รีวิวเกม Assassin’s Creed Shadows บน Nintendo Switch 2

รีวิวเกม Assassin’s Creed Shadows Nintendo Switch 2 การกลับมาของเกมนักฆ่าฉบับพกพา

Assassin’s Creed Shadows หนึ่งในเกมสุดดราม่าเมื่อปีที่แล้ว เพราะมีกระแสว่าเกมยัดใส่ความ Woke เข้ามากับตัวละคร ยาสุเกะ ซามูไรผิวสี ที่เป็นหนึ่งในตัวละครหลักของเกม และหลังจากผ่านมา 1 ปี ในที่สุดเกมนักฆ่าฉบับแดนปลาดิบก็ได้วางขายบน Nintendo Switch 2 เสียที โดยรีวิวนี้จะแยกออกเป็นเวอร์ชัน Nintendo Switch 2 และรูปแบบการเล่นเกมเพลย์โดยรวม

การมาของ Assassin’s Creed Shadows บน Nintendo Switch 2

การพอร์ตเกม Assassin’s Creed Shadows ซึ่งเป็นเกมโอเพนเวิลด์ขนาดใหญ่มาลงบนเครื่องพกพาอย่าง Nintendo Switch 2 ถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจมาก ๆ ค่าย Ubisoft  สามารถทำเกมขนาดใหญ่นี้สามารถเล่นได้บน Switch 2 แม้จะยังไม่สู้กับเกม Cyberpunk 2077 ได้ แต่ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม

โดยเวอร์ชัน Nintendo Switch 2 ผู้เล่นจะได้รับประสบการณ์หลักครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเกมเพลย์ สเกลของโลกที่เปิดกว้าง สไตล์การออกแบบ และการต่อสู้ที่หลากหลายยังคงให้ประสบการณ์ที่สนุกและน่าตื่นเต้นเหมือนกับบนคอนโซลอื่น ๆ ไม่ได้ตัดทอนเลยแม้แต่น้อย

ข้อดีของกราฟิก ดูดีทั้งแบบต่อทีวีและแบบพกพา

เกม Assassin’s Creed Shadows Nintendo Switch 2 ค่ายเกม Ubisoft ได้ใช้เทคโนโลยีอย่าง DLSS และ VRR (Variable Refresh Rate) เพื่อช่วยในการอัปสเกลภาพและรักษาเฟรมเรตให้มีความเสถียรมากขึ้น ซึ่งเกมบน Switch 2 ที่มีกราฟิกคุณภาพสูงจะใช้ระบนี้เช่นกัน โดยล่าสุด Ubisoft ได้ทำการอัปเดตเกมใหม่ให้มีความเสถียรมากขึ้น

ข้อสังเกตของประสิทธิภาพของการเล่นเกม

โดยข้อสังเกตของ Nintendo Switch 2 มีเฟรมเรตไว้ที่ 30 FPS ทั้งในโหมด Docked และ Handheld ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับเกมฟอร์มยักษ์บน Nintendo Switch 2 แต่บางครั้งอาจมีเฟรมเรตตกลงบ้างในการต่อสู้ที่วุ่นวาย และในโหมดพกพามีเฟรมเรตตกลงบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูแย่อะไรเลย

ส่วนความละเอียดของภาพจะถูกลดลงเมื่อเทียบกับ PS5/Xbox Series X จะต่ำกว่า แต่โดยรวมมันก็ยังคงดูดี ยกเว้นแสงเงาบนน้ำในเกม เพราะว่าผู้สร้างใช้ระบบแสง (Global Illumination) ได้ถูกเปลี่ยนไปใช้แบบ Pre-baked (คำนวณไว้ล่วงหน้า) เพื่อลดภาระของเครื่อง ซึ่งทำให้ภาพดูดร็อปลงเมื่อเทียบกับเวอร์ชันที่ใช้ระบบแสงแบบเรียลไทม์

โดยรวมแล้วเกม Assassin’s Creed Shadows บน Nintendo Switch 2 เป็นการพอร์ตที่ “น่าประทับใจอย่างยิ่ง” ในแง่ของการนำเกม Open World ขนาดใหญ่มาลงเครื่องพกพาได้สำเร็จ เนื้อหาของเกมหลักนั้นยอดเยี่ยม ทั้งเรื่องราว ตัวละครที่น่าสนใจ โลกที่สวยงามในญี่ปุ่นยุคศักดินา และระบบการเล่นที่ผสมผสานระหว่างการลอบเร้น (Naoe) และการต่อสู้แบบซามูไร (Yasuke) ได้อย่างลงตัว

ระบบเกมเพลย์ของ Assassin’s Creed Shadows

ส่วนรีวิวเกมเพลย์หลัก เกม Assassin’s Creed Shadows ถือเป็นภาคที่โดดเด่นในเรื่องของสถานที่เล่าเรื่องราว เพราะเกมจะพาซีรีส์นี้ไปสู่ ญี่ปุ่นยุคศักดินา และมีการนำเสนอตัวละครหลัก 2 ตัวละคร มีสไตล์การเล่นแตกต่างกันอย่างชัดเจนครับ โดยเราจะได้เลือกเล่นเป็น นาโอเอะ (Naoe) นินจาสาวผู้เน้นการลอบเร้น (Stealth) สไตล์ Assassin’s Creed ดั้งเดิม

และแน่นอนว่าเราจะเลือกเล่นเป็น ยาสุเกะ (Yasuke) ซามูไรผิวสีที่มีตัวตนอยู่จริง ๆ ในประวัติศาสตร์ ผู้เน้นการต่อสู้แบบบู๊แหลก (Combat) การแบ่งบทบาทนี้ทำให้เกมเพลย์มีความหลากหลาย นาโอเอะ ใช้การพรางตัวในเงา (Shadows) และใช้ตะขอเกี่ยว (Grappling Hook) ส่วน ยาสุเกะ  มีการต่อสู้ที่รุนแรงและมีระบบ Posture Attack ที่ใช้ทำลายการป้องกันของศัตรู

มีการกลับมาของ Eagle Vision สำหรับนาโอเอะ และระบบ Observe ใหม่ที่ช่วยในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย โดยภารกิจไม่ได้ระบุตำแหน่งเป้าหมายชัดเจน ผู้เล่นต้องใช้ระบบ Scout หรือหาเบาะแสเพื่อระบุตำแหน่งที่แน่นอน ซึ่งส่งเสริมการสำรวจและลอบเร้นมากขึ้น

โดยภาคนี้ จะมาพร้อมกับระบบสร้างและตกแต่ง Hideout หรือการสร้างฐานทัพของเรา และต้องออกค้นหาพรรคพวกเพื่อสร้างกองกำลังที่สามารถเรียกมาช่วยต่อสู้ในฉากได้ด้วย  นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับความท้าทายในการลอบเร้น การลอบเร้นมีความสนุกมากขึ้น การใช้เงาและการทำลายโคมไฟเป็นกลไกสำคัญในการพรางตัว และมาพร้อมกับระบบเลเวล RPG ที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยชอบเพราะเราจะไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูที่เลเวลสูงกว่ามาก ๆ ได้เลย แม้แต่จะลอบฆ่าก็ทำไม่ได้

เกมมีความยาวประมาณ 40-50 ชั่วโมงสำหรับเนื้อเรื่องหลัก และอาจถึง 100 ชั่วโมงหากต้องการเก็บทุกอย่างให้ครบ

โดยรวมแล้ว ถ้าคุณชอบการเล่นเป็นนักฆ่าใน ธีมญี่ปุ่นยุคศักดินา, เกมเพลย์ Open World RPG, การลอบเร้นที่มีตัวเลือกมากขึ้น, และความหลากหลายของตัวละครที่เล่นได้ เกม Assassin’s Creed Shadows เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แม้ว่าอาจจะไม่ใช่เกมซีรีส์ Assassin’s Creed ที่ยอดเยี่ยมที่สุดแต่ก็พอจะเล่นได้เพลิน ๆ ชมวิวธรรมชาติที่สวยงามของประเทศญี่ปุ่นแค่นี่ก็คุ้มค่าแล้ว

รีวิวโดย วงศกร ปฐมชัยวัฒน์ (Gamerdome)