สวัสดีครับ แอดมิน “เป้” คนดีคนเดิมเองครับ วันนี้ รีวิว POCO F8 Ultra ฉบับใช้งานจริง สมาร์ตโฟนเรือธงสายเกมมิ่งที่อยู่ๆ ก็อยากเลิกเป็นแค่เกมมิ่ง (คงประสิทธิภาพในการเล่นเกมสูงสุดเอาไว้เหมือนเดิม) แต่ปรับปรุงทุกมิติให้ดียิ่งขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องดีไซน์ หน้าจอ สเปคที่จัดมาให้แบบอัดแน่น รวมถึงการอัปเกรดกล้องใหม่ทั้งระบบ ทำให้เพลิดเพลินไปกับการถ่ายรูปเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้ทดลองใช้งานมาร่วมสัปดาห์ วันนี้เล่าให้อ่านครับ!

POCO กับดีไซน์ที่เป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น
ปีนี้ POCO F8 Ultra ได้รับการปรับโฉมดีไซน์ใหม่ มีความเรียบ มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น วางจำหน่าย 2 สีด้วยกัน สีดำ (Classic Black) และสีน้ำเงินเดนิม (Denim Blue) สีที่ผมได้มาเป็นสีดำ ฝาหลังทำจากวัสดุ FiberGlass เป็นเทกซ์เจอร์แบบผิวด้าน สัมผัสเรียบ แต่มีความระยิบระยับเหมือนกลิตเตอร์เวลาส่องไฟใกล้ๆ การจับถือให้ความรู้สึกหรูหรา

มาพร้อมการจัดวางโมดูลกล้องที่เปลี่ยนไปจากของเดิมเป็นโมดูลกล้องทรงกลม แต่ในปีนี้ปรับเปลี่ยนเป็นโมดูลกล้องสี่เหลี่ยมแนวนอนยาว มีการจัดเรียงแบบสมมาตร

ตัวเครื่องบางเพียง 7.9 มิลลิเมตร แต่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ถึง 6,500mAh รองรับชาร์จไว 100W HyperCharge ชาร์จจาก 0-100% ภายในเวลาเพียง 38 นาทีเท่านั้น (ชาร์จไร้สาย 50W)

จากการใช้งานจริงที่ทริปบาหลี ใช้งานตั้งแต่ประมาณ 9 โมงถ่ายรูปตลอดเวลา แดดร้อนๆ ถ่ายทั้งวัน แบตจาก 85% โดยประมาณช่วงเช้า จนกลับเข้าห้องประมาณเกือบ 5 ทุ่ม แบตยังเหลือราวๆ 19-20% ถือว่าใช้งานทั้งวันแบบเหลือเฟือ แบตอึดมาก!
ระบบเสียง 2.1 Channel แท้ๆ Sound by BOSE
นี่คือระบบเสียง 2.1 Channel แบบแท้ๆ ด้านหลังที่เห็นนี้คือ “ซัฟวูฟเฟอร์” ขนาดไดอะแฟรม 250 ตารางมิลลิเมตร กำลังขับสูงสุด 7W ช่วยในเรื่องของเสียงย่านความถี่ต่ำ (เบส และ ซับเบส) ให้เสียงย่านนี้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น เป็นลำโพงจิ๋วที่ช่วยขับให้เสียงมีมิติมากยิ่งขึ้น ทำงานร่วมกับลำโพงสเตอริโออีก 2 ตัว

เสียงที่ได้ถือว่าดีเลยทีเดียว เวทีเสียงกว้างและสมจริงมากยิ่งขึ้น ย่านเสียงความถี่ต่ำ เบสลงลึก มีมวลพอประมาณ ทำให้เพลิดเพลินไปกับการดูหนัง ดูซีรีส์ และการฟังเพลงมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเล่นเกมแนว FPS (First Person Shooting) พวกเสียงยิงปืน เสียงระเบิด เสียงกระสุนรถถัง มันกึกก้องกังวาล ช่วยให้ดื่มด่ำไปกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น
หน้าจอใหญ่เบิ้ม อัปเกรดใหม่ POCO HyperRGB
POCO F8 Ultra มาพร้อมกับหน้าจอแบน (Flat) ปีนี้อัปเกรดขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6.9 นิ้ว และที่พิเศษคือ ทาง POCO ใช้ชื่อจอปีนี้ว่า POCO HyperRGB เป็นการนำเสนอเทคนิคใหม่บนหน้าจอ OLED

ปกติจอ OLED จะเรียงเม็ดพิกเซลแบบ Pentile หรือ Diamond Like (แชร์เม็ดสี) ซึ่งเม็ดพิกเซลสีเขียวจะมีจำนวนมากกว่าสีแดงและสีน้ำเงิน และจะใช้การแชร์เม็ดพิกเซลข้างเคียงกันเพื่อสร้างภาพขึ้นมา ทำให้ความละเอียดจะดรอปลงเล็กน้อย เวลามองด้วยตาจริงๆ

หน้าจอ POCO HyperRGB ใช้โครงสร้างแบบ Full RGB Subpixel หมายความว่าใน 1 พิกเซล จะประกอบด้วยจุดสี แดง-เขียว-น้ำเงิน (R-G-B) ครบถ้วนโดยไม่ต้องแชร์กับพิกเซลข้างเคียง หรือมีการจัดเรียงที่หนาแน่นจนให้ผลลัพธ์แบบ RGB เต็มรูปแบบ สิ่งที่ได้คือ ความคมชัดสูงขึ้น

เค้าถึงบอกว่าเป็นจอความละเอียด 1.5K แบบ Super Resolution ที่ให้ความละเอียดเทียบเท่าจอ OLED 2K แล้วสีสันเที่ยงตรง การผสมสีของเค้าทำได้แม่นยำขึ้นในระดับจุดต่อจุด

แล้วทาง POCO เลือกใช้วัสดุเปล่งแสง M10 ปรับปรุงวัสดุที่เปล่งสีแดงเป็นสูตรใหม่ ประสิทธิภาพสูงขึ้นประมาณ 11.4% ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น สู้แสงได้ดีขึ้น (ตัวเปล่งสีแดงนี่แหละ ที่กินแบตเตอรี่ที่สุด มากกว่าสีเขียวและน้ำเงิน)

แรงส์! คะแนนทดสอบเยอะขึ้นเป็นล้าน!
นี่คือชิปเซ็ตที่แรงที่สุดในสมาร์ตโฟนฝั่งแอนดรอยด์ Snapdragon 8 Elite Gen 5 รุ่นใหม่ล่าสุด เทคโนโลยีการผลิต 3 นาโนเมตร ลองทดสอบ Geekbench 6 แบบไม่ได้ตั้งใจ ได้ผลทดสอบคือ คะแนน Single-Core 3,500 ส่วน Multi-Core ประมาณ 10,600 คะแนน ถือว่าแรงมากนะครับ! (ตัวชิปของเจนก่อน Single-Core อยู่ที่ประมาณ 2,900 คะแนน)

ส่วนผลทดสอบ ANTUTU เค้าเพิ่มมาจากรุ่นปีที่แล้วหลักล้านคะแนนเลยครับ! 3.94 ล้านคะแนน (รุ่นเดิมเต็มที่ ราวๆ 2.8-3.1 ล้านคะแนน) นี่คือชิปเซ็ตที่เร็ว แรง ที่สุดประจำปลายปีนี้และจะใช้ชิปตัวนี้ลากยาวไปจนถึงปลายปีหน้า POCO เปิดก่อนได้เปรียบแน่นอน!

วางจำหน่ายในไทย 2 ความจุ ได้แก่รุ่น 12GB+256GB และ 16GB+512GB โดยใช้ RAM และ Stroage ความเร็วระดับท็อปๆ ของวงการมือถือ ได้แก่ LPDDR5X และ UFS 4.1
ชิป VisionBoost D8 เล่นเกมลื่นไหล!
รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซ็ตพิเศษอีกตัวนึงชื่อว่า VisionBoost D8 เป็นชิปกราฟิกสถาปัตยกรรมการผลิต 12nm สำหรับช่วยประมวลผลกราฟิกโดยเฉพาะ ชิปตัวนี้ มีความสามารถหลายอย่าง และสามารถเปิดใช้งานพร้อมกันได้ด้วย

- Super Resolution อัปสเกล ความคมชัด คอนทราสต์ให้มีความละเอียดสูงขึ้นเป็น 2K
- Smart FrameRate แทรกเฟรม ทำให้เล่นเกมได้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
- Game HDR ปรับภาพในเกมให้เป็น HDR
และยังมีสิ่งที่เรียกว่า Dual-Core Visuals เป็น AI ที่คอยช่วยปรับแต่งภาพและวิดีโอให้คุณภาพดีขึ้น สีสันดียิ่งขึ้น ความคมชัดมากขึ้น และเพิ่มเฟรมให้สมูทมากยิ่งขึ้น และปรับ HDR ให้เหมาะสม เฉลี่ยแสงเงาได้เป็นอย่างดี (ให้ความรู้สึกเหมือน HDR+ AI Upscaling + MEMC เทคโนโลยีในสมาร์ตทีวี)

ทดสอบเล่นเกม RoV ปรับกราฟิกสูงสุด เปิดความสามารถของ VisionBoost D8 ทุกอย่าง เค้าจะดรอปตัวเฟรมในเกมให้เหลือ 40fps และทำการแทรกเฟรม (เฟรมจริง 1 เฟรมแทรก 2) ทำให้เล่นเกมได้ที่ 120fps ดูกราฟจาก Game Turbo ก็คือ เล่นได้ 120fps แบบลื่นๆ ทีมไฟต์นัวๆ เฟรมก็ไม่ดรอปเลย ถือว่าชิลมากๆ สำหรับเกมนี้

ทดสอบเล่นเกม LoL WildRift ปรับกราฟิกสูงสุด เปิดกราฟิกสุดทุกอย่าง เปิดความสามารถของ VisionBoost D8 ทุกอย่าง เช่นเดียวกับ RoV ตัวเกมจะล็อคเฟรมเรตไว้ที่ 40fps และทำการแทรกเฟรมให้เล่นได้ 120fps ลื่นๆ เช่นกัน แล้วเกมนี้เป็นเกมเอ็นจิ้นยุคใหม่ ภาพสวย เอฟเฟกต์ตระการตาสุดๆ เล่นได้อย่างเพลิดเพลินมาก (ซึ่งจริงๆ ตัวเกมอนุญาติให้เล่น 120fps แบบ Native แต่จะโดนปรับกราฟิกลงมาอยู่ระดับกลางๆ ซึ่งผมชอบความสวยงามของกราฟิกเกมนี้ เราจึงทดสอบด้วยพลังของ VisionBoost D8)

ทดสอบเล่นเกม Delta Force ปรับกราฟิกสูงสุด เอฟเฟกต์ต่างๆ มีอะไรเปิดได้ก็เปิดหมดทุกอย่าง เปิด 60fps และใช้ความสามารถของ VisionBoost D8 ทุกอย่างเช่นเดิม เกมนี้ลงสนามรบ ต่อสู้กันนัวมาก จำนวนผู้เล่นมหาศาล ระเบิดควัน กระสุนปืน กระสุนรถถัง ใส่นัวเต็มที่ไปหมด ก็ยังเล่นได้ 120fps แบบชิลๆ ไม่ได้รู้สึกถึงอาการเฟรมดรอปแต่อย่างใด เค้า Optimized เกมนี้มาค่อนข้างดีเลยทีเดียว และการเล่นเกมแบบนี้ พร้อมกับลำโพง BOSE 2.1 Channel มันให้ประสบการณ์ที่ดีมาก ดื่มด่ำไปกับเสียงความถี่ต่ำที่ถูกเพิ่มเข้ามา อินไปกับเกมสุดๆ

ทดสอบเล่นเกม Genshin Impact เกมนี้รู้กันอยู่แล้วว่า กินสเปค กินพลังดิบแบบมหาศาล แต่ไม่ต้องห่วงเพราะเรามี VisionBoost D8 เราจะโกงให้เล่นเกมนี้ได้อย่างลื่นไหล เริ่มจากปรับกราฟิกสูงสุด และเปิด 60fps เพียงแค่นี้เราก็จะเล่นเกม Genshin Impact ได้ที่ 120fps แบบลื่นๆ ยาวๆ ระดับ 1.5 ชั่วโมงโดยที่เฟรมแทบจะไม่ดรอปเลย (แต่เล่นไปนานๆ อาจจะมีอาการเฟรมดรอปบ้าง ลงมาที่ 100-115fps แต่ก็ถือว่าเล่นได้ลื่นไหลมากๆ แล้วสำหรับเกมระดับนี้)

กล้องอัปเกรดใหม่ทั้งระบบ ถ่ายรูปสนุกมาก
สเปคกล้อง POCO F8 Ultra
- กล้องหน้า 32MP (f/2.2)
- กล้องหลัก 50MP (f/1.67) เซ็นเซอร์ Light Fusion 950 ขนาด 1/1.31 นิ้ว มีกันสั่น OIS
- กล้องอัลตราไวด์ 50MP (f/2.4)
- กล้องเทเลโฟโต้ปริทรรศน์ 50MP (f/3.0) ซูม Optical ระยะ 5x (เทียบเท่า 115mm)

กล้องหลัก เทียบเท่าระยะ 23mm โดยที่เราสามารถกดย้ำที่ระยะ 1x เพื่อปรับสเต็ปของทางยาวโฟกัสเป็น 28mm และ 35mm ได้ด้วย สะดวกมาก เซ็นเซอร์ Light Fusion 950 ตัวนี้เก่งขึ้นมาก ขนาดใหญ่ขึ้น รับแสงได้มากขึ้น



พอทำ Pixel Binning แล้วขนาดพิกเซลจะอยู่ที่ 2.4𝜇𝑚 ขนาดพิกเซลใหญ่มาก ถ่ายรูปสวยมาก ในที่แสงน้อยก็ยังรอด และมีการ Coating คุม Flare ได้ดีมากๆ ถ่ายย้อนแสงแทบจะไม่ขึ้น Flare เลย



กล้องอัลตร้าไวด์ เทียบเท่าระยะ 18mm อาจจะไม่ได้กว้างที่สุด แต่ความคมชัดดีเยี่ยม และไม่มีอาการบวม (Distortion) ให้เห็นเลย ถ่ายตึกระฟ้า ถ่ายอาคารสูงๆ เสยกล้องขึ้นไป สวยและคุณภาพดีมาก



อวยยศกล้อง Periscope Telephoto 5x (115mm)
และนี่คือสิ่งที่เป็น MVP ของทริปสื่อ POCO Bali Launch ในครั้งนี้ครับ “กล้องเทเลโฟโต้”

กล้องตัวนี้เป็นกล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/3.0 ซูมออปติคัลระยะ 5x หรือเทียบเท่า 115mm เป็นเลนส์ระยะที่ใช้บ่อยที่สุดแล้วในการมาทริปครั้งนี้




คุณภาพดีมาก สีสัน คอนทราสต์ดีมาก สามารถจบหลังกล้องได้โดยที่ไม่ต้องแต่งภาพเพิ่มเลย เรียกว่า “จบหลังกล้อง” จริงๆ (คอนเฟิร์มกับพี่ๆ สื่อมวลชนหลายคนในทริป ว่ากล้องตัวนี้ “ถ่ายสนุก” มากครับ) ให้อารมณ์คล้ายๆ Xiaomi 15T Pro เข้าใจว่าเป็นเซ็นเซอร์ที่ใกล้เคียงกัน ระยะเดียวกัน รูรับแสงเท่ากัน แต่อาจจะไม่ได้ Leica Optics และความเป็น Floating Telephoto เท่านั้นเอง แต่ให้อารมณ์คล้ายๆ กัน ไม่พูดเยอะ …เชิญดูภาพตัวอย่างครับ














และเรื่องของกล้อง จากการใช้งานตากแดดสู้ลมสู้คลื่นทะเลที่บาหลี บอกเลยว่า ร้อนขนาดไหน ก็ไม่เจออาการชัตเตอร์แลค หน่วง กระตุก หรือกล้องตัดเลยครับ ขนาดว่าใช้กันจริงจัง ถ่ายรูปกันโหดมาก ปีนี้ POCO ทำออกมาได้ดีมากๆ เพราะมีระบบ IceLoop แบบ 3D dual-channel และเป็นแบบ dual-layer ขนาด 6700mm² ช่วยระบายความร้อนจากชิปเซ็ต และแผงกล้อง อย่างตรงจุด!
ราคาและโปรโมชัน POCO F8 Ultra
POCO F8 Ultra วางจำหน่าย 2 สี ได้แก่ Classic Black และ Denim Blue
- รุ่น 12+256GB ราคาพิเศษ 23,990 บาท (ปกติ 24,990 บาท)
- รุ่น 16+512GB ราคา 25,990 บาท (ปกติ 26,990 บาท)
พิเศษ! สำหรับลูกค้าสั่งซื้อ POCO F8 Ultra ในระหว่างวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16.00 น. – 18 ธันวาคม 2568 รับฟรี Xiaomi Gaming Monitor G24i 2026 มูลค่า 3,990 บาท, ประกันตัวเครื่อง 2 ปี, ประกันหน้าจอแตก (เปลี่ยน 1 ครั้ง ภายใน 6 เดือน), ใช้งาน YouTube Premium ฟรี 3 เดือน, ใช้งาน Google One 100GB ฟรี 6 เดือน และใช้งาน Spotify ฟรี 4 เดือน

นี่คือนักฆ่าเรือธงประจำปลายปี 2025 Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่ราคาเข้าถึงง่ายที่สุดในตลาด POCO F8 Ultra ครับ!

#POCOThailand #POCOXBose #POCOF8Series #POCOF8Ultra #POCOF8Pro #UltraPowerAscended #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด
