Asus เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดกับตระกูล Asus Zenfone 3 ที่มาพร้อมกันทีเดียวถึง 3 รุ่น คือ Zenfone 3, Zenfone 3 Deluxe และ Zenfone 3 Ultra ที่มีจุดเด่นแตกต่างกันทั้งเรื่องการออกแบบ วัสดุ กล้อง ระบบเสียง ฯลฯ
Asus Zenfone 3
รุ่นเล็กสุดที่คงรูปแบบของสมาร์ทโฟนสเปคจัดหนักแต่ราคาไม่แพงนัก ตัว Asus Zenfone 3 เปิดราคาขายไว้ที่ $249 หรือประมาณ 8,800 บาท ถ้าเทียบกับตอน Zenfone 2 ก็ถือว่าราคาเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่ว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นทำเอาอึ้งไม่น้อย เพราะพลิกโฉมตั้งแต่การออกแบบที่ใช้วัสดุตัวโครงเป็นอลูมิเนียมประกอบด้วยกระจก Gorilla Glass แบบ 2.5D ทั้งด้านหน้าและหลัง ดูสวยงามพรีเมี่ยมแตกต่างจากรุ่นก่อนที่ใช้เป็นพลาสติก
หน้าจอใช้ขนาด 5.5 นิ้ว Full HD 1920 x 1080 แบบ Super IPS ส่วน CPU ก็ตรงตามข่าวก่อนหน้านี้คือย้ายจากค่าย Intel มาใช้ของ Qualcomm แทน โดยใช้เป็น Snapdragon 625 ความจุภายใน 32GB เพิ่มเมมได้ RAM มีให้เลือก 2 รุ่นคือ 3 GB และ 4 GB แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh รองรับการใช้งาน 2 ซิม 4G LTE CAT 7
กล้องของ Asus Zenfone 3 คราวนี้เปลี่ยนมาใช้ของ Sony ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล อัพเกรดระบบกล้องใหม่เป็น PixelMaster 3.0 พร้อมติดตั้งระบบลดการสั่นไหวของภาพแบบ OIS+EIS มีออโตโฟกัสแบบเลเซอร์และแฟลชแบบ duo tone ส่วนกล้องด้านหน้าให้มา 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังเครื่อง
Asus Zenfone 3 Deluxe
รุ่นจัดเต็มแบบสุดๆ เริ่มด้วยการออกแบบตัวบอดี้เครื่องเป็นแบบ Unibody โลหะชิ้นเดียวที่มีความโดดเด่นตรงเป็นครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนใช้วัสดุโลหะทั้งหมดโดยไม่มีเส้นเสาอากาศพาดหรือปรากฎอยู่บริเวณรอบเครื่อง หน้าจอขนาดใหญ่ 5.7 นิ้วที่ใหญ่ชิดเกือบติดขอบเครื่อง ใช้เป็นแบบ Super AMOLED ที่ให้สีสันสวยงามสมจริงแบบสุดๆ
ความน่าสนใจของรุ่น Deluxe คืออัดสเปคแบบแรงจัดคือ Qualcomm Snapdragon 820 และ RAM ที่ให้มาถึง 6GB ส่วนความจุภายในเครื่องก็มีให้เลือกได้ระหว่าง 64 Gb และ 128 GB
มาที่เรื่องของกล้อง Asus ยัดเอาเซนเซอร์ของ Sony รุ่นใหม่ความละเอียดสูงถึง 23 ล้านพิกเซล ประกอบด้วยเลนส์ 6 ชิ้น ครอบด้วยกระจกแซฟไฟร์ ส่วนกล้องหน้าก็ให้มา 8 ล้านพิเซลเหมือนกัน และการที่เปลี่ยนมาใช้ชิปของ Qualcomm ทำให้ Zenfone 3 รองรับระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0 ผ่านทางพอร์ตแบบ USB Type-C
ราคาสำหรับรุ่น Deluxe เริ่มต้นที่ $499 หรือประมาณ 17,700 บาท
Asus Zenfone 3 Ultra
รุ่นนี้งานประกอบวัสดุตัวเครื่อง, กล้องหน้าและกล้องหลังเหมือนกันกับรุ่น Deluxe จะมีต่างตรงที่ขนาดของหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว เรียกว่าอีกนิดก็จะเป็นแท็บเล็ตแล้ว หน้าจอความละเอียด Full HD แบบ IPS ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Tru2life ที่ให้ภาพสวยคมชัดระดับเดียวกับทีวี 4K UHD และเน้นเรื่องของเสียงด้วยระบบเสียง SonicMaster 3.0 ตัวช่องหูฟังรองรับเสียงระดับ Hi-Res 7.1 DTS surrond sound และต่อภาพออก Display Port ทางช่อง USB Type-C มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเหมือนกันแต่ย้ายจากด้านหลังมาไว้ที่ด้านหน้าข้างล่างจอแทน
CPU ภายในเครื่องใช้ Qualcomm Snapdragon 652 RAM 4GB ตัวเครื่องใหญ่เลยได้แบตเตอรี่มา 4,600 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0 และยังมีโหมดเปลี่ยนเป็นพาวเวอร์แบงค์ได้เหมือนกับใน Zenfone Max
ราคาของ Zenfone 3 Ultra ความจุ 64GB RAM 4GB อยู่ที่ $479 หรือประมาณ 17,000 บาท
ความเห็นจากทีมข่าวล้ำหน้า
ถึงแม้ว่าจะมีข่าวหลุดของ Asus Zenfone 3 มาบ้างก่อนเปิดตัวว่าจะมี 3 รุ่น แต่เมื่อเปิดตัวแบบทางการแล้ว ต้องเรียกว่า ทั้ง 3 รุ่นนี้มีความแตกต่างและโดดเด่นในรูปแบบการใช้งานที่ชัดเจน การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดอย่างแรกคือการออกแบบที่เปลี่ยนจากสมาร์ทโฟนกร่อบแกร่บพลาสติก มาเป็นวัสดุพรีเมี่ยมสมัยใหม่ แต่ยังคงไว้ในเรื่องราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งอื่นๆ ในตลาด
Zenfone 3 ทาง Asus จัดมาเป็นรุ่นเล็กสุดเพื่อรักษาตลาดกลุ่มราคาต่ำกว่า 10,000 บาทไว้ได้ (ผมคาดว่าเข้าไทยมายังไงไม่น่าเกินหมื่นบาทแน่นอน) กับสเปคและวัสดุเครื่องแบบนี้คู่แข่งรายอื่นๆ มีหนาวกันบ้าง
และเป็นครั้งแรกที่ Asus ทำสมาร์ทโฟนรุ่นโคตรขุมพลัง จับเอา CPU ตัวแรงสุดในตลาดอย่าง Snapdragon 820 มาใช้ ให้ RAM แบบดุเดือดถึง 6 GB ต้องรอดูคะแนนตอน Benchmark ว่าจะโหดขนาดไหน ส่วนเรื่องกล้องก็ใช้ของ Sony 23 ล้านพิกเซลอีก ในราคาที่อยู่หมื่นปลายๆ แถมพ่วงแฟ็บเล็ตที่เน้นความบันเทิงดูหนังฟังเพลง เน้นหน้าจอใหญ่ ภาพสวยเสียงดี เชื่อว่ารุ่น Ultra ก็เป็นอีกตัวที่คนจะสนใจ แถมราคาก็ไล่กับรุ่น Deluxe ด้วย
ส่วนเข้าไทยเมื่อไหร่นั้น คาดว่าไม่นานเกินรอ และได้ข่าวมาว่าจะมีการเปิดตัวแบบยิ่งใหญ่ในระดับภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคที่ประเทศไทยด้วย และเรื่องของราคาคิดว่า Asus น่าจะตั้งราคาสำหรับประเทศไทยไม่ต่างจากราคาเทียบค่าเงินดอลล่าร์สักเท่าไหร่
