Whoscall จัดงาน Trust Conference Bangkok 2025 ครั้งแรกในประเทศไทย เปิดตัวแอปพลิเคชันโฉมใหม่ที่พัฒนาจากแอปฟีเจอร์ Caller ID ไปสู่แพลตฟอร์มปกป้องภัยดิจิทัลแบบครบวงจร พร้อมเทคโนโลยี AI และการมีส่วนร่วมจากชุมชนในการต้านภัยมิจฉาชีพ
บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) ผู้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่น (TrustTech) จัดงานภายใต้แนวคิด “Innovating for Trust, Powered by All Thais” เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา เพื่อเน้นย้ำภารกิจในการยกระดับการป้องกันภัยคุกคามทางดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สถานการณ์ภัยมิจฉาชีพในประเทศไทยที่น่ากังวล
จาก Whoscall Report 2025 เผยให้เห็นสถานการณ์ที่น่าตกใจของภัยหลอกลวงในประเทศไทย โดยการสำรวจกลุ่มตัวอย่างคนไทย 1,000 คน พบว่า 72% ของผู้ตอบแบบสอบถามเคยเผชิญกับกลโกงหรือมิจฉาชีพ ขณะที่ 60% เคยตกเป็นเหยื่อจริง
ที่น่าตกใจคือความเสียหายรวมที่เกินกว่า 115,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงวิกฤตความเชื่อมั่นในการสื่อสารดิจิทัลของคนไทยในระดับประเทศ
แมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโกโกลุก (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่สถิติธรรมดา แต่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่พังทลายลงในชีวิตดิจิทัลของเรา ที่ Whoscall เราเชื่อว่านวัตกรรมจะมีความหมายก็ต่อเมื่อมันสามารถยกระดับความเชื่อมั่นเหล่านั้นได้”
Whoscall พลิกโฉมสู่แพลตฟอร์มป้องกันภัยดิจิทัลครบวงจร
การอัปเกรดครั้นี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่การปรับปรุงฟีเจอร์เดิม แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงรากฐานของแอปพลิเคชันไปสู่ แพลตฟอร์มปกป้องภัยดิจิทัลแบบครบวงจร ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ทั่วประเทศ
การยกระดับครั้งนี้ครอบคลุม 3 แกนหลัก คือ “การปกป้อง (Protection)” “พลังคอมมูนิตี้ (Community)” และ “นวัตกรรมสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ (Innovation to enhance every lifestyle)” เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในทุกมิติของชีวิตประจำวัน
ฟีเจอร์ป้องกันใหม่ที่น่าสนใจ
ในด้านการปกป้อง Whoscall ยังคงพัฒนาการระบุเบอร์ (Caller ID) อย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้ใช้ iOS อย่าง Live Caller ID Plus ที่สามารถระบุสายเรียกเข้าแบบเรียลไทม์ได้อย่างแม่นยำ
ฟีเจอร์เด่นอีกตัวคือ Content Checker แบบ All-in-One ที่สามารถตรวจสอบความเสี่ยงของรูปภาพ เบอร์โทร ข้อความ และลิงก์ได้ทันทีในที่เดียว เพิ่มเติมด้วยฟีเจอร์ ID Security ที่ช่วยตรวจสอบว่าข้อมูลเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลของคุณเคยรั่วไหลไปที่ไหนบ้าง
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่อื่นๆ เช่น Scam SOS, Voice Alert และ Scam Alert ที่ผสานข้อมูลเชิงลึกจาก AI เข้ากับพลังของผู้ใช้ เพื่อส่งมอบการแจ้งเตือนอย่างทันท่วงทีและช่วยยกระดับความมั่นใจในการสื่อสารทางดิจิทัล
ระบบ Community ที่เปลี่ยนผู้ใช้เป็น “ผู้พิทักษ์”
หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของ Whoscall โฉมใหม่คือการเปลี่ยนผู้ใช้ไปสู่บทบาท “ผู้พิทักษ์” ผ่านระบบรายงานภัยมิจฉาชีพที่เสริมพลังด้วยระบบสะสม Badge ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อยกย่องการมีส่วนร่วมและให้ผู้ใช้เห็นผลลัพธ์ของการปกป้องคอมมูนิตีอย่างชัดเจน
ระบบ Whoscall Mission ทำให้การปกป้องสนุกขึ้น โดยผู้ใช้สามารถสะสมแต้มจากทุกการมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการเช็กอินรายวัน การแนะนำเพื่อน หรือกิจกรรมง่ายๆ อื่นๆ แต้มเหล่านี้สามารถนำไปแลกรับรางวัลจากพาร์ทเนอร์ของ Whoscall หรือแลกเป็น Whoscall Premium ได้
ฐิตินันท์ สุทธินราพรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทโกโกลุก (ประเทศไทย) อธิบายว่า “หัวใจของ Whoscall คือ Community ทุกครั้งที่เราช่วยกันรายงานมิจฉาชีพ เราไม่ได้ปกป้องเพียงตัวเอง แต่กำลังปกป้องทั้งสังคม เพราะทุกการรายงานสามารถช่วยชีวิตคนอื่นได้จริงๆ”
เทคโนโลยี AI อัจฉริยะเสริมด้วย Gemini และ ScamAdviser
เบื้องหลังฟีเจอร์ต่างๆ ของ Whoscall คือระบบป้องกันภัยอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเสริมความแม่นยำด้วย Gemini และฐานข้อมูลเว็บไซต์ต้องสงสัยกว่า 10 ล้านรายการ จาก ScamAdviser ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับโลกด้านการวิเคราะห์กลโกงออนไลน์
ด้วยเทคโนโลยีระดับสูงนี้ Whoscall สามารถตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำแบบเรียลไทม์ ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ทุกฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
ระบบป้องกันนี้ไม่เพียงอาศัยพลังของ AI เท่านั้น แต่ยังผสานความร่วมมือจากผู้ใช้จริงในชุมชนที่มีส่วนร่วมในการรายงานภัยและเสริมข้อมูลเพื่อสร้างเกราะคุ้มกันให้กับสังคมไทยในโลกดิจิทัลอย่างแท้จริง
เครือข่ายพาร์ทเนอร์และโซลูชันธุรกิจใหม่
Whoscall ขยายบทบาทจากการเป็นเพียงเครื่องมือปกป้องรายบุคคลไปสู่การสร้างเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง พร้อมนำเสนอโซลูชันทางธุรกิจที่ยั่งยืน เพื่อยกระดับการป้องกันภัยทางไซเบอร์ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนในสังคมไทย
ความร่วมมือที่น่าสนใจ
การจับมือกับรายการ โหนกระแส เป็นช่องทางออฟฟิเชียลสำหรับแชร์เรื่องจริงส่งตรงถึงรายการอย่างปลอดภัยและมั่นใจได้ทุกขั้นตอน
ความร่วมมือกับ แสนสิริ ในการสร้าง “คอมมูนิตี้ที่ปลอดภัยและน่าอยู่” แก่ครอบครัวลูกบ้านและชุมชนกลุ่มเสี่ยงในสังคม โดยเฉพาะผู้สูงอายุและกลุ่มที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ รวมถึงปลูกฝังจิตสำนึกของการเป็นพลเมืองดีในสังคมดิจิทัล
บริการใหม่สำหรับธุรกิจ
Verified Business Numbers (VBN) ได้รับการอัปเกรดไปอีกขั้น โดยจะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ด้วยการแสดงผลหมายเลขธุรกิจที่ผ่านการยืนยันตัวตน เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและหลอกลวงในรูปแบบแอบอ้างเป็นองค์กรต่างๆ กำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไตรมาสแรกของปี 2569
บริการ VBN ยังได้เชื่อมต่อกับ BotNoi Voice ซึ่งเป็นระบบ AI Voice Assistant ที่ช่วยให้สายโทรศัพท์ที่สร้างจาก AI สามารถแสดงตนว่าเป็นสายที่ได้รับการ verify ได้อย่างชัดเจน โดยการผสานระบบนี้จะเริ่มให้บริการภายในไตรมาส 4 ของปี 2568
Whoscall Ads เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ผสานข้อความของแบรนด์เข้ากับเส้นทางการโทรที่ได้รับการยืนยัน โดยวางโฆษณาในจุดที่ผู้ใช้งานไว้วางใจ เช่น หน้าจอหลังได้รับ SMS, หน้าจอหลังวางสาย, หน้าแรกของแอป และช่วงเวลาที่มีการอัปเดตฐานข้อมูลเบอร์โทร
Whoscall Premium และแพ็กเกจครอบครัว
Whoscall เปิดตัวแพ็กเกจสำหรับสมาชิกแบบ 1 คน (Individual), แบบ 2 คน (Duo) และ แบบครอบครัวแชร์ได้สูงสุด 5 คน (Family) เพื่อให้สามารถแบ่งปันการปกป้องภัยไซเบอร์ได้สะดวกและคุ้มค่ายิ่งขึ้น
แพ็กเกจ Whoscall Premium มาพร้อมฟีเจอร์เพิ่มความสะดวกสบายและการปกป้องไปอีกขั้น เช่น ระบบบล็อกเบอร์สแปมอัตโนมัติ, ผู้ช่วยคัดกรอง SMS อัจฉริยะ (Smart SMS Assistant), ระบบระบุสายเรียลไทม์ Plus (LIVE Caller ID Plus), ระบบอัปเดตฐานข้อมูลอัตโนมัติ และประสบการณ์ใช้งานแบบไม่มีโฆษณารบกวน
ผู้ใช้งานสามารถสมัครบริการได้ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ได้แก่ แอป Whoscall โดยตรง, Whoscall Gift Code หรือผ่าน LINE Gift Shop ทำให้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ป้องกันภัยไซเบอร์ระดับพรีเมียมได้อย่างสะดวกทุกที่ทุกเวลา
มาสคอต “Vee” และภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่
นอกจากนี้ Whoscall ยังได้เปิดตัวภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ พร้อมแนะนำมาสคอต “Vee” ที่จะทำหน้าที่เป็นเพื่อนคู่คิดในการป้องกันภัยจากมิจฉาชีพ และเป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงผู้คนให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนต้านกลโกงที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศไทย
ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Whoscall ได้ฟรีทั้งบนแพลตฟอร์ม iOS และ Android ที่ลิงก์ https://app.adjust.com/15jkn2dj
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ใหม่ของ Whoscall ที่ไม่เพียงต้องการเป็นแอปพลิเคชันป้องกันสแปมเพียงตัวเดียว แต่ต้องการสร้างระบบนิเวศที่ทุกคนในสังคมไทยสามารถร่วมกันป้องกันและต่อสู้กับภัยมิจฉาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคดิจิทัล
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
