vivo เปิดนิทรรศการภาพถ่าย VLOVE Portrait Gallery ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยนำผลงานภาพถ่ายจากช่างภาพมืออาชีพและเซเลบริตี้ระดับภูมิภาคที่ถ่ายด้วยสมาร์ตโฟน vivo V50 มาจัดแสดง
นอกจากนี้ vivo ยังประกาศความร่วมมือกับ UNESCO ในโครงการ Capture the Future เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชนไทยผ่านเทคโนโลยีการถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟน โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการฯ ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568
นิทรรศการภาพถ่ายที่สะท้อนมุมมองความรักผ่านเทคโนโลยีการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ

กรุงเทพฯ – แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลกอย่าง vivo จัดงาน vivo VLOVE Portrait Gallery เชิญช่างภาพมืออาชีพระดับ ZEISS Ambassador และช่างภาพเซเลบริตี้จากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาร่วมแบ่งปันเทคนิคการถ่ายภาพพอร์ตเทรตผ่านสมาร์ตโฟน vivo V50
ภายในงานได้รับเกียรติจากช่างภาพชื่อดังทั้งหมด 5 ท่าน ประกอบด้วย ZEISS Ambassador 2 ท่าน ได้แก่ คุณอุรชา จักรคชาพล ช่างภาพหญิงชาวไทยดีกรีระดับโลก และ คุณ Gabriel Santos จากประเทศสเปน พร้อมด้วยช่างภาพเซเลบริตี้จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ คุณ William Seng, คุณ Aung Kyaw Tun และ คุณ Tienjen Huang
คุณอุรชา จักรคชาพล ZEISS Ambassador ชาวไทย เผยว่า “เป้าหมายในการถ่ายภาพบุคคลของดิฉันคือการถ่ายทอดความรู้สึกที่สมจริงให้กับผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นการสื่ออารมณ์ผ่านแววตา ความเปราะบางในท่าทาง หรือความหมายของภาษากายอันทรงพลัง ในฐานะผู้ที่ชื่นชอบถ่ายภาพด้วยแสงธรรมชาติ การมีอุปกรณ์ที่ยังคงคุณภาพของภาพถ่ายไว้ได้ในทุกสภาพแสงอย่าง vivo V50 ที่ร่วมมือกับ ZEISS ช่วยทำให้การถ่ายภาพตามสัญชาตญาณเป็นเรื่องง่าย และยังได้ผลลัพธ์ที่สมจริงอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะถ่ายกับแสงอ่อนๆ ตอนเช้าหรือแสงจ้าในตอนกลางวัน”
ขณะที่ คุณ William Seng ช่างภาพจากประเทศมาเลเซีย ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “สิ่งที่ทรงพลังที่สุดสำหรับผมคือเลนส์พอร์ตเทรตความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่สามารถเก็บรายละเอียดความคมชัดของภาพถ่ายได้อย่างน่าประทับใจโดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้แบบมากเกินไป”
เทคโนโลยีภาพถ่ายระดับมืออาชีพบนสมาร์ตโฟน vivo V50
นิทรรศการ “vivo VLOVE Portrait Gallery” จัดขึ้นเพื่อแสดงผลงานภาพพอร์ตเทรตที่สื่อถึงความรักในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรักในครอบครัว มิตรภาพ ความรักของคู่รัก หรือการรักตัวเอง โดยเป็นการถ่ายทอดผ่านสมาร์ตโฟน vivo V50 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสำคัญหลายประการ
vivo V50 ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “ถ่ายที่รักอย่างโปร” ด้วยการนำเทคโนโลยี ZEISS Professional Portrait มาผสานกับ Natural Color Calibration ทำให้สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่มีความคมชัดสูงและให้สีสันที่สมจริงเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการถ่ายภาพบุคคลในระดับมืออาชีพ
การจัดแสดงนิทรรศการครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง vivo และนิตยสารแฟชั่นชั้นนำอย่าง Vogue เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้สัมผัสกับผลงานภาพถ่ายที่ถ่ายทอดความรักผ่านมุมมองที่หลากหลายจากช่างภาพทั่วโลก

โครงการ Capture the Future: พื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเยาวชนไทย
ในโอกาสเดียวกันนี้ vivo ยังได้ประกาศความร่วมมือกับ UNESCO (องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) ในการเปิดตัวโครงการ “Capture the Future” พร้อมกับการจัดตั้ง “กองทุนภาพยนตร์เยาวชนเอเชีย” ร่วมกับมูลนิธิศิลปะร่วมสมัยปักกิ่ง (BCAF)
โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชนผ่านการเรียนรู้เทคนิคและแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานระดับมืออาชีพ โดยจะจุดประกายแรงบันดาลใจให้เยาวชนสำรวจประเด็นทางวิทยาศาสตร์ การศึกษา และสังคม แล้วนำมาถ่ายทอดเป็นเรื่องราวผ่านศิลปะการเล่าเรื่องด้วยภาพถ่าย
นายภัทร โกมลฐิตินันท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ จาก vivo ประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อส่งมอบโอกาสและแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยในการถ่ายทอดประเด็นสังคมและสร้างสรรค์เรื่องราวอันทรงพลังผ่านเทคโนโลยีการถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟน”
“เพราะ vivo เชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีคือสะพานที่เชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์ การแสดงออก และการเรียนรู้ ดังนั้น นวัตกรรมการถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟนจึงไม่ได้เป็นเพียงตัวช่วยบันทึกช่วงเวลาเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของคนรุ่นใหม่ในการแสดงตัวตนและส่งเสียงอันมีคุณค่าให้ดังยิ่งขึ้น” นายภัทร กล่าวเสริม
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ vivo VLOVE Portrait Gallery ได้ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคม 2568 ณ ลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Capture the Future รวมถึงข้อมูลสินค้าและเทคโนโลยีอื่นๆ จาก vivo ได้ที่เว็บไซต์ https://vivo.com/th/ และเฟซบุ๊ก vivo Thailand
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok