DJ Koh ประธานธุรกิจโทรคมนาคม Samsung

สัมภาษณ์พิเศษ DJ Koh ประธานธุรกิจโทรคมนาคม Samsung กับความสำเร็จด้านนวัตกรรมดิจิทัลในไทย

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางทีมงานข่าว ล้ำหน้าโชว์ ได้มีโอกาสได้เข้าร่วมสัมภาษณ์พิเศษ คุณ DJ Koh (ดีเจ โกห์) ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น ประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ด้วยโอกาสพิเศษที่ได้มาเยือนประเทศไทย เพื่อรับทราบข้อมูลตลาดในไทย พร้อมทั้งได้เผยวิสัยทัศน์และความสำเร็จของซัมซุงในประเทศไทย และสิ่งที่ซัมซุงตั้งใจเดินหน้าสรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆ ในบ้านเรา

DJ Koh ประธานธุรกิจโทรคมนาคม Samsung

ตามปกติแล้ว เราอาจจะพอคุ้นหน้าคุ้นตา หรือเห็นคุณ ดีเจ โกห์ บนเวที Samsung Galaxy Unpacked งานเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ก่อนที่คุณโกห์จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งนี้ในช่วงธันวาคม 2558 เคยดำรงตำแหน่ง รองประธาน และ หัวหน้าฝ่ายการวิจัยและพัฒนาโทรศัพท์มือถือภายในธุรกิจโทรคมนาคมของบริษัทซัมซุง และมีบทบาทสำคัญในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำคัญอย่าง กาแลคซี่ เอส 8 และ เอส 8+, กาแลคซี่ เอส 7 และ เอส 7 เอดจ์, กาแลคซี่ เอส 6 และ เอส 6 เอดจ์, กาแลคซี่ โน๊ต 5, เกียร์ เอส 2 รวมถึงระบบ ซัมซุง เพย์ และซัมซุง น็อกซ์ (KNOX)

DJ Koh ประธานธุรกิจโทรคมนาคม Samsung

“ต่อยอดด้านนวัตกรรม ก้าวข้ามขีดจำกัด” คือปรัชญาของ Samsung

คุณ DJ Koh ได้เกริ่นถึงประเทศเกาหลีใต้ ที่ลักษณะภูมิประเทศไม่ได้มีทรัพยากรธรรมชาติมากนัก ดังนั้นแก่นหลักในการพัฒนาประเทศจึงอยู่ที่ ทรัพยากรมนุษย์ ประเทศจึงเน้นในด้านอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่ การพัฒนาอุปกรณ์และนวัตกรรมให้อยู่ตลอดเวลาจึงเป็นเสมือน ดีเอนเอ ของ Samsung  ถ้าหากมองย้อนอดีตที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ซัมซุงเป็นเจ้าแรกในการเปิดสินค้านวัตกรรมหลายอย่าง อาทิ

  • ในปี 1999 ซัมซุงเป็นรายแรกที่ผลิตนาฬิกาข้อมือที่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ รวมถึงโทรศัพท์ที่สามารถดูทีวีได้
  • ซัมซุงผลิตโทรศัพท์ระบบ WCDMA เป็นเจ้าแรกในปี 2003 รวมถึง TD-SCDMA (2004), HSDPA (2005) และ Giga LTE (2017)
  • ซัมซุงก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2011

Samsung's First Watch Phone (1999)

โทรศัพท์ในรูปแบบของนาฬิกาข้อมือรุ่นแรกของโลก ผลิตโดย Samsung

และในหลายปีที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่า ซัมซุง ไม่ได้แค่พัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังพัฒนาในเรื่องของระบบนิเวศน์ที่ไร้รอยต่อสำหรับประสบการณ์ที่มีซอฟท์แวร์ระดับชั้นนำ ที่ให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม และบริการที่ยกระดับวิถีการเชื่อมต่อชีวิตของผู้บริโภคอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น

  • เปิดตัวระบบ Samsung Knox การเข้ารหัสเพื่อปกป้องข้อมูลชั้นสูง ในปี 2013
  • Samsung Pay ระบบชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟน ในปี 2015
  • Samsung Pass, Samsung Cloud, Samsung Health ในปี 2016
  • Bixby, Samsung DeX, Samsung Connect ในปี 2017

GalaxyS8+ black

Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ กระแสตอบรับดีกว่าตอน S7

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงใหม่ 2 รุ่นสู่ตลาดโลกคือ Galaxy S8 และ Galaxy S8+ ที่มีกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยการพัฒนาเสริมสร้างจาก Galaxy S ทุกรุ่นที่ผ่านมาให้ดีขึ้น จนข้ามขีดจำกัดหลายๆ อย่างของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ตั้งแต่การออกแบบตัวเครื่องและหน้าจอไร้กรอบ จนกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ดูสวยล้ำสมัย เรื่องของกล้องที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น สำหรับตอนนี้ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับยอดขายทั้งหมดของ Galaxy S8 และ S8+ ว่าคุณโกห์ก็บอกกับเราว่า S8 นั้นมียอดขายที่ดีกว่าตอนเปิดตัวของ Galaxy S7 เมื่อปีที่แล้ว

สำหรับในประเทศไทย คุณวิชัย พรพระตั้ง รองประธานองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ก็ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยอดขายของ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ ในไทยนั้น ก็ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมาก รวมถึงยอดขายก็ทำได้ดีด้วยเช่นกัน

Galaxy Studio สัมผัสนวัตกรรมจาก Samsung Galaxy S8

บทบาทของ Samsung กับการนำพาประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุค Thailand 4.0

ซัมซุงนั้น ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและเข้ามาทำตลาดเพื่อจำหน่ายสินค้าในประเทศไทย แต่ซัมซุงยังมีการนำเสนอประสบการณ์ด้านดิจิทัลยุคใหม่หลายอย่างให้กับคนไทยได้ใช้งาน สร้าง Digital Ecosytem ที่ใช้งานได้จริง รวมถึงการพัฒนาด้านเทคนิคและเครือข่ายเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคต

Cashless Society สังคมไร้เงินสด ที่ใช้งานได้จริง ครั้งแรกในไทย

ในปีนี้ ซัมซุงได้เปิดตัวบริการ Samsung Pay ในประเทศไทย ให้ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน Galaxy ของซัมซุง ได้สัมผัสประสบการณ์ใช้จ่ายผ่านระบบกระเป๋าเงินดิจิตอลที่สมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรกในไทย สำหรับ Samsung Pay นั้น เป็นความตั้งใจที่ซัมซุงพัฒนาระบบขึ้นมาเพื่อเสริมศักยภาพของสมาร์ทโฟนให้เป็นได้มากกว่าแค่อุปกรณ์หรือเครื่องมือสื่อสาร แต่ยังช่วยสร้างไลฟ์สไตล์ในการใช้จ่ายต่างๆ ที่ดีกว่าที่เคยมีมา จากตัวเลขล่าสุดเมื่อเดือนมีนาค 2560 ซัมซุงเพย์ มียอดการทำธุรกรรมแล้วมากกว่า 240 ล้านครั้งทั่วโลก และซัมซุงได้ร่วมมือกับธนาคารและสถาบันการเงินมากกว่า 870 แห่งทั่วโลก

ในประเทศไทยนั้น ถือว่าเป็นประเทศลำดับต้นๆ ที่ทาง Samsung นำเอาระบบ Samsung Pay มาใช้งานจริง ได้รับการตอบรับจากธนาคารชั้นนำ 6 แห่งในไทย รวมถึงความร่วมมืออย่างดีจากธนาคารแห่งประเทศไทย และถือว่าเป็นการสนับสนุนนโยบาบรัฐบาลในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment Master Plan) อีกด้วย

Samsung Pay mobile

พัฒนาระบบความปลอดภัย ปกป้องข้อมูลของผู้ใช้

อีกสิ่งที่ Samsung มุ่งเน้นและพัฒนามาโดยตลอด ในโลกออนไลน์ยุคปัจจุบัน สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญนั้นก็คือ ความปลอดภัยบนสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะการทำธุรกรรมต่างๆ ข้อมูลและการยืนยันตัวของผู้ใช้เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง ซัมซุงได้พัฒนาและสร้างระบบ Samsung Knox และ Samsung Pass ผสานกับระบบการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตตริกซ์ อย่างการสแกนม่านตาและนิ้วมือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นถึงความปลอดภัยแก่ผู้ใช้สมาร์ทโฟน ซัมซุง กาแลคซี่

5G และเครือข่ายในอนาคต

ที่เกาหลีใต้ ซัมซุงร่วมผลักดันเครือข่าย 5G ในหลายพื้นที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 พร้อมทั้งลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อเทคโนโลยี 5G รวมถึง millimeter wave channel models และ RF Ics กลยุทธสำคัญในการนำเครือข่าย 5G มาสู่ผู้บริโภคคือการร่วมมือทำงานกับผู้ให้บริการเครือข่าย โดยซัมซุงที่ประเทศเกาหลีใต้ได้ร่วมมือกับ SK Telecom ในการทดสอบการให้บริการ 5G ได้อย่างสำเร็จ โดยใช้พื้นฐานของเทคโนโลยี 5G New Radio (NR)

และในประเทศไทย ซัมซุงก็มีการพูดคุยและทำงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาและเตรียมความพร้อมสำหรับเทคโนโลยีเครือข่าย 5G ในอนาคตด้วยเช่นกัน

Galaxy Note7 Battery Problem Test

อีกสิ่งที่ Samsung มุ่งมั่นและพัฒนาให้ดีขึ้น คือการตรวจสอบด้านความปลอดภัยในการผลิตสินค้า มีมีกระบวนการอย่างละเอียด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าของซัมซุง

มุมมองของทาง Samsung กับตลาดในประเทศไทยในปัจจุบัน และคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น

สำหรับเรื่องนี้ ซัมซุงมองว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนในไทยเป็นกลุ่มที่แข็งแรงที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จากผลสำรวจของสํานักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า สัดส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนในประเทศไทยมีจำนวนสูงถึง 90% และในปีนี้ กระแสตอบรับของ Galaxy S8 และ S8+ ในประเทศไทยก็ถือว่าได้รับความสนใจมาก เมื่อเทียบกับ Galaxy S7 เมื่อปีที่แล้วถือว่า S8 ทำยอดขายในช่วงเปิดตัวได้ดีกว่า

ทางด้านการแข่งขันในตลาด ถ้าดูทั่วโลก Samsung อยู่ในแนวหน้าและเป็นผู้นำในหลากหลายประเทศ แต่ตอนนี้ก็ยังมีตลาดที่ต้องต่อสู้อย่างหนักคือประเทศจีนและญี่ปุ่น ส่วนประเทศไทยนั้น ซัมซุงถือว่าทำได้ดีและแข็งแกร่งกว่าคู่แข่ง และยังประสบความสำเร็จในการรักษาตำแหน่งของผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ในประเทศไทย

คุณโกห์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ปรัชญาในการทำงานของ Samsung นั้น ไม่ได้เน้นให้ความสำคัญว่าคู่แข่งของเราทำอะไรกันอยู่ แต่ Samsung นั้นจะมุ่งเน้นในการสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงบริการต่างๆ ให้ออกมายอดเยี่ยมที่สุด ในจีนตอนนี้ซัมซุงถือว่าเป็นตลาดที่สำคัญและพยายามเข้าถึงและรับฟังความต้องการของลูกค้าชาวจีน เพื่อที่จะได้นำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ดีที่สุด  เราเชื่อว่าผู้บริโภคชาวจีนจะรับรู้และตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงอย่างเช่น Galaxy S8 และ S8+ นี้ ขณะที่ผู้ผลิตชาวจีนกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำสมัย ซัมซุงจะพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาจุดยืนและตำแหน่งในตลาด

และยังมีอีกความท้าทายที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทั่วโลกต้องเผชิญ นั่นคือจุดอิ่มตัวของตลาดสมาร์ทโฟนที่ตอนนี้มีความต้องการลดน้อยลง เพราะว่าคนส่วนใหญ่เปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟนมาเป็นสมาร์ทโฟนกันเกือบหมดแล้ว ทางซัมซุงมองว่าต้องเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ อย่าง Virtual Reality, อุปกรณ์สวมใส่ และบริการใหม่ๆ เสริมให้ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน Galaxy มีความแตกต่างจากคู่แข่ง

Galaxy Note เป็นที่นิยมสำหรับชาวไทย

ในสมาร์ทโฟนตระกูลกาแลคซี่ โน๊ต ของซัมซุง ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้ชาวไทยมาโดยตลอด ด้วยความโดดเด่นของปากกา S-Pen ที่ให้ประสบการณ์เขียนบนหน้าจอได้อย่างดีเยี่ยม รวมกับหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ Galaxy Note มีแฟนคลับในไทยเป็นจำนวนมาก

เมื่อพูดถึงเรื่องของ Galaxy Note ในประเทศไทยแล้ว ก็มีคำถามเกี่ยวกับ Galaxy Note Fan Edition ที่ตอนนี้เริ่มวางจำหน่ายในเกาหลีใต้ไปแล้ว จะมีเข้ามาขายในไทยหรือไม่ คุณ DJ Koh บอกว่า ยังต้องมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการนำเอา กาแล็คซี่ โน๊ต ในรุ่น Fan Edition ออกวางจำหน่ายนอกประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะต้องศึกษาเพิ่มเติมถึงความเหมาะสมในตลาดใดบ้าง แต่คิดว่าจะมีจำนวนไม่มาก เพราะประสงค์ของการทำตัว Fan Edition นั้นไม่ได้หวังเรื่องของผลกำไรหรือยอดขายเป็นหลัก แต่ต้องการเพื่อช่วยในเรื่องนโยบายการลดปริมาณขยะอิเล็คทรอนิกส์ในอุตสาหกรรม

Galaxy Note Fan Edition

ทั้งหมดนี้เป็นประเด็นสรุปเรื่องสำคัญของการสัมภาษณ์คุณ DJ Koh ในโอกาสมาเยือนประเทศไทย เชื่อว่าในอนาคตเราจะได้เห็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทาง Samsung จะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อรักษาความเป็นที่หนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนต่อไป