แฟน PlayStation เตรียมตัวให้พร้อม เพราะ Anicorn แบรนด์นาฬิกาชื่อดัง เปิดตัว นาฬิกา PlayStation ครบรอบ 30 ปี จำนวน 2 รุ่น โดยรุ่นท็อปผลิตจำกัดเพียง 300 เรือนเท่านั้น วางจำหน่ายพร้อมกัน 18 ธันวาคมนี้
การเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี PlayStation ยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจากปี 2024 และครั้งนี้มาในรูปแบบ นาฬิกา คอลเลกชันพิเศษที่นักสะสมไม่ควรพลาด ทั้งรุ่น Play Symbol และ Limited Edition Mechanical Watch ต่างมีดีไซน์ที่โดดเด่นและเต็มไปด้วยรายละเอียดที่แฟนพันธุ์แท้ต้องหลงรัก
Play Symbol นาฬิกาควอตซ์ 2 โทนสีให้เลือกสะสม
PlayStation Anicorn — Play Symbol เป็นนาฬิการะบบควอตซ์ที่มาพร้อมตัวเรือนทรงกลมและสายหนังสีดำ หน้าปัดตกแต่งด้วยโลโก้ PlayStation และสัญลักษณ์ปุ่มกดอันเป็นเอกลักษณ์
รุ่นนี้มีให้เลือก 2 เวอร์ชัน ได้แก่ Dark Mode ที่มาพร้อมตัวเรือนและหน้าปัดสีดำ โลโก้สีขาว และสัญลักษณ์ PlayStation สีสันสดใส ส่วน Light Mode มาในตัวเรือนสีเงิน หน้าปัดสีขาว โลโก้สีดำ และสัญลักษณ์โทนสีเทา ทั้งสองรุ่นบรรจุในเคสใสสำหรับจัดแสดง
Limited Edition Mechanical Watch มีเพียง 300 เรือน
ไฮไลต์สำคัญของคอลเลกชันนี้คือ PlayStation Limited Edition Mechanical Watch นาฬิการะบบกลไกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่อง PlayStation รุ่นแรก ผลิตจำกัดเพียง 300 เรือนทั่วโลกเท่านั้น
ตัวเรือนทำจากสแตนเลส 316L ทรงแปดเหลี่ยม ขนาดหน้าปัด 42.8 มม. ขับเคลื่อนด้วยกลไก Miyota 9039 ที่เดินเครื่องได้ประมาณ 42 ชั่วโมงเมื่อไขลานเต็ม มาพร้อมสายยาง FKM ระบบถอดเปลี่ยนเร็ว
ดีเทลที่น่าสนใจคือสัญลักษณ์ PlayStation ประดับที่ตำแหน่ง 12, 3, 6 และ 9 นาฬิกา เม็ดมะยมสลักคำว่า “power” และสายนาฬิกาตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ PlayStation ขนาดเล็ก ปกป้องด้วยกระจก Sapphire และกันน้ำระดับ 5 ATM
Memory Capsule ของแถมสุดพิเศษ
นอกจากนาฬิกาแล้ว Anicorn ยังมี Memory Capsule อุปกรณ์เสริมที่ออกแบบให้คล้าย Memory Card ของ PlayStation รุ่นดั้งเดิม มาพร้อมเทคโนโลยี NFC ที่ผู้ใช้สามารถบันทึก ดู และเขียนทับข้อมูลได้ เป็นของสะสมที่ผสมผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
นาฬิกาทั้ง 2 รุ่นจะวางจำหน่ายพร้อมกันในวันที่ 18 ธันวาคม เวลา 10.00 น. ตามเวลาสหรัฐฯ ฝั่งตะวันออก (ประมาณ 22.00 น. ตามเวลาไทย) สำหรับรุ่น Mechanical Watch ที่มีเพียง 300 เรือน คาดว่าจะถูกจองหมดอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลจาก: NotebookCheck
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
