Apple ประกาศขยายบริการ Apple Fitness+ ไปยัง 28 ตลาดใหม่ทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2025 ถือเป็นการขยายตลาดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัวบริการเมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้ตอนนี้มีบริการแล้วใน 49 ประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังไม่อยู่ในรายชื่อประเทศที่เปิดให้บริการในครั้งนี้
ตลาดใหม่ที่เปิดให้บริการครอบคลุมหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในเอเชียมี ฮ่องกง อินเดีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน และเวียดนาม ส่วนยุโรปมีฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ และสวีเดน ขณะที่ลาตินอเมริกามีอาร์เจนตินา ชิลี และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ สำหรับญี่ปุ่นจะเปิดให้บริการต้นปี 2026
ไฮไลต์สำคัญของการอัปเดตครั้งนี้คือฟีเจอร์พากย์เสียงดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AI ใน 3 ภาษา ได้แก่ สเปน เยอรมัน และญี่ปุ่น โดยใช้เสียงจริงของเทรนเนอร์ทั้ง 28 คนเป็นต้นแบบในการสร้างเสียงพากย์ ระบบจะเพิ่มคลาสพากย์ใหม่ทุกสัปดาห์ ผู้ใช้สามารถเลือกภาษาได้จากตัวควบคุมเสียง หรือตั้งค่าไว้ล่วงหน้าในแอป Fitness การพากย์เสียงภาษาสเปนและเยอรมันเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2025 ส่วนภาษาญี่ปุ่นจะตามมาต้นปี 2026
นอกจากนี้ Apple Fitness+ ยังเพิ่มแนวเพลง K-Pop เข้ามาในบริการ ครอบคลุมทุกประเภทการออกกำลังกาย ด้วยเพลงฮิตจากศิลปินชื่อดังระดับโลก เสริมแนวเพลงเดิมที่มีอยู่ เช่น Upbeat Anthems, Latest Hits, Hip-Hop/R&B และ Latin Grooves พร้อมซีรีส์ Artist Spotlight ที่อุทิศเพลย์ลิสต์ทั้งหมดให้กับศิลปินคนเดียว อาทิ Taylor Swift, Beyoncé, BTS, Selena Gomez และ Coldplay
Apple Fitness+ นำเสนอ 12 ประเภทการออกกำลังกาย ได้แก่ Strength, Yoga, HIIT, Pilates, Dance, Cycling, Kickboxing, Treadmill, Rowing และ Meditation พร้อมคลาสความยาว 5-45 นาที ใช้งานผ่าน iPhone, iPad และ Apple TV ผู้ใช้ Apple Watch หรือ AirPods Pro 3 จะได้รับประสบการณ์เต็มรูปแบบด้วยการแสดงข้อมูลส่วนตัวบนหน้าจอแบบเรียลไทม์ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ แคลอรี่ที่เผาผลาญ และ Activity Rings
ฟีเจอร์เด่นอื่นๆ ได้แก่ Custom Plans ที่สร้างตารางออกกำลังกายส่วนตัวอัตโนมัติ, Time to Walk ที่ให้ผู้ใช้เดินไปพร้อมฟังเรื่องราวจากคนดัง, Collections คลาสที่คัดสรรตามเป้าหมาย และ Meditation ที่มี 12 ธีม
Apple Fitness+ บริการมีราคา $9.99 ต่อเดือน หรือ $79.99 ต่อปี แชร์ได้สูงสุด 5 คน ลูกค้าที่ซื้ออุปกรณ์ใหม่จะได้ใช้ฟรี 3 เดือน ต้องการ iPhone 8 ขึ้นไปพร้อม iOS 16.1 หรือ Apple Watch Series 3 ขึ้นไป สำหรับใน ไทย อดใจรอและติดตามข่าวกันต่อไป
ข้อมูลจาก Apple
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
