YouTube ประกาศหยุดส่งข้อมูลให้ชาร์ต Billboard ในสหรัฐอเมริกา หลังวันที่ 16 มกราคม 2026 เนื่องจากข้อพิพาทเรื่องวิธีการนับยอดสตรีมที่ยืดเยื้อมานานกว่า 10 ปี
Lyor Cohen หัวหน้าฝ่ายเพลงระดับโลกของ YouTube เปิดเผยผ่านบล็อก YouTube Music ว่า Billboard ใช้สูตรคำนวณที่ล้าสมัย โดยให้น้ำหนักสตรีมแบบสมัครสมาชิก (Subscription) สูงกว่าแบบมีโฆษณา (Ad-supported) ซึ่งไม่สะท้อนพฤติกรรมการฟังเพลงของแฟนเพลงยุคปัจจุบัน
ประเด็นขัดแย้งหลักอยู่ที่วิธีถ่วงน้ำหนักสตรีม โดย Billboard เพิ่งปรับกฎใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กำหนดให้สตรีมแบบ Ad-supported 2.5 ครั้ง เท่ากับสตรีมแบบ Subscription 1 ครั้ง ปรับจากอัตราเดิมที่ 3:1 แต่ YouTube ยืนยันว่าทุกการสตรีมควรมีค่าเท่ากัน ไม่ว่าผู้ฟังจะจ่ายเงินสมัครสมาชิกหรือไม่
ทาง YouTube Music ระบุว่า “เราเชื่อว่าแฟนเพลงทุกคนมีความสำคัญ และทุกการเล่นควรถูกนับอย่างเท่าเทียม” พร้อมชี้ว่าสตรีมมิงคิดเป็น 84% ของรายได้เพลงในสหรัฐฯ การมองข้ามผู้ฟังที่ไม่ได้สมัครสมาชิกจึงไม่ยุติธรรม
ด้าน Billboard ชี้แจงว่าสตรีมแต่ละประเภทไม่ควรถูกนับเท่ากัน เพราะการฟังเพลงประกอบในวิดีโอแบบผ่านๆ ไม่เหมือนกับการเลือกฟังเพลงโดยตั้งใจบนแพลตฟอร์มอย่าง Spotify โดยโฆษกของ Billboard แสดงความหวังว่า YouTube จะพิจารณาทบทวนการตัดสินใจครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม YouTube ยังคงส่งข้อมูลให้ Luminate ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่ Billboard ใช้อ้างอิง ทั้งนี้ Billboard, Luminate และ Variety ล้วนอยู่ภายใต้เครือ Penske Media Corporation เดียวกัน
การถอนตัวครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับเพลงในชาร์ต Billboard ซึ่งเป็นมาตรฐานวัดความนิยมของอุตสาหกรรมเพลงสหรัฐฯ มายาวนาน โดยเฉพาะศิลปินที่มีฐานแฟนคลับบน YouTube จำนวนมาก
ข้อมูลจาก: Variety
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
