มือถือส่วนใหญ่น้ำหนักทะลุ 200 กรัมกันไปแล้ว แต่ OPPO A7 อยู่ที่ 168 กรัมเท่านั้น

ตัวเครื่องฝาหลัง ไม่เสียชื่อออปโป้ที่ทำออกมาได้สวยหรูดูดี ด้วยดีไซน์แบบกระจก ตัวเครื่องที่ทีมงานได้มาทดสอบเป็นสีทอง Glaring Gold ที่นอกจากจะมีความมันวาวแบบกระจกแล้ว ยังมีงลายเส้นลวดลาย เวลาที่บิดมองในมุมที่ต่างกัน ก็จะมีลวดลายเปลี่ยนไปมา ดูสวยงามมีมิติไม่เหมือนใคร

บริเวณขอบของกล้องหลัง และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง ก็มีการใช้วัสดุและสีขอบเป็นสีทองมันวาว เพื่อความหรูหราเพิ่มขึ้น

ด้านข้างเครื่อง ฝาหลังที่เป็นกระจกโค้ง 3D รับกับของเครื่อง ทำให้โค้งมนรับกับอุ้งมือเวลาที่ถือ โดยจะมีปุ่ม Power อยู่ทางขวาของเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง กับช่องถาดซิมอยู่ทางซ้าย

ถาดซิมของ OPPO A7 เป็นแบบ Triple Tray วัสดุทำด้วยโลหะแข็งแรง ไม่หักง่าย เราสามารถใส่ซิมการ์ดขนาด Nano SIM ได้ 2 เบอร์ และมีอีกช่องสำหรับใส่การ์ด microSD เพื่อเพิ่มหน่วยความจำในเครื่องได้สูงถึง 256GB

ด้านล่างของเครื่องมีช่องลำโพงเสียง พอร์ตเชื่อมต่อใช้เป็นแบบ Micro USB , ช่องไมค์สนทนา และมีช่องสำหรับเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร มาให้ด้วย

หน้าจอใหญ่เต็มตา ดีไซน์หยดน้ำ

ตอนนี้สมาร์ทโฟนแทบทุกรุ่นของออปโป้เปลี่ยนมาใช้หน้าจอดีไซน์แบบใหม่นี้กันหมดแล้ว จุดเด่นของหน้าจอแบบ Waterdrop ก็คือ ขนาดหน้าจอที่ใหญ่เต็มขอบรอบด้าน ขนาด 6.2 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 โดยจะมีเว้นพื้นที่ตรงกลางด้านบนสำหรับกล้องหน้าเอาไว้เล็กน้อย ที่กินพื้นที่แหว่งในจอน้อยกว่าแบบ Notch มากๆ เรียกได้ว่าแทบจะไม่รู้สึกกวนสายตาเวลาที่ใช้งานเลย

ความละเอียดของจออยู่ที่ 720 x 1520 พิกเซล รับชมวิดีโอและคอนเทนต์ได้คมชัดระดับ HD ได้สบายๆ 

ที่ด้านบนของจอ บริเวณ Waterdrop นั้น นอกจากจะมีกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลแล้ว ยังซ่อนเอาลำโพงสนทนาไว้ที่ขอบด้านบน และมีเซนเซอร์แสงต่างๆ อยู่ด้วย เรียกได้ว่า ซ่อนมิดชิดจนไม่เห็นกันเลย

นอกจากนี้ ตัวเครื่องทางออปโป้ยังมีติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้เรียบร้อยตั้งแต่โรงงาน ไม่ต้องไปหาแปะเองให้เสียเวลา

สเปคภายใน ประสิทธิภาพการใช้งาน

ดูภายนอกแล้ว มาดูสเปคภายในการบ้าง ชิปเซ็ตเลือกใช้มาเป็น Qualcomm Snapdragon 450 ที่เด่นเรื่องการประหยัดการใช้งพลังงาน ตัว RAM ให้มา 4GB รวมแล้วถือว่าใช้งานในการเล่นเน็ต, ดูหนังฟังเพลง, เล่น Social และกิจกรรมต่างๆ ได้สบาย ไม่มีสะดุดหรือติดขัด

หน่วยความจำในเครื่องให้มา 64GB ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่เพิ่มได้ด้วย microSD ได้สูงสุดถึง 256GB

ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิม สแตนบาย 4G ได้พร้อมกัน ใช้งานได้ทั้ง VoLTE ให้เสียงสนทนาที่คมชัด และรองรับ Wi-Fi Calls โทรผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ด้วย

ColorOS 5.2 ใช้งานง่าย ฟีเจอร์เพียบ

ตัวระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดของออปโป้ กับ Color OS 5.2 ที่ทำงานบน Android 8.1 Oreo ดีไซน์หน้าตาของ UI นั้นเรียบๆ สวยงาม จัดวางเรียงรวมที่หน้า Home ไม่มีแยกซ่อนใน App Drawer โดยจะเพิ่มหน้า Smart Assitant รวมทางลัดข้อมูลและการใช้งานมาไว้ในหน้าซ้ายสุด

หน้า Recent Apps กดเลือกเพื่อปลี่ยนสลับการใช้งานแอป มีให้สั่งปิดแอปที่ทำงานค้างเอาไว้เพื่อเรียกคืน RAM ที่ใช้ไปแล้วกลับมาได้เลย

Notification Center รวมข้อความการแจ้งเตือนของแอปต่างๆ กับเมนู Setting ด่วนให้ปรับตั้งค่าได้อย่างรวดเร็ว มีการแสดงข้อมูลการใช้งาน data สรุปให้เราได้ทราบถึงการใช้งานอีกด้วย

นอกจากฟีเจอร์พื้นฐานที่มีมาใน Android Oreo แล้ว ใน ColorOS 5.2 ของออปโป้ก็ใส่ความสามารถพิเศษเพิ่มเข้าไปให้การใช้งานสมาร์ทโฟนมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น

• Split Screen เลือกเปิดแอป 2 ตัวพร้อมกันในหน้าจอ โดยจะแบ่งครึ่ง แสดงผลได้ทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง อยากจะเล่น Facebook พร้อมกับดูคลิป YouTube ก็ทำได้สบายๆ เรียกการใช้งานง่ายๆ แค่ปาด 3 นิ้วจากด้านล่างจอขึ้นมาก็ใช้ได้เลย

• Smart Bar แถบเมนูลัดขนาดเล็ก ที่จะซ่อนอยู่ด้านข้างของจอ เราสามารถปัดเลื่อนออกมาเพื่อเรียกใช้งานได้ เพื่อเปิดแอปที่ใช้งานบ่อยๆ ได้ทันที โดยเลือกปรับเลือกแอปได้ตามต้องการ

• Smart Assistant หน้าแสดงข้อมูลด่วน เปิดใช้งานได้โดยจะแสดงผลไว้ที่หน้าซ้ายสุดต่อจาก Home
• Screen Capture ที่เรียกใช้งานง่าย แค่ลาก 3 นิ้วจากจอด้านบนลงมา ก็จะจับภาพหน้าจอให้ทันที แล้วเลือกจดบนหน้าจอ หรือจับภาพแบบเลื่อนหน้าจอแบบยาวต่อเนื่องก็ได้
• Real HD Sound สำหรับปรับแต่งเสียงในการฟังผ่านหูฟัง ให้ได้โปรไฟล์เสียงที่ชื่นชอบที่สุด
• Theme ถ้าหากไม่ชอบหน้าตามาตรฐาน ก็มีให้เลือกดาวน์โหลดมาติดตั้งเปลี่ยนได้เพียบ

• ระบบการจัดการ Gallery รูปภาพ ที่มี AI มาช่วยทำงาน ทั้งการจำแนกหมวดหมู่รูปภาพตามใบหน้าของบุคคล (Face Detection) และทำคลิป Memories ที่คัดภาพและวิดีโอที่ถ่ายไว้ มาทำเป็นคลิปสั้นให้อัตโนมัติ เลือกปรับธีม, รูปภาพ, เพลง ได้ตามใจ และในการแต่งภาพที่ถ่ายมาแล้ว ก็มีโหมดปรับแต่งที่ใช้งานได้ง่าย ทั้งหมดนี้มีครบให้มาเลย ไม่ต้องลงแอปเพิ่ม
• App Lock ใส่รหัสแอปในเครื่องที่ต้องการไม่ให้ใครแอบเข้ามาใช้ เลือกได้ทุกแอป โดยจะต้องใส่รหัสก่อนจึงจะใช้ได้

`

• Clone Apps เปิดให้ใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเชียลและแอปแชทได้ 2 บัญชีในเครื่องเดียว รองรับแอปดังๆ ครบทุกแอป ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Messenger, LINE, Instagram, Whatsapp ฯลฯ 

Game Space ตอบโจทย์คนชอบเล่นเกมบนมือถือ

ถึงแม้ว่าสเปคของ OPPO A7 จะไม่ได้อยู่ในระดับสูง แต่ก็มีติดตั้งระบบที่เรียกว่า Game Mode มาให้ด้วย  ทำหน้าที่ช่วยปรับแต่งระบบของเครื่อง เพื่อให้ประสบการณ์ในการเล่นเกมที่ดีที่สุด ตั้งแต่ปรับเร่งควมเร็วกราฟฟิก, เคลียร์หน่วยความจำเพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นๆ, เลือกปรับ Game Engine (รองรับในบางเกมอย่างเช่น ROV), ปิดกั้นการรบกวนการโทรเข้าและการแจ้งระหว่างที่เล่นเกม

ประสิทธิภาพในการเล่นเกมต่างๆ ถือว่าทำได้ดีในระดับแสดงผลปกติและในระดับ HD ในบางเกม สำหรับใน ROV นั้นแม้ว่าจะไม่สามารถเล่นในโหมด High Framerate ได้ แต่ก็เล่นในโหมดปกติได้ไหลลื่นดี รวมถึงในหลายๆ เกมที่ใช้กราฟฟิกหนักๆ ตัว Game Space จะเข้ามาช่วยปรับแต่งระบบเครื่อง ให้สามารถเล่นเกมในโหมดที่ดีที่สุดได้

Game Space จะเลือกขึ้นมาให้อัตโนมัติเวลาที่เปิดเล่นเกม ซึ่งเราก็จะปรับแต่งการทำงานของระบบได้เองตามใจชอบ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ดีที่สุด

ระหว่างที่เล่นเกม เรียกเมนู Smart Bar ที่ซ่อนไว้ทางซ้ายของจอออกมาได้ เพื่อที่จะปรับแต่งการทำงานของ Game Space หรือจะเปิดโปรแกรมแชทขึ้นมาดูระหว่างเล่นเกมก็ได้

ปลดล็อคเครื่องสะดวก ด้วยสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือ

ใน OPPO A7 นอกจากจะมีตัวเซนเซอร์สแกนลายนิ้วที่ด้านหลังเครื่องแล้ว ยังมีระบบสแกนใบหน้าผ่านทางกล้องหน้าให้มาด้วย จากการทดสอบใช้ในการปลดล็อคเครื่อง ถือว่ารวดเร็วดีมาก เราเลือกได้ว่าจะให้แบบยกขึ้นมาส่องหน้าแล้วปลดล็อคเข้าเครื่องเลย หรือจะยกขึ้นมาแล้วปลดล็อครอไว้ แล้วค่อยใช้นิ้วสไลด์เพื่อเข้าเครื่องก็ได้

เราเลือกได้เกี่ยวกับระดับความเข้มงวดในการสแกนใบหน้า ว่าจะให้ไม่สามารถปลดล็อคได้ถ้าหากว่าเรากำลังหลับตาอยู่ (เหมาะมากสำหรับคนที่กลัวแฟนจะแอบมาส่องหน้าเราเพื่อปลดล็อคเครื่องเวลาหลับ)

ตัวระบบปลดล็อคทั้งแบบสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือ นอกจากจะเอาไว้ใช้ในการปลดล็อคเครื่องแล้ว ยังเอาไว้ใช้ปลดล็อคแอปที่ใส่รหัส App Lock เอาไว้ได้ด้วย

แบตเตอรี่ 4230 mAh ใหญ่เยอะเหลือเฟือ

ไฮไลท์เด็ดของ OPPO A7 คือแบตเตอรี่ที่มีความจุใหญ่ถึง 4230 mAh ถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไปที่แบตเตอรี่ 3000 mAh แล้ว OPPO A7 มีแบตเตอรี่จุไฟได้มากกว่าถึง 30% เลยทีเดียว

ความใหญ่ของแบตเตอรี่นี้ เรียกได้ว่า ใช้งานทั่วไปได้เต็มๆ วันแบบไม่ต้องง้อที่ชาร์จกันเลย เราลองใช้งานเป็นเครื่องหลัก ใช้รับสาย, เล่น LINE, Facebook ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น แบตเตอรี่ยังเหลืออยู่ราวๆ 35% 

คราวนี้เราลองเอามาใช้เป็นเครื่องสำรอง เน้นรับสายโทรเข้าโทรออกเป็นหลัก ปรากฎว่า ผ่านไป 2 วัน แบตเตอรี่ยังเหลือถึง 40% งานนี้ใครอยากได้เครื่องไว้เน้นรับสายเป็นหลักนี่ บอกเลยเหมาะมากๆ

มาลองใช้งานหนักๆ อย่างเล่นเกมบ้าง เราเปิดตัว GameSpace เพื่อปรับประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้ดีที่สุด ลองเล่นเกม Ragnarok M เล่นแบบต่อเนื่องยาวๆ 3 ชั่วโมง แบตเตอรี่จากเต็มๆ ยังเหลือ 56% ถ้าใครเป็นสายฟาร์มปั้มเลเวล ปรับเป็นโหมดพลังงาน แล้วปล่อยเกมไว้นี่อยู่ได้ 6-7 ชม.ได้สบายๆ

กล้องหลังคู่ 13+2 ล้านพิกเซล

ตัวกล้องด้านหลังของ OPPO A7 เป็นแบบ Dual Camera กล้องหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซลแบบ Autofocus (รูรับแสง F/2.2) ทำงานคู่กับกล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (รูรับแสง f/2.4) ที่ช่วยเรื่องการวัดระยะหน้าชัดหลังเบลอของโหมดถ่ายภาพ Portrait 

กล้องหลังนั้นจะถ่ายได้หลายโหมด ตั้งแต่วิดีโอแบบ Time-lapse, โหมดวิดีโอปกติ ที่ถ่ายได้ถึงระดับ 1080p, ถ่ายภาพแบบปกติ ที่มีทั้ง HDR ปรับค่าเฉลี่ยแสง และฟิลเตอร์ภาพพร้อมโหมดบิวตี้, โหมด Portrait ถ่ายภาพบุคคลให้ฉากหลังเบลอได้สวยงาม, Sticker แบบ AI เป็นลูกเล่นไว้ถ่ายน่ารักๆ และถ่ายเก็บมุมกว้างแบบ Panorama

กล้องหน้าเซลฟี่ 16 ล้านพิกเซล

กล้องหน้าความละเอียดเยอะกว่ากล้องหลัง จัดมาเพื่อการเซลฟี่ด้วยความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับ AI Beauty 2.1 ที่ปรับแต่งใบหน้าให้สวยเนียนอัตโนมัติ สวยเป๊ะปังได้ในทุกช็อตที่ถ่าย รวมถึงยังมี HDR ช่วยเวลาถ่ายย้อนแสงแล้วหน้าไม่มืด และมีปรับ Depth Effect สำหรับถ่ายฉากหลังเบลอมาให้ใช้ด้วย

สำหรับสาวๆ ที่ชอบถ่ายวิดีโอ OPPO A7 นั้นสามารถเปิดโหมดบิวตี้ระหว่างที่ถ่ายวิดีโอได้ด้วย งานนี้จะภาพนิ่งหรือวิดีโอ ก็ปรับให้หน้าสวยใสได้เลย

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ OPPO A7

สรุป กับ OPPO A7 คุ้มมั้ย? ในราคา 6,990 บาท

เริ่มจากงานประกอบตัวเครื่องนั้น เรียกได้ว่าสวยงามปราณีตตามมาตรฐานของออปโป้ ด้วยการเล่นเทคนิคลวดลายของฝาหลังใต้กระจกที่เงาวาวมีมิติสวยงาม หน้าจอขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพนั้นอยู่ในระดับกลางแต่ก็ใช้งานพื้นฐานทุกอย่างได้ไม่มีติดขัดอะไร ทั้งเล่นเน็ต, ดูหนัง, เล่นโซเชียล ก็ทำได้น่าพอใจทุกอย่าง

รีวิว OPPO A7 ครั้งนี้ ทีมงานได้ทดสอบลองใช้อยู่นานพอสมควร สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือเรื่องของแบตเตอรี่ ที่รองรับการใช้งานแบบเต็มวันได้สบายๆ แบบไม่ต้องกังวลว่าจต้องเสียบชาร์จไฟระหว่างวัน ส่วนสายเล่นเกมก็เล่นต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง

เรื่องของความคุ้มค่าของ OPPO A7 นั้น ราคาเปิดขายอยู่ที่ 6,990 บาท เทียบกับสิ่งที่ได้ ถือว่าโอเคเลย สามารถหาซื้อได้แล้วที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายของออปโป้ทั่วประเทศ

สรุปข้อมูลด้านเทคนิค – สเปค OPPO A7

• ขนาด 155.9 x 75.4 มิลลิเมตร 
• หนา 8.1 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก 168 กรัม
• หน้าจอ 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ (720 x 1520 พิกเซล) ดีไซน์ Waterdrop Screen อัตราส่วน 19:9
• ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 450
• GPU: Adreno 506
• หน่วยความจำภายใน 64GB เพิ่ม micorSD ได้สูงสุด 256GB
• กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
• กล้องหลังแบบคู่ 13+2 ล้านพิกเซล
• ระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.2 บน Android 8.1 Oreo 
• เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
• แบตเตอรี่ความจุ 4230 mAh
• มีให้เลือก 2 สี  Glaring Gold และ Glaze Blue
• ราคาเปิดตัว 6,990 บาท