Xiaomi 15T Pro ปีนี้มีความโดดเด่นและ TechOffside เรามอบตำแหน่ง Best Value Flagship สมาร์ตโฟนเรือธงราคาสุดคุ้มแห่งปี 2025 กับนิยามคำว่า “ให้ได้ทุกอย่าง” ในงบราคา 2 หมื่นกว่าบาทได้อย่างคุ้มค่า
สำหรับ Xiaomi 15T Pro ที่ราคาอยู่ในรุ่นระดับกลาง แต่ยังรักษาศักดิ์ศรีความเป็นเรือธงไว้แบบเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นกล้อง Leica ที่พัฒนาร่วมกันอย่างจริงจัง ชิปเซ็ตเรือธง MediaTek Dimensity 9400+ หน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.83 นิ้วพร้อมรีเฟรชเรท 144Hz แบตเตอรี่ความจุ 5500mAh ที่ชาร์จเต็มได้ในครึ่งชั่วโมงเศษ และฟีเจอร์ Xiaomi HyperAI ที่ทำงานร่วมกับ Google Gemini ได้อย่างลงตัว
สิ่งที่ทำให้ Xiaomi 15T Pro โดดเด่นกว่าคู่แข่งในระดับราคาเดียวกันคือการนำเทคโนโลยีกล้องระดับเรือธงมาใส่ไว้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกล้องเทเลโฟโต้ Leica 5x ที่เป็นครั้งแรกของซีรีส์ T ซึ่งทำให้การถ่ายภาพระยะไกลมีคุณภาพเทียบเท่ามือถือที่ราคาแพงกว่าหลายเท่า
และนี่คือ 5 จุดเด่นที่เรายกให้ Xiaomi 15T Pro เป็น “สมาร์ตโฟนเรือธงราคาสุดคุ้มแห่งปี 2025”

กล้อง Leica ในงบราคา 2 หมื่นนิดๆ
จุดเด่นสำคัญที่สุดของ Xiaomi 15T Pro คือระบบกล้องที่พัฒนาร่วมกับ Leica แบรนด์กล้องระดับตำนานจากเยอรมนี ซึ่งปกติแล้วเทคโนโลยีกล้องระดับนี้จะพบได้ในสมาร์ตโฟนเรือธงราคา 3-4 หมื่นบาทขึ้นไปเท่านั้น แต่ Xiaomi สามารถนำมาใส่ในรุ่นนี้ได้โดยไม่ลดทอนคุณภาพแม้แต่น้อย
กล้องเทเลโฟโต้ Leica 5x – ซูมไกลได้ชัดระดับมืออาชีพ

ถือว่าเป็นครั้งแรกของ Xiaomi 15T Pro กับการเป็นสมาร์ตโฟนซีรีส์ T รุ่นแรกที่มาพร้อมกล้องเทเลโฟโต้ Leica 5x ระยะโฟกัส 115mm ความละเอียด 50MP พร้อมระบบกันสั่น OIS กล้องตัวนี้ให้การซูมออปติคอล 5 เท่าแบบไม่เสียรายละเอียด ซูมแบบ Lossless ได้ถึง 10 เท่า และยังมี AI UltraZoom ที่สามารถซูมได้ไกลสุดถึง 100 เท่า ซึ่งขับเคลื่อนด้วยระบบประมวลผลภาพ Xiaomi AISP 2.0 ที่ใช้ AI สร้างรายละเอียดและลดสัญญาณรบกวนในระยะไกล ทำให้ได้ภาพที่คมชัดกว่าการซูมดิจิทัลแบบเดิมมาก
อีกหนึ่งจุดเด่นคือระยะโฟกัสใกล้สุดเพียง 30 ซม. ทำให้กล้องเทเลโฟโต้ตัวนี้สามารถใช้ถ่ายภาพระยะใกล้แบบ Telephoto Macro ได้ด้วย เปิดโอกาสให้สร้างสรรค์ภาพได้หลากหลายมากขึ้น
กล้องเทเลโฟโต้ Leica 5x นี้เหมาะอย่างยิ่งกับการถ่ายภาพในสถานการณ์ที่เราไม่สามารถเข้าใกล้วัตถุได้ ไม่ว่าจะเป็นตึกวิวทิวทัศน์ หรืองานคอนเสิร์ตการแสดง

ที่สำคัญในระยะ 5X ยังรวมไปถึงการถ่ายภาพบุคคลที่สามารถยืดหยุ่นในระยะได้มากกว่าคู่แข่ง ทำให้เราสามารถเก็บภาพพอร์ตเทรตที่มีมิติชัดลึกชัดตื้นได้อย่างหลากหลาย ปั้นช็อตถ่ายได้หลายอารณ์คล้ายกับการถ่ายด้วยกล้องเลนส์ระดับโปร
กล้องหลัก Light Fusion 900 + เลนส์ Leica Summilux

กล้องหลักของ Xiaomi 15T Pro ไม่ได้ด้อยไปกว่ากล้องเทเลโฟโต้เลย โดยมาพร้อมเซนเซอร์ Light Fusion 900 ขนาดใหญ่ 1/1.31 นิ้ว ความละเอียด 50MP ที่ออกแบบมาเพื่อรับแสงได้มากเป็นพิเศษ เซนเซอร์ตัวนี้ใช้เทคโนโลยี Super Pixel ขนาด 2.4 ไมโครเมตร (ผ่านการรวมพิกเซล) ช่วยเพิ่มความไวแสงในที่แสงน้อย พร้อมเทคโนโลยี Dual ISO Fusion Max ที่ขยายช่วง Dynamic Range ไปถึง 13.5EV ทำให้ถ่ายภาพที่มีทั้งส่วนสว่างและส่วนมืดได้สมดุล ไม่หลุดขาวหรือมืดดำจนเกินไป
ในส่วนของเลนส์ Leica Summilux มีรูรับแสงกว้าง f/1.62 ซึ่งถือว่ากว้างมากสำหรับสมาร์ตโฟน ช่วยให้รับแสงได้มากขึ้นและถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีเยี่ยม เลนส์นี้ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ Aspherical 7 ชิ้นที่มีการส่งผ่านแสงสูง ช่วยลดความบิดเบี้ยวและรักษาความคมชัดทั่วทั้งเฟรม มีการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนเพื่อลดแสง Flare และภาพซ้อนเมื่อถ่ายย้อนแสง รวมถึงฟิลเตอร์อินฟราเรดแบบ Spin-coated ที่ช่วยให้สีที่ถ่ายออกมาใกล้เคียงกับที่ตาเห็นจริง

กล้องหลักยังมีความยืดหยุ่นในการเลือกระยะโฟกัส โดยมีระยะโฟกัสมาตรฐานที่ 23mm และรองรับการซูมภายในเซนเซอร์ (In-sensor Zoom) ที่ระยะ 28mm และ 35mm ซึ่งเป็นระยะโฟกัสยอดนิยมในหมู่ช่างภาพสาย Street และ Humanistic Photography ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกมุมมองได้หลากหลายโดยไม่ต้องสลับเลนส์
โหมด Leica Street Photography

สำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพ Street หรือต้องการเก็บภาพแบบ Snap Shot อย่างรวดเร็ว Xiaomi 15T Pro มีโหมด Leica Street Photography ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เพียงกดปุ่มปรับระดับเสียงสองครั้ง กล้องจะเปิดและพร้อมถ่ายภาพทันทีภายใน 0.8 วินาที ซึ่งเร็วพอที่จะไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญที่เกิดขึ้นเพียงแวบเดียว
อินเทอร์เฟซของโหมดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากกล้อง Leica แบบคลาสสิก โดยมีเส้นกรอบภาพซ้อนทับในสไตล์ Rangefinder ที่ช่างภาพรุ่นเก๋าคุ้นเคย ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังใช้กล้องฟิล์มในรูปแบบดิจิทัล ผู้ใช้สามารถเลือกระยะโฟกัสได้ตามสไตล์การถ่ายภาพ ได้แก่ 28mm, 35mm, 50mm, 75mm และ 135mm แต่ละระยะจำลองมุมมองการเล่าเรื่องแบบคลาสสิกที่ช่างภาพสาย Street ชื่นชอบ พร้อมรองรับทั้งการโฟกัสอัตโนมัติและการโฟกัสแบบ Zone ด้วยตนเองสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมเต็มรูปแบบ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Xiaomi 15T Pro


















การถ่ายวิดีโอระดับโปร

Xiaomi 15T Pro ไม่ได้เก่งแค่ถ่ายภาพนิ่ง แต่ยังมีความสามารถด้านวิดีโอก็ทำได้ดีเช่นกัน ด้วยการรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียด 8K ที่ 30fps ซึ่งมีความละเอียดมากกว่า 4K ถึง 4 เท่า ทำให้สามารถครอบตัด ปรับเฟรม หรือปรับความนิ่งในขั้นตอนหลังการถ่ายได้โดยไม่สูญเสียคุณภาพ นอกจากนี้ยังรองรับ 4K ที่ 120fps สำหรับถ่ายสโลว์โมชันระดับภาพยนตร์ เหมาะกับการถ่ายกีฬา การเต้น หรือการเล่าเรื่องเชิงสร้างสรรค์
สำหรับครีเอเตอร์ที่ต้องการควบคุมสีอย่างเต็มที่ รองรับการบันทึก 4K 10-bit Log ที่ 60fps ซึ่งเป็นรูปแบบวิดีโอแบบ “flat” ที่เก็บข้อมูลสีและรายละเอียดไว้มากกว่าปกติ ทำให้สามารถปรับแต่งสี (Color Grading) ในขั้นตอนหลังการถ่ายได้เหมือนการผลิตภาพยนตร์จริง และที่สำคัญคือกล้องหลังทั้งสามตัวรองรับการบันทึก 4K HDR10+ ทำให้ได้วิดีโอที่มีสีสันสดใสและคอนทราสต์สูง พร้อมแชร์ได้ทันทีโดยไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม
ประสิทธิภาพระดับเรือธงในราคาที่คุ้มค่า

นอกจากกล้องที่ยอดเยี่ยมแล้ว Xiaomi 15T Pro ยังมาพร้อมขุมพลังระดับเรือธงที่ไม่ยอมประนีประนอม โดยใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9400+ ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นท็อปที่ผลิตด้วยกระบวนการ 3nm จาก TSMC ทำให้ได้ทั้งประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงานไปพร้อมกัน
ชิปเซ็ตตัวนี้ใช้สถาปัตยกรรม All-Big-Core ที่ประกอบด้วย Cortex-X925 จำนวน 1 คอร์, Cortex-X4 จำนวน 3 คอร์ และ Cortex-A720 อีก 4 คอร์ ให้ประสิทธิภาพ CPU แบบ Single-thread เร็วขึ้น 35% และ Multi-thread เร็วขึ้น 28% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เหมาะอย่างยิ่งกับงานหนักอย่างการตัดต่อวิดีโอ 8K การประมวลผล AI และการใช้งานกล้องความละเอียดสูง
ในส่วนของกราฟิก ชิปเซ็ตนี้มาพร้อม GPU Immortalis-G925 จำนวน 12 คอร์ ที่รองรับ Hardware Ray Tracing ให้ประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้นสูงสุด 41% และ Ray Tracing เร็วขึ้น 40% พร้อมประหยัดพลังงานดีขึ้น 44% ทำให้เล่นเกมกราฟิกสูงได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังมี NPU 890 สำหรับประมวลผล AI ภายในเครื่อง รองรับโมเดล AI ที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วและเป็นส่วนตัว
Xiaomi 15T Pro มาพร้อม RAM แบบ LPDDR5X และพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ UFS 4.1 ซึ่งเป็นมาตรฐานล่าสุดที่หาได้ยากในสมาร์ตโฟนระดับราคานี้ ช่วยให้เปิดแอปได้เร็วขึ้น ทำงานมัลติทาสก์ได้ลื่นไหล และรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วทั้งการถ่ายภาพและเล่นเกม
สำหรับการระบายความร้อน Xiaomi ได้ใส่ระบบ 3D IceLoop System ที่มีพื้นผิวระบายความร้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ซีรีส์ T พร้อมโครงสร้าง IceLoop แบบสองช่องและการออกแบบ 3 มิติที่ชิปเซ็ต ช่วยให้เครื่องไม่ร้อนจนเกินไปแม้ใช้งานหนักต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ดีไซน์สวย หน้าจอใหญ่สวยคมชัด

Xiaomi 15T Pro มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.83 นิ้ว ซึ่งใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าที่มีขนาด 6.67 นิ้ว พร้อมขอบจอบางเฉียบเพียง 1.5 มม. ที่ผ่านกระบวนการ LIPO ระดับเรือธง ช่วยเพิ่มอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องให้สูงมากยิ่งขึ้น ทำให้ได้พื้นที่รับชมที่กว้างขึ้นในขณะที่ตัวเครื่องยังคงจับถนัดมือ
หน้าจอมีความละเอียดระดับ 1.5K (2772×1280) ให้รายละเอียดคมชัดกว่า FHD+ แต่ใช้พลังงานน้อยกว่า 2K สร้างสมดุลระหว่างความคมชัดและประสิทธิภาพแบตเตอรี่ได้อย่างลงตัว รองรับอัตรารีเฟรช 144Hz และการตอบสนองการสัมผัสถึง 2560Hz ให้ภาพลื่นไหลและตอบสนองฉับไว เหมาะทั้งการเล่นเกมและการใช้งานทั่วไป

ในเรื่องความสว่าง หน้าจอสามารถสว่างได้ถึง 3200 nits (ที่ 25% APL) ทำให้มองเห็นชัดเจนแม้อยู่กลางแดดจ้า พร้อมรองรับ Dolby Vision และ HDR10+ สำหรับการรับชมคอนเทนต์ระดับภาพยนตร์ ความแม่นยำของสีอยู่ในระดับมืออาชีพด้วยค่า ΔE ≈ 0.37 และรองรับช่วงสี P3 กว้าง 100% เหมาะสำหรับครีเอเตอร์ที่ต้องการสีที่แม่นยำ
สำหรับการถนอมสายตา หน้าจอรองรับการหรี่แสง DC แบบเต็มช่วงที่ปราศจากการสั่นไหว พร้อมผ่านการรับรอง TÜV Rheinland ถึง 3 มาตรฐาน ได้แก่ แสงสีฟ้าต่ำ ปราศจากการสั่นไหว และเป็นมิตรต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ช่วยให้ใช้งานได้นานโดยไม่เมื่อยล้าสายตา
แบตเตอรี่ความจุใหญ่ใช้ได้ตลอดวัน

หนึ่งในปัญหาของสมาร์ตโฟนเรือธงหลายรุ่นคือแบตเตอรี่ที่ใช้ได้ไม่ถึงวัน แต่ Xiaomi 15T Pro แก้ปัญหานี้ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 5500mAh เมื่อผสานเข้ากับชิปเซ็ต Dimensity 9400+ ขนาด 3nm ที่ประหยัดพลังงาน และการปรับแต่งระดับระบบจาก HyperOS ทำให้สามารถใช้งานหนักได้นานสูงสุด 1.4 วัน หรือใช้งานต่อเนื่องนาน 15.3 ชั่วโมง ซึ่งดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 30%
เมื่อแบตหมด ก็ไม่ต้องรอนาน เพราะรองรับ 90W HyperCharge ที่ชาร์จเต็ม 100% ได้ภายใน 36 นาที และยังรองรับการชาร์จไร้สาย 50W ที่ชาร์จเต็มได้ใน 56 นาที สำหรับคนที่อยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็น แบตเตอรี่ยังรองรับการชาร์จในอุณหภูมิต่ำถึง -25°C และมีฟีเจอร์ชาร์จด่วน 4 วินาทีที่ช่วยให้เครื่องรีสตาร์ทจาก 0% ได้ทันที
ระบบจัดการแบตเตอรี่ Xiaomi Surge ที่ประกอบด้วยชิปเซ็ตชาร์จ Surge P3 และชิปเซ็ตจัดการแบตเตอรี่ G1 มาพร้อมคุณสมบัติป้องกันความปลอดภัยในการชาร์จถึง 64 รายการ และแม้จะผ่านการชาร์จมาแล้ว 1,600 รอบ แบตเตอรี่ก็ยังคงความจุเดิมไว้ได้มากกว่า 80% ทำให้มั่นใจได้ว่าใช้งานได้ยาวนานหลายปี
ฟีเจอร์ AI ครบครัน
Xiaomi 15T Pro มาพร้อม Xiaomi HyperAI ที่รวมฟีเจอร์ AI ไว้อย่างครบครัน ทั้งด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ ในส่วนของ Productivity AI มีฟีเจอร์อย่าง AI Search ที่ค้นหาข้อมูลด้วยภาษาธรรมชาติ AI Gallery Search ที่ค้นหาภาพในแกลเลอรีได้อย่างชาญฉลาด AI Writing ที่ช่วยเขียนข้อความพร้อมโหมด DeepThink AI Recorder ที่ช่วยถอดความและสรุปการประชุม รวมถึง AI Interpreter และ AI Subtitles สำหรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์
ในส่วนของ Creativity AI มีฟีเจอร์สร้างสรรค์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น AI Image Expansion ที่ขยายภาพออกไปนอกกรอบเดิม AI Image Enhancement ที่ปรับปรุงคุณภาพภาพ AI Remove Reflection ที่ลบแสงสะท้อนออกจากภาพ AI Film ที่สร้างวิดีโอสไตล์ภาพยนตร์ และ AI Live Wallpapers ที่สร้างวอลเปเปอร์เคลื่อนไหวจากภาพคน สัตว์เลี้ยง ตัวการ์ตูน หรือทิวทัศน์


ภาพถ่ายมาส่วนหัวนางแบบแหว่งไปหน่อย ใช้ AI Image Expansion ขยายออกไปให้ได้เลย

AI Beautyful ถ่ายรูปมาแตะทีเดียวปรับสีปรับแสงให้สวยได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องวุ่นวาย

ที่พิเศษกว่านั้นคือการผสานรวมกับ Google Gemini อย่างลงตัว พร้อมให้ทดลองใช้ Gemini AI Pro ฟรี 3 เดือน รองรับฟีเจอร์อย่าง Gemini Overlay ที่เชื่อมต่อกับแอปของ Google และ Xiaomi, Deep Research สำหรับการค้นคว้าข้อมูลเชิงลึก Gemini Live สำหรับการสนทนากับ AI แบบเรียลไทม์ และ Circle to Search ที่วงสิ่งที่ต้องการค้นหาบนหน้าจอได้ทันที
ดีสมตำแหน่ง! Xiaomi 15T Pro สมาร์ตโฟนเรือธงราคาสุดคุ้มแห่งปี 2025

Xiaomi 15T Pro พิสูจน์ให้เห็นว่าสมาร์ตโฟนราคา 2 หมื่นกว่าบาทก็สามารถมีทุกอย่างที่เรือธงราคาแพงมีได้ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง Leica ที่ถ่ายได้สวยทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ชิปเซ็ต Dimensity 9400+ ที่แรงระดับท็อป หน้าจอ AMOLED 144Hz ที่สวยคมชัดถนอมสายตา แบตเตอรี่ 5500mAh ที่ใช้ได้ทั้งวันพร้อมชาร์จเร็ว 90W และฟีเจอร์ Xiaomi HyperAI ที่ทำงานร่วมกับ Google Gemini ได้อย่างลงตัว
สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนเรือธงที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2025 Xiaomi 15T Pro คือคำตอบที่ไม่ควรมองข้าม สามารถดูรายละเอียดและสั่งซื้อได้ที่ https://www.mi.com/th/product/xiaomi-15t-pro/
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
