หน้าจอความละเอียด Full HD, 2K, 4K สายตาแยกได้จริงหรือแค่การตลาด

เราเคยได้ยินศาสดาแห่งแอปเปิ้ลกล่าวไว้ว่า ความละเอียดหน้าจอมือถือที่พอเหมาะคือ Retina Display แต่หลังจากนั้นหลายค่ายก็เริ่มหยิบหน้าจอ Full HD มานำเสนอ จนในที่สุดโลกก็ได้สัมผัสกับหน้าจอความละเอียด 4K บนมือถือจนได้ แต่คำถามมีอยู่ว่า… ในการใช้งานจริง เราแยกออกจริงหรือ ?

ย้อนไปเมื่อสมัย iPhone 4 โลกได้รู้จักกับคำว่า Retina Display ซึ่งความจริงมันก็คือความละเอียด 960×640 บนหน้าจอขนาด 3.5 นิ้ว ซึ่งคำนวณออกมาได้ 326 PPI และศาสดาก็พร่ำสอนเรามาว่า 300 PPI คือความละเอียดที่สายตามนุษย์รับได้ ถ้าความละเอียดสูงกว่านี้ก็จะไม่เห็นความต่างแล้ว

screen-shot-2014-05-13-at-11-48-19-am

ในขณะที่คู่แข่งเริ่มหยิบหน้าจอ Full HD ความละเอียด 1920×1080 มาเป็นจุดขายบนหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ซึ่งคำนวณได้ 441 PPI แต่แอปเปิ้ลก็ยังคงยืนหยัดที่ 326 PPI แม้จะขยับหน้าจอไปเป็น 4 นิ้ว ด้วยการเพิ่มความละเอียดเป็น 1136×640

และแม้ว่าแอปเปิ้ลจะมีชื่อเรียกความละเอียดแบบใหม่ว่า Retina Display HD แต่ก็ยังคงเลือกจะหยุดอยู่ที่ 326 PPI แม้กระทั่ง iPhone 6s ที่ใช้หน้าจอ 4.7 นิ้ว ยกเว้นรุ่น Plus ที่เป็น 401 PPI กับความละเอียด Full HD บนหน้าจอ 5.5 นิ้ว ซึ่งเรื่องนี้มี 3 ตัวแปรสำคัญคือ

  1. ขนาดหน้าจอ
  2. ความละเอียดหน้าจอ
  3. ระยะห่างระหว่างหน้าจอกับสายตา

resolution_chart-2

เพื่อความชัดเจนเราจะอิงผลสำรวจที่ได้จากคนทั่วไป ที่ใช้งานหน้าจอขนาดใหญ่อย่างทีวี 50 นิ้ว พบว่าเราจะเห็นความต่างของหน้าจอ HD ( 29 PPI ) และ VGA ( 16 PPI ) แบบชัดเจนต่อเมื่อมองใกล้กว่า 3 เมตร

ส่วนหน้าจอ Full HD ( 44 PPI ) จะแตกต่างกับ HD ( 29 PPI ) อย่างเด่นชัดต่อเมื่อมองใกล้กว่า 2 เมตร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วระยะนี้ใกล้เกินกว่าที่คนทั่วไปจะมองจอขนาด 50 นิ้ว ฉะนั้นอาจบอกได้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงความคมชัดของหน้าจอในระดับ Full HD 1080p ด้วยซ้ำ หรือถ้าจะเสพความละเอียด 4K บนหน้าจอขนาด 84 นิ้ว ก็ต้องนั่งดูใกล้ถึง 1.6 เมตร ซึ่งดูแล้วขัดแย้งกับการใช้งานจริงอยู่ไม่น้อย

ในกรณีของหน้าจอใหญ่อย่างทีวีก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่า ขนาด, ความละเอียด และระยะที่ใช้มองจอต้องสัมพันธ์กันถึงได้ประโยชน์สูงสุด และการมองหาความต่างอาจอยู่ในขั้นที่ว่าต้องจ้องจับผิดถึงจะเห็น เพราะต้องจ้องในระยะใกล้กว่าการใช้งานปรกติ

แต่สิ่งหนึ่งที่มือถือต่างจากทีวีก็คือ มือถือมีการประมวลผลเยอะกว่า ดังนั้นการเลือกใช้ความละเอียดหน้าจอสูงเกินความจำเป็นก็ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมลดลง ทั้งเรื่องของความเร็วและแบตเตอรี่ และถ้าอิงตามข้อมูลนี้ว่าทีวี 50 นิ้วกับความละเอียด 4K ต้องนั่งดูใกล้กว่า 1.6 เมตรจึงจะเห็นความต่าง ดังนั้นหน้าจอ Full HD, 2K และ 4K บนมือถือขนาดราว 5-5.5 นิ้วก็อาจบอกได้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่สามารถแยกออกในการใช้งานจริง… ยกเว้นคนที่ชอบเล่นมือถือใกล้มากๆ เท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกันคร่าวๆ ก็คือต้องมองในระยะราว 3 เซนติเมตรจึงจะแยกออกว่าเป็น 4K

ดังนั้นสิ่งที่ควรสนใจนอกจากความละเอียดก็คือเรื่องของ ความเที่ยงตรงของสีสัน และองศามุมมองของหน้าจอ ฯลฯ จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมคิดว่าหน้าจอความละเอียด Full HD บนขนาดราว 5 นิ้ว คือสิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับเทคโนโลยีบนมือถือในยุคนี้ แต่ถ้าจอเล็กกว่า 5 นิ้ว ระดับ HD ก็เพียงพอกับการใช้งานจริงแล้วล่ะ

ที่มา: 9to5mac , bgr , carltonbale