รีวิว OPPO Find X9 Series มาพร้อมกัน 2 รุ่น กับ OPPO Find X9 และ OPPO Find X9 Pro โดดเด่นเรื่องกล้องด้วยคอนเซ็ปต์น่าสนใจ “ซูมดีทุกคอนเสิร์ต” ตอบโจทย์สำหรับสายคอนเสิร์ต ด้วยกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto ที่ OPPO นำมาใช้ครั้งแรกในตระกูล Find
สำหรับใน รีวิว นี้ เราจะเน้นกันในรุ่น OPPO Find X9 Pro ที่มาพร้อมกับจุดเด่นของระบบกล้องที่ซูมไกลถึง 120 เท่า แต่ภาพยังคมชัด พร้อมโหมด Stage Mode ที่ออกแบบมาเพื่อถ่ายคอนเสิร์ตโดยเฉพาะ รวมถึงยังบันทึกวิดีโอได้ระดับ 4K 120fps และถ่ายพอร์ตเทรตสวยทั้งกลางวันกลางคืนด้วย Hasselblad Portrait
แน่นอนว่า ทั้งสองรุ่นไม่ได้เด่นเฉพาะเรื่องกล้อง แต่ยังมาพร้อม ColorOS 16 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่มี AI Mind Space เป็นผู้ช่วย AI ส่วนตัวแสนฉลาด
ด้านประสิทธิภาพ OPPO Find X9 Pro ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9500 แบตเตอรี่ใหญ่ 7,500mAh และกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP66, IP68, IP69 ส่วน Find X9 รุ่นมาตรฐานก็มีจุดเด่นคล้ายกัน แต่แบตเตอรี่จะเล็กกว่าเล็กน้อยที่ 7,025mAh และมีขนาดหน้าจอที่เล็กกว่า พร้อมความบางและน้ำหนักเบากว่า
ทีมงาน TechOffside เราได้ทดสอบลองใช้งานกับ OPPO Find X9 Pro ที่มีเรื่องให้เราประทับใจและว้าวที่ยกระดับจาก Find X8 Series ในปีที่แล้วได้อย่างเหลือเชื่อ แต่ก่อนจะไป รีวิว เรามาแกะกล่องดูกันก่อนว่าในแพ็กเกจมีอะไรให้มาบ้าง

แกะกล่อง Unbox รีวิว OPPO Find X9 Pro
แพ็กเกจใน Find X Series นั้น ตัวกล่องจะมาในโทนสีเงินที่มีความหรูหราเป็นพิเศษ บนกล่องจะเล่นลวดลายพิมพ์นูนดูสวยงาม และมีตัวอักษรระบุชื่อรุ่นเป็นสีดำ
ภายในตัวเครื่องจะห่อป้องกันไว้ด้วยกระดาษไข ส่วนภายในกล่องที่วางปิดมาจะมีให้มาเป็นคู่มือการใช้งานเบื้องต้นและมีเคสกันรอยเครื่องมาให้ โดยวัสดุเป็น TPU ผิวสัมผัสแบบด้านถือจับแล้วไม่ลื่นมือ



ด้านล่างสุดของกล่องจะมีอุปกรณ์สำหรับการชาร์ที่มีสาย USB-A to USB-C และอะแดปเตอร์ชาร์จไฟในมาตรฐานชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC ให้พร้อมใช้ตั้งแต่แกะกล่องกันเลย

ดีไซน์และการออกแบบ – สวยงาม บางเบา สมดุล พอดีมือ
OPPO Find X9 Pro โดดเด่นตั้งแต่ด้านหน้าที่ขอบจอบางเฉียบเพียง 1.15 มม. เท่ากันทั้งสี่ด้านอย่างสวยงาม ถือว่าเป็นขอบจอที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ตโฟน OPPO ทำให้หน้าจอขนาด 6.78 นิ้วดูกว้างขึ้น รับชมได้เต็มตา ไม่ว่าจะดูหนัง เล่นเกม หรือท่องเว็บ

ตัวเครื่องมีความบางเพียง 8.25 มม. และมีน้ำหนักเพียง 224 กรัม เบื้องหลังของความบางนี้ เกิดจากโครงสร้างภายในที่ออกแบบในลักษณะของ Stacked Design ที่เปลี่ยนเอาชุดกล้องหลายตัวไปรวมที่มุมเครื่อง (จากรุ่นก่อนที่เป็นโมดูลวงกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง) ทำให้ได้พื้นที่ใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh โดยที่ตัวเครื่องก็ยังคงความเบาและถือสบาย ให้สัมผัสที่มั่นคงไม่รู้สึกหนักมือ เหมาะกับการใช้งานยาวๆ โดยไม่เมื่อยล้า
ส่วน Find X9 รุ่นมาตรฐาน ก็จะมีความบางกว่าที่ 7.99 มม. และหนักเพียง 203 กรัม ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 7,025mAh ทำให้เหมาะกับคนที่ชอบความพกพาสะดวกและต้องการเครื่องที่เบาลง
เลือกสีให้เข้ากับสไตล์
Find X9 Pro วางจำหน่ายในไทยสองสี คือ
- สีขาว Silk White ที่เป็นสีขาวนวลบริสุทธิ์มีประกายมุกเล็กน้อย เหมือนแสงสะท้อนของผ้าไหมแท้ ดูเรียบง่ายแต่สง่างาม
- สีเทา Titanium Charcoal โทนสีเข้มที่ดูสุขุม มีพื้นผิวเรียบเนียนแบบด้านไม่สะท้อนแสง เน้นย้ำความทนทานและความสง่างามแบบสมัยใหม่
ส่วน Find X9 มีให้เลือกสี Titanium Grey และ Space Black ที่เน้นความเรียบง่ายและหรูหรา ตอบโจทย์คนที่ชอบโทนสีที่ดูเป็นทางการและไม่ฉูดฉาด
ดีไซน์ฝาหลัง Unibody Glass ไร้รอยต่อ

เป็นการขึ้นรูปจากกระจกชิ้นเดียว เชื่อมต่อระหว่างเลนส์กล้องกับตัวเครื่องอย่างไร้รอยต่อ ทำให้ดูเรียบเนียนและหรูหรา และความนูนจากฝาหลังนั้นก็น้อยลง อีกทั้งตัวโมดูลกล้องหลังที่จัดวางใหม่ นอกจากจะมีความเรียบง่ายกว่าเดิม ยังมีการคำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ด้วย เมื่อถือโทรศัพท์ในแนวตั้ง นิ้วจะหลีกเลี่ยงเลนส์กล้องได้โดยธรรมชาติ และเมื่อถือในแนวนอนสำหรับเล่นเกมหรือดูสื่อ มือจับก็ไม่บังกล้อง ทำให้ใช้งานได้สะดวกในทุกสถานการณ์
ส่วนตัวผิวสัมผัสของฝาหลังก็เป็นพื้นผิวแบบด้าน ที่มีความละมุนนุ่มมือ เมื่อถือจับไม่รู้สึกกระด้าง แถมยังมีการเกิดลายนิ้วมือบนเครื่องได้ยาก ช่วยให้การใช้งานไม่ต้องเช็ดเครื่องบ่อย
พอร์ตแบบมินิมอล ซ่อนช่องลำโพงและไมค์

ด้านล่างของเครื่อง ดีไซน์พอร์ตแบบมินิมอล ซ่อนช่องไมค์และลำโพงไว้อย่างแนบเนียน ทำให้ดูสะอาดตาและไม่มีรูพรุนเกะกะ ดีไซน์นี้มอบความสมดุลระหว่างความงามและการใช้งาน โดยยังคงประสิทธิภาพของเสียงไว้ได้เต็มที่
ปุ่ม Snap Key และ Quick Button

Find X9 Pro มาพร้อมปุ่มพิเศษสองปุ่มที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ปุ่มแรกคือ Snap Key อยู่ด้านซ้ายของเครื่อง กดเพื่อเปิดกล้องได้ทันทีหรือตั้งค่าให้ทำงานอื่นๆ ตามต้องการ ส่วนปุ่ม Quick Button อยู่ด้านขวา สามารถปรับแต่งให้เปิดแอปหรือฟังก์ชันที่ใช้บ่อยได้อย่างรวดเร็ว

ปุ่มทั้งสองนี้ออกแบบมาในตำแหน่งที่เหมาะสมกับการใช้งาน ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานประจำวัน โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพหรือต้องการเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ได้เร็ว
กันน้ำกันฝุ่นระดับสูง IP66, IP68, IP69

ด้านความทนทาน Find X9 Series มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP66, IP68 และ IP69 ซึ่งหมายความว่าเครื่องสามารถทนต่อการกระเด็นของน้ำ จุ่มลงน้ำในระดับความลึกและระยะเวลาที่กำหนด และแม้แต่การฉีดน้ำด้วยแรงดันสูง ทำให้มั่นใจได้ว่าใช้งานในสภาพอากาศแปรปรวน ใกล้น้ำ หรือในสถานที่ที่มีฝุ่นมากก็ไม่ต้องกังวล
หน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ คมชัดทุกมุมมอง

OPPO Find X9 Pro มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2772 × 1272 พิกเซล ที่ 450 PPI ให้ภาพคมชัดเป็นธรรมชาติ ใช้เทคโนโลยี LTPO ปรับอัตราการรีเฟรชอัตโนมัติ 1-120Hz ตามเนื้อหา ช่วยประหยัดแบตเตอรี่โดยไม่เสียความลื่นไหล รองรับความลึกของสี 10-bit และครอบคลุม 100% DCI-P3 ให้สีสันสดใสสมจริง หน้าจอได้รับการรับรอง Dolby Vision, HDR10+ และ HDR Vivid ยกระดับการดูคอนเทนต์ HDR ให้มีช่วงไดนามิกกว้างและสีสันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ความสว่างถือเป็นอีกจุดเด่น ความสว่างปกติอยู่ที่ 800 nits ความสว่าง HBM ที่ 1,800 nits และความสว่างสูงสุดกลางแจ้งถึง 3,600 nits ทำให้มองเห็นชัดเจนแม้แดดจัด ส่วนความสว่างต่ำสุดหรี่ได้ถึง 1 nit พร้อมระบบหรี่แสง PWM 2,160Hz ลดอาการตาล้าและปวดตาจากการใช้งานนาน ได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland Intelligent Eye Care 5.0 ว่าเป็นหน้าจอที่ใส่ใจสุขภาพสายตา

หน้าจอมาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ อัลตราโซนิก 3 มิติ ที่ตอบสนองรวดเร็วและแม่นยำ ปลดล็อกได้ง่ายแม้มือเปียกหรือในที่มืด รองรับ Splash Touch ใช้งานได้ปกติแม้หน้าจอเปียกน้ำ อัตราสุ่มตัวอย่างการสัมผัส 240Hz ทำให้ตอบสนองการแตะได้รวดเร็ว เหมาะกับการเล่นเกมและใช้งานแอปที่ต้องการความไวสูง

ระบบกล้อง Hasselblad Master ทลายขีดจำกัดของกล้องมือถือ ให้ใช้ได้อย่างโปร
เราจะมาดูจุดเด่นหลักใน OPPO Find X9 Series ที่แม้ว่าทุกปีที่ผ่านมา นวัตกรรมด้านกล้องของ OPPO จะมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่ในครั้งนี้เราเห็นถึงการก้าวกระโดดสู่จุดที่สร้างความตื่นเต้นของประสิทธิภาพในการถ่ายภาพและวิดีโอในระดับมืออาชีพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความคมชัดที่ดีขึ้นอย่างน่าประทับใจมากๆ
กล้อง 200MP Hasselblad Telephoto – ซูมอย่างชัด ครั้งแรกของ OPPO
ถ้าย้อนอดีตไป OPPO เปิดตัวเลนส์ Periscope Telephoto รุ่นแรกของโลกบนสมาร์ตโฟนตั้งแต่ในปี 2017 ถือเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเลนส์ซูมมาโดยตลอด และครั้งนี้ OPPO เปิดตัวกล้อง Hasselblad Telephoto 200MP เป็นครั้งแรกบน Find X9 Pro ใช้เซนเซอร์ Samsung S5KHP5 ขนาด 1/1.56 นิ้ว ใหญ่กว่ากล้อง Telephoto ในสมาร์ตโฟนรุ่นโปรทั่วไปถึง 2 เท่า ช่วยเพิ่มการรับแสง ทำให้ถ่ายภาพกลางคืนได้คมชัดและนอยส์เกิดขึ้นน้อย



ในส่วนของระบบเลนส์ได้รับการรับรองจาก Hasselblad ขนาดรูรับแสง f/2.1 กว้างที่สุดในกล้อง Telephoto ระดับเดียวกัน ตัวเลนส์ใช้กระจกเกรดเดียวกับอุตสาหกรรมอวกาศ กรองแสงที่ไม่ต้องการออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมออกแบบระบบ Floating Focus สามารถเล็งโฟกัสได้ใกล้สุด 10 ซม. ทำให้เลนส์ Telephoto ตัวนี้ใช้เป็นเลนส์มาโครได้ด้วย




120x Super Zoom ซูมไกลถึงทุกรายละเอียด
ตัวกล้อง Telephoto สามารถซูมแบบไร้การสูญเสีย (Lossless Zoom) ได้ 13.2 เท่า เมื่อซูมไกลกว่านั้นจะใช้อัลกอริทึม Super Resolution เพิ่มความคมชัดอัตโนมัติ และสามารถซูมได้สูงสุดถึง 120 เท่า ด้วยช่วงระยะซูมที่มากขนาดนี้ จึงเหมาะมากสำหรับการใช้งานถ่ายคอนเสิร์ตหรือสถานที่วิวทิวทัศน์และวัตถุที่อยู่ไกล
สิ่งที่ช่วยให้การซูมทำได้คมชัด คือ ระบบ OIS (Optical Image Stabilization) บนกล้อง Telephoto ช่วยลดการสั่นไหวของมือเมื่อซูมไกล ทำให้ภาพที่ได้คมชัดและไม่เบลอ แม้ในการซูมระดับสูงก็ตาม นอกจากนี้ยังมีระบบประมวลผลภาพ LUMO Imaging Engine ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดและลดนอยส์ในภาพซูม ทำให้ได้ภาพคุณภาพสูงแม้ซูมไกลมากๆ










ตัวอย่างภาพถ่ายในทุกระยะช่วงเลนส์ ตั้งแต่ 0.6x จนถึง 120x
แต่สำหรับ Find X9 สเปคของกล้องเทโลโฟโต้จะมีความต่างจากรุ่น Pro โดยจะมีความละเอียดที่ 50MP รูรับแสง f/2.0 พร้อม OIS เพื่อช่วยลดการสั่นไหวในการซูม รองรับการซูมออปติคอล 2x และซูมดิจิทัลสูงสุด 10x ทำให้ถ่ายภาพระยะไกลได้คมชัดแม้อยู่ห่างไกล เหมาะกับการถ่ายพอร์ตเทรต ภาพสถาปัตยกรรม หรือฉากที่ต้องการความละเอียดสูง
กล้องหลัก Ultra XDR ถ่ายภาพกว้างคมชัดทุกสภาพแสง

กล้องหลัก Ultra XDR ทำงานประสานกับกล้อง Hasselblad Telephoto 200MP อย่างลงตัว ใช้เซ็นเซอร์ LYT-828 ขนาดใหญ่ 1/1.28 นิ้ว ที่ออกแบบพิเศษร่วมกับ Sony จับคู่กับเลนส์ 7 ชิ้นที่ได้รับการออกแบบอย่างแม่นยำและรูรับแสง f/1.5 ที่กว้างเป็นพิเศษ ระบบนี้จึงสามารถจับแสงได้มากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทำให้ได้ภาพที่สว่างและคมชัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในสภาพแสงน้อย
เซ็นเซอร์นี้ยังมาพร้อมระบบถ่ายภาพซ้อนแบบเรียลไทม์ 3 ระดับ ช่วยให้รักษารายละเอียดที่ยอดเยี่ยมทั้งในส่วนเงา ไฮไลท์และโทนกลาง ได้ช่วงไดนามิกที่น่าทึ่งถึง 17 สต็อป ตอบโจทย์การถ่ายในทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะถ่ายภาพย้อนแสง ในที่มืด หรือสภาพแสงที่ซับซ้อน กล้องหลัก Ultra XDR ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนทั้งส่วนสว่างและส่วนมืด





กล้อง Ultra-Wide และกล้องสีสันสมจริง ครบทุกมุมมอง
OPPO Find X9 Pro มาพร้อมกล้อง Ultra-Wide 50MP ระยะโฟกัส 15mm ที่ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL JN5 ขนาด 1/2.75 นิ้ว รูรับแสง f/2.0 พร้อม Autofocus ทำให้ถ่ายภาพมุมกว้างได้คมชัดและครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น เหมาะกับการถ่ายภาพทิวทัศน์ สถาปัตยกรรม หรือภาพกลุ่มคน


กล้องสีสันสมจริง (True Color Camera) เทคโนโลยีสีแม่นยำ
เป็นการนำเอาเทคโนโลยีระดับสูงจาก Find X8 Ultra มาให้ใช้ในรุ่น Pro เป็นครั้งแรก ช่วยยกระดับคุณภาพสีของภาพถ่ายให้แม่นยำและสมจริงมากที่สุด กล้องตัวนี้ใช้เซ็นเซอร์สเปกตรัม 9-channel Multispectral ที่มีพิกเซลสเปกตรัม 2 ล้านพิกเซล เพื่อแบ่งภาพออกเป็นตารางขนาด 6×8 ที่ปรับแต่งใหม่ เพื่อวัดความแปรผันของอุณหภูมิสีในโซนต่างๆ อย่างแม่นยำ
จากนั้นข้อมูลจะถูกแบ่งปันไปทั่วทั้งระบบกล้อง ส่งผลให้การแสดงสีมีความแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะถ่ายภาพในสถานการณ์ใดก็สามารถเก็บสีสันได้สมจริงดั่งตาเห็น
ในสถานการณ์การถ่ายภาพที่ท้าทาย เช่น บรรยากาศอบอุ่นและแสงน้อยของร้านสะดวกซื้อ หรือแสงนีออนในยามค่ำคืน Find X9 Pro สามารถแสดงสีสันได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโทนสีผิว สีของอาหาร หรือสีของฉากหลัง ทุกสีสันจะถูกถ่ายทอดอย่างสมบูรณ์แบบและเป็นธรรมชาติ
ด้วยเทคโนโลยี True-to-Life Color ที่เป็นส่วนหนึ่งของ LUMO Imaging Engine ภาพถ่ายจาก Find X9 Pro จึงมีสีสันที่สดใสและถูกต้องสมจริง เหมือนกับสิ่งที่เห็นด้วยตาเปล่า เป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ Find X9 Pro ไม่ใช่แค่ถ่ายได้คมชัด แต่ยังเก็บสีสันได้อย่างเที่ยงตรงอีกด้วย
กล้องหน้า 50MP พร้อม Autofocus ถ่ายเซลฟี่คมชัดทุกระยะ

OPPO Find X9 และ Find X9 Pro มาพร้อมเซ็นเซอร์ Samsung S5KJN5 ความละเอียด 50MP ขนาด 1/2.75 นิ้ว รูรับแสง f/2.0 พร้อมเลนส์ 5 ชิ้น และระบบ Autofocus ทำให้ภาพเซลฟี่คมชัดทั้งระยะใกล้และระยะไกล ไม่ว่าจะถ่ายเซลฟี่เดี่ยวหรือกลุ่ม กล้องจะปรับโฟกัสได้อัตโนมัติและแม่นยำ
ด้วยความละเอียด 50MP ที่ถ่ายภาพได้ในระดับ 8K คุณสามารถครอปภาพเพื่อซูมเข้าไปดูรายละเอียดได้โดยไม่เสียคุณภาพ ทำให้ภาพเซลฟี่ยังคงคมชัดและสมบูรณ์แบบ



ด้านวิดีโอ กล้องหน้ารองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60fps พร้อม Dolby Vision HDR ให้ช่วงไดนามิกกว้าง สีสันสมจริง และคมชัดระดับมืออาชีพ เหมาะกับการถ่าย Vlog หรือคอนเทนต์ที่ต้องการคุณภาพสูง
นอกจากนี้ยังรองรับโหมดต่างๆ เช่น Hasselblad Portrait ที่ให้โทนสีผิวธรรมชาติและสวยงาม โหมดกลางคืนสำหรับถ่ายเซลฟี่ในแสงน้อย และ AI Portrait Glow ที่ช่วยปรับแสงแบบมืออาชีพให้ภาพพอร์ตเทรตดูมีมิติและบรรยากาศแบบภาพยนตร์ ทำให้กล้องหน้า Find X9 Pro เป็นหนึ่งในกล้องหน้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในระดับเดียวกัน
Hasselblad Teleconverter เพิ่มความเป็นมืออาชีพ

ไอเท็มเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับการถ่ายภาพไปอีกขั้น OPPO มีชุดเลนส์เสริม Hasselblad Teleconverter ที่เป็นเลนส์เทเลโฟโต้ 3.28x ระยะโฟกัส 230 มม. โครงสร้างเลนส์ Kepler ประกอบด้วยชิ้นเลนส์แก้วทรงกลมทั้งหมด 13 ชิ้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม พร้อมเลนส์แก้วพิเศษ Extra-low Dispersion อีก 3 ชิ้น ช่วยลดความเพี้ยนของแสงและสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ คืนความแม่นยำของโทนสีให้สมจริงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเคลือบผิวเลนส์ด้วย PVD Low-reflection ถึง 9 ชั้น ลดแสงสะท้อนจากแสงย้อนและคงรูรับแสงกว้างของเลนส์เทเลโฟโต้ไว้ได้อย่างเต็มที่
เมื่อนำมาประกอบกับตัวเครื่อง OPPO Find X9 Pro ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพซูมระยะไกล ให้มีความคมชัด สว่างใส เก็บรายละเอียดในระดับออปติคอลได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับอุปกรณ์นี้จะเป็นอุปกรณ์เสริมที่จะต้องซื้อเพิ่ม ที่เราบอกเลยว่า ถ้าคุณชื่นชอบการถ่ายภาพ และอยากปลดล็อกการถ่ายภาพบน OPPO Find X9 Pro สู่จุดสูงสุด ก็แนะนำให้หามาใช้งาน เชื่อเลยว่าจากนี้เวลาไปเที่ยวที่ไหน หรือไปงานคอนเสิร์ต นี่จะเป็นคู่หูในการถ่ายภาพได้อย่างที่คุณต้องการ

รู้จักกับ LUMO Imaging Engine เทคโนโลยีการประมวลผลภาพขั้นสูง ใน OPPO Find X9 Series
ด้วยฮาร์ดแวร์อันโดดเด่นของ OPPO Find X9 Series ยังได้รับการเสริมด้วยซอฟต์แวร์อย่าง LUMO Image Engine ระบบถ่ายภาพด้วยการประมวลผลขั้นสูงที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพโดยการเพิ่มความชัดเจน ช่วงไดนามิก และการลดนอยส์ ขณะเดียวกันก็รักษาโทนสีที่เป็นธรรมชาติและสมจริง
LUMO Image Engine นำเสนอกระบวนการสร้างภาพที่ปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมดด้วยการประมวลผลแบบคู่ขนานแทนที่จะเป็นกระบวนการที่ช้าและต่อเนื่องกัน ระบบจะประสานการทำงานของ ISP, NPU, GPU และ CPU ให้ทำงานกับภาพเดียวกันพร้อมกัน แต่ละส่วนประกอบจะได้รับมอบหมายงานเฉพาะที่เหมาะสมที่สุด ทำให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงและผสานรวมเป็นหนึ่ง
ผลลัพธ์ที่ได้คือนอกจากประสิทธิภาพการประมวลผลที่รวดเร็ว ยังช่วยลดภาระของ CPU และการใช้พลังงานลงได้ถึง 50% ปลดล็อกประสบการณ์การใช้งานกล้องระดับใหม่บน Find X9 Series
เทคโนโลยีหลักที่ขับเคลื่อน LUMO Image Engine
- OPPO ร่วมมือกับ MediaTek และ Sony ในการออกแบบกระบวนการประมวลผลภาพ (Imaging Pipeline) โดยถ่ายโอนขั้นตอนการประมวลผลหลักจากเซนเซอร์ไปยังชิปประมวลผล เพื่อให้การถ่ายวิดีโอยาวนานขึ้นโดยใช้พลังงานต่ำและไม่ร้อนเกินไป
- AI Denoise และ AI Demosaic ใช้โมเดลที่ผ่านการฝึกอบรมด้วย AI เพื่อการกำจัดนอยส์อย่างชาญฉลาด ส่งผลให้การลดนอยส์และรายละเอียดของภาพดีขึ้นอย่างมาก เทคโนโลยี Low-Light Denoising ลดนอยส์ในสภาพแสงน้อยอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ภาพถ่ายกลางคืนคมชัดและสว่างขึ้น
- RAW Multi-Frame Fusion รวมหลายเฟรมความละเอียดสูงเพื่อให้ได้รายละเอียดและพื้นผิวคมชัดยิ่งขึ้น ระบบจะวิเคราะห์หลายภาพที่ถ่ายติดต่อกันแล้วผสานเข้าด้วยกัน ทำให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดมากกว่าการถ่ายเพียงภาพเดียว
- True-to-Life Color เก็บสีสันได้แม่นยำสมจริงดั่งตาเห็น ไม่ว่าจะถ่ายในสภาพแสงใด สีที่ได้ก็จะเป็นธรรมชาติไม่เกินจริง กล้องสีสันสมจริง (True Color Camera) 9-channel Multispectral ช่วยเสริมการทำงานให้โทนสีแม่นยำยิ่งขึ้น
- HyperTone Image Engine รักษาความสมบูรณ์ของภาพโดยแสดงไฮไลท์และเงาด้วยโทนสีธรรมชาติ ป้องกันไม่ให้ภาพดูผ่านการประมวลผลมากเกินไป แม้ถ่ายในสถานการณ์ที่ท้าทาย เช่น ฉากที่มีทั้งแสงสว่างและเงามืดในภาพเดียวกัน ระบบก็จะปรับสมดุลให้ทั้งสองส่วนดูเป็นธรรมชาติ
- Lightning Snap Engine จับภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวรวดเร็วได้อย่างชัดเจนอย่างเหลือเชื่อ โดยถ่ายภาพได้สูงสุด 10 ภาพต่อวินาที พร้อมความเบลอจากการเคลื่อนไหวที่น้อยที่สุด เหมาะสำหรับการถ่ายเด็กวิ่งเล่น สัตว์เลี้ยงกระโดด หรือกีฬาแอคชั่น

เจาะลึก รีวิว โหมดกล้องใน OPPO Find X9 Pro
รีวิวนี้เราอาจจะไม่ได้เอามาทุกโหมดที่มีอยู่ใน OPPO Find X9 Pro มาเล่าให้เพื่อนๆ ครบทั้งหมด แต่จะเน้นกับโหมดการถ่ายที่ดีและโดดเด่น ต้องบอกว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก และเป็นจุดที่ทำให้เราสนุกกับการใช้งานเพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอในทุกโอกาสอย่างที่ใจต้องการจริงๆ
Stage Mode – ถ่ายคอนเสิร์ตให้คมชัดเป็นพิเศษ
Stage Mode เป็นโหมดที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอในคอนเสิร์ต เพียงแตะปุ่มในโหมด Camera หรือ Video ก็จะมีให้เลือก ตัวระบบจะปรับคอนทราสต์และความคมชัดโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด แม้ในสภาพแสงที่ท้าทาย
โหมดนี้ทำงานร่วมกับกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto ช่วยให้ซูมไกลถึง 120x ได้อย่างคมชัดในการถ่ายภาพ
และถ่ายวิดีโอซูมนั้นทำได้ดีมาก สามารถเลือกได้ไกลสุดที่ 18x ในความละเอียด 4K 60fps โดยเลือกเปิด HDR และระบบกันสั่นได้ ทำให้คุณสามารถถ่ายคลิปศิลปินบนเวทีได้แม้อยู่ไกลๆ รายละเอียดสีสันและแสงไฟบนเวทีจะถูกปรับให้สมบูรณ์แบบโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ Find X9 Pro ยังมีระบบไมโครโฟน 4 ตัวระดับสตูดิโอ รองรับ “โฟกัสเสียง” ที่ช่วยเน้นเสียงนักร้องและลดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้ได้วิดีโอที่มีทั้งภาพและเสียงคุณภาพสูง เหมาะกับการบันทึกช่วงเวลาสำคัญในคอนเสิร์ต
Hasselblad Portrait Mode – ถ่ายพอร์ตเทรตสวยทั้งกลางวันและกลางคืน

ออปโป้ไม่เคยทำให้คุณผิดหวังในการถ่ายพอร์ตเทรต ด้วยระบบกล้องให้คุณเลือกระยะโฟกัสได้อิสระตั้งแต่ 1x (23mm) ถึง 3.6x (85mm) โดยไม่จำกัดเฉพาะตัวเลือก ทำให้ถ่ายพอร์ตเทรตได้หลากหลายมุมมอง ตั้งแต่ภาพเต็มตัวไปจนถึงระยะโคลสอัพ
ระบบ LUMO Image Engine ช่วยตัดขอบวัตถุได้แม่นยำแม้กระทั่งเส้นผมแต่ละเส้น พร้อมโบเก้แบบภาพยนตร์ที่เลียนแบบคุณลักษณะของเลนส์ Hasselblad รุ่นคลาสสิก ภาพที่ได้จึงมีความลึกและบรรยากาศแบบมืออาชีพ ภาพที่ได้ตัวบุคคลจึงไม่แข็งโดดออกจากฉากหลัง มองเห็นไรผมที่เป็นธรรมชาติ












กล้องสีสันคมชัดช่วยเก็บโทนสีผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น แม้ในสถานการณ์ที่ท้าทาย เช่น การถ่ายภาพพอร์ตเทรตตอนกลางคืนภายใต้แสงนีออนผสม ไม่ว่าจะถ่ายในแสงน้อยหรือย้อนแสง ก็ยังคงความสวยงามและสีสันที่แท้จริง
โหมด 200MP Hi-Res ปลดล็อกความละเอียด 16K

หากต้องการความคมชัดสูงสุด ให้เปิดใช้งาน โหมด Hasselblad Hi-Res และเลือกตัวเลือก 200MP ที่ด้านบนของหน้าจอ การตั้งค่านี้จะปลดล็อกศักยภาพของเซ็นเซอร์ 200MP ให้ได้ภาพความละเอียดระดับ 16K ที่ยอดเยี่ยม
เมื่อดูภาพที่ถ่ายด้วยโหมดนี้ ไอคอน “16K UltraHD” จะปรากฏที่มุมซ้ายบน เพื่อยืนยันคุณภาพความละเอียดสูงพิเศษ แม้จะซูมหรือครอปภาพในภายหลัง รายละเอียดก็ยังคงคมชัดสมบูรณ์ เหมาะกับการถ่ายภาพที่ต้องการความละเอียดสูงมาก เช่น ภาพสถาปัตยกรรมหรือภาพธรรมชาติ

ทาง OPPO แนะนำว่าควรใช้ฟีเจอร์นี้ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างเพียงพอ เช่น การถ่ายภาพกลางแจ้งในเวลากลางวัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่เราก็มีเอาไปทดสอบในการถ่ายตอนกลางคืนในพื้นที่ๆ มีแสงสว่างก็ยังสามารถทำได้ดีเช่นกัน
Hasselblad XPAN Mode – ถ่ายภาพพาโนรามาสไตล์ภาพยนตร์

ถ่ายภาพพาโนรามาอัตราส่วน 65:24 ที่เป็นสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Hasselblad มอบมุมมองแบบภาพยนตร์ที่กว้างขวาง สามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้ด้วยความคมชัดระดับ 8K พร้อมภาพเคลื่อนไหวสไตล์การพัฒนาแบบคลาสสิก
โหมดนี้เหมาะกับการถ่ายภาพทิวทัศน์ ตึกสูง หรือฉากที่ต้องการความกว้างพิเศษ ให้บรรยากาศแบบภาพยนตร์ที่แตกต่างจากการถ่ายภาพทั่วไป ช่วยเพิ่มมิติและความน่าสนใจให้กับภาพถ่ายของคุณ



นอกจากนั้น ยังมีลูกเล่นเพิ่มขึ้นคือ มีโทนฟิล์มให้เลือกมากขึ้น ทำให้การถ่ายในโหมดนี้ให้อารมณ์แบบกล้องฟิล์มย้อนยุคได้หลากหลายกว่าเก่า ให้คุณถ่ายทอดอารมณ์ของภาพถ่ายแบบเจน Z ได้สนุกมากขึ้น
โหมด Master – ควบคุมการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ

ให้คุณปรับตั้งค่าควบคุมด้วยตนเองอย่างเต็มรูปแบบสำหรับการปรับแต่งทุกพารามิเตอร์ ไม่ใช่เฉพาะค่าความเร็ว, รูรับแสง หรือ ISO แต่ให้คุณปรับตั้งค่าโทนสีแบบ color science ตามสไตล์ของกล้อง Hasselblad X2D ทำให้ได้สีสันที่เป็นเอกลักษณ์ของ Hasselblad อย่างแท้จริง
ผู้ใช้สามารถเลือกปรับตั้งโปรไฟล์โทนสีที่ตั้งไว้ล่วงหน้าได้หลากหลาย หรือสร้างและบันทึกการตั้งค่าที่กำหนดเองได้ รองรับการถ่ายภาพในหลายรูปแบบ รวมถึง JPEG MAX ความละเอียดสูง 50MP และ RAW MAX ที่ให้คุณนำไปเข้าโปรแกรมเพื่อปรับแต่งแสง สี และรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างอิสระ เหมาะกับช่างภาพมืออาชีพหรือผู้ที่ต้องการควบคุมภาพถ่ายในทุกมิติ






เป็นโหมดที่ให้ความสนุกในการถ่ายภาพที่ปรับแต่งได้เยอะมากๆ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพแบบปั้นช็อตพร้อมโทนสีที่เป็นแบบต้องการ ที่มีความคมชัดมากกว่าการใช้ฟิลเตอร์มาย้อมหรือปรับแต่งภาพภายหลัง
ถ่ายวิดีโอ 4K 120fps ระดับ Dolby Vision

Find X9 Pro รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K 120fps ใน Dolby Vision HDR ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังสามตัว โดยไม่กระทบต่อระบบกันสั่น ช่วยให้เราถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่นคุณภาพสูงได้อย่างลื่นไหลและมีความเสถียร
เมื่อกล้องหลักและกล้อง Telephoto สามารถถ่าย 4K 120fps ได้ ทำให้บันทึกช่วงเวลาสำคัญได้อย่างคมชัด แม้จะเป็นวัตถุที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว เหมาะกับการถ่ายวิดีโอกีฬา การแสดง หรือสัตว์เลี้ยงที่วิ่งเล่น
OPPO ได้ปรับปรุงกระบวนการถ่ายวิดีโออย่างเต็มที่ ผลลัพธ์ที่ได้คือระบบกันสั่นที่ดีขึ้น โฟกัสอัตโนมัติและสมดุลแสงขาวอัตโนมัติที่สม่ำเสมอ และการเปลี่ยนภาพระหว่างเลนส์ที่ราบรื่นยิ่งขึ้นระหว่างการบันทึก
โหมดวิดีโอ PRO และการถ่าย LOG

เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากที่สุดสำหรับเราในการรีวิวครั้งนี้ เพราะนี้คือสิ่งที่ครีเอเตอร์ต้องการกับโหมดถ่ายวิดีโอแบบโปร ที่ไม่ใช่แค่การตั้งค่ากล้องเพียงอย่างเดียว แต่ทำได้ถึงระดับการบันทึก LOG เต็มรูปแบบ ที่ให้คุณนำไปทำการเกรดสีเพื่อใช้ในงานโปรดักชันหรืองานวิดีโอระดับมืออาชีพได้
และยังมีฟังก์ชัน LUT Preview ให้ผู้ใช้สามารถเห็นภาพการปรับแต่งสีหลังการถอด LOG ได้แบบเรียลไทม์ ในขณะที่ยังคงบันทึกด้วยช่วงไดนามิกที่สูงที่สุด ทำให้มั่นใจว่าจะได้วิดีโอคุณภาพสูงที่นำไปทำงานต่อได้อย่างที่ต้องการมากที่สุด
นอกจากนี้ LOG ของ OPPO Find X9 Pro ยังได้รับการรับรอง ACES ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกสำหรับการจัดการสีภาพยนตร์ หมายความว่าภาพจะถูกผสานรวมเข้ากับงานระดับมืออาชีพได้อย่างลงตัว
โหมดภาพเคลื่อนไหว (Motion Photo) คมชัดระดับ 4K

OPPO Find X9 Series เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่รองรับ โหมดภาพเคลื่อนไหวคมชัดระดับ 4K บันทึกช่วงเวลาอันมีชีวิตชีวาด้วยความคมชัดสี่เท่า จากเดิมที่จำกัดไว้ที่ความละเอียด 2K หรือ 1080p เท่านั้น
คุณสามารถใช้ความสามารถนี้ในการเก็บช่วงเวลาสำคัญไว้ได้ด้วยความละเอียดที่สูงช่วง 1.5 วินาทีก่อนและหลังการกดชัตเตอร์ หากรูปภาพหน้าปกไม่ใช่ภาพที่สมบูรณ์แบบ สามารถดึงเฟรมใดๆ จากคลิปวิดีโอ 4K ออกไปเป็นภาพนิ่งที่คมชัด
เมื่อต้องการใช้โหมดนี้ ให้เปิดใช้งาน โหมดความละเอียดสูง Hasselblad แล้วแตะไอคอน 4K ที่ด้านบนของหน้าจอ นอกจากนี้ยังสามารถแชร์ภาพเคลื่อนไหวได้โดยตรงไปยัง Instagram โดยสลับรูปแบบจาก “รูปภาพ” เป็น “วนซ้ำ” ได้อย่างง่ายดาย หรือจะเอาไปตัดต่อเป็นคลิปวิดีโอก็ใช้ได้ด้วยเช่นกัน
ถ่ายภาพ 50MP เป็นความละเอียดพื้นฐานในทุกเลนส์


เป็นครั้งแรกใน Find X9 Series ที่กล้องหลังทั้งสามตัวรองรับความละเอียด 50MP ค่าเริ่มต้น ทำให้เวลาถ่ายภาพในสภาพแสงที่เหมาะสม ก็จะเก็บภาพที่คมชัดเป็นพิเศษและมีความละเอียดสูงในทุกระยะโฟกัส
ตัวระบบได้รับการออกแบบมาให้ทำงานอย่างชาญฉลาด ในสภาวะที่ท้าทาย เช่น แสงน้อยหรือเมื่อตัวเครื่องร้อน Find X9 Series จะปรับความละเอียดภาพให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติที่ 25MP หรือ 12MP เพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด
แต่สำหรับสถานการณ์ที่ต้องการความละเอียดสูงสุด เราก็สามารถเลือก โหมด Hasselblad Hi-Res เฉพาะได้ ช่วยให้ช่างภาพสามารถควบคุมการถ่ายภาพ 50MP ได้หลากหลายสถานการณ์มากขึ้น
โหมดกลางคืน ถ่ายแสงสีสวยคมชัด
สำหรับการถ่ายภาพในเวลากลางคืน ภาพที่ได้นั้นสามารถเก็บความคมชัดของแสงในภาพได้อย่างน่าประทับใจ โดยภาพจะไม่ได้สว่างจนผิดธรรมชาติ รวมถึงยังไม่มี noise เกิดในเงามืดภาพ ภาพที่ถ่ายออกมาจึงดูเคลียร์ใสสวยงาม





ประสิทธิภาพ สเปก และแบตเตอรี่
OPPO Find X9 Series คือสมาร์ตโฟนระดับเรือธงที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการใช้งานในประสิทธิภาพสูง ตั้งแต่การใช้งานระดับทั่วไปในแต่ละวัน ไปจนถึงการใช้งานขั้นสูงอย่างการเล่นเกมระดับ AAA หรืองานตัดต่อวิดีโอ ก็พร้อมรับมือได้อย่างไม่มีปัญหา
ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9500

OPPO Find X9 Series เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนรุ่นแรกๆ ที่ได้ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9500 รุ่นล่าสุด ผลิตบนกระบวนการ 3 นาโนเมตร ขั้นสูงของ TSMC มาพร้อมดีไซน์ซีพียู All Big Core เจนเนอเรชันที่ 3 ที่ประกอบด้วยอัลตราคอร์ความเร็ว 4.21 GHz หนึ่งตัว คอร์พรีเมียมสามตัว และคอร์ประสิทธิภาพสูงอีกสี่ตัว
นอกจากนี้ยังมี GPU Arm G1-Ultra รุ่นใหม่สำหรับกราฟิกระดับชั้นนำ และ MediaTek NPU 990 เจเนอเรชันที่ 9 ที่มอบประสิทธิภาพด้าน AI ที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด จากการทดสอบพบว่า CPU เร็วขึ้นถึง 32% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 55% ในขณะที่ GPU เร็วขึ้น 33% และประหยัดพลังงาน 42% ส่วน NPU นั้นโดดเด่นมากด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นถึง 111% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 56%
ด้วยสเปคระดับเรือธงปี 2025 เรียกได้ว่าใช้งานต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล หรือจะเล่นเกมหนักๆ ที่ต้องการเฟรมเรตสูงก็ไม่มีปัญหา เล่นต่อเนื่องก็ยังคงมีความเสถียร เฟรมเรตไม่แกว่งไม่ร่วง
OPPO Trinity Engine – ปลดปล่อยพลังสูงสุด
สิ่งที่ทำให้ OPPO Find X9 Pro แตกต่างคือการทำงานร่วมกันอย่างลงตัวระหว่าง OPPO Trinity Engine กับชิปเซ็ต MediaTek เทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ MediaTek เพื่อปรับปรุงการจัดการทรัพยากรในระดับชิป ทำให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่สูงอย่างต่อเนื่องและประหยัดพลังงานเหนือกว่า
Trinity Engine ใช้เทคโนโลยีการซิงค์เฟรมไดนามิกระดับชิปที่ติดตามความต้องการการเรนเดอร์ระบบแบบเรียลไทม์ และกระจายพลังการประมวลผลอย่างชาญฉลาด ส่งผลให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 37% ในสถานการณ์ที่มีความเครียดสูง ระบบยังสร้างแบบจำลองการประมวลผลแบบเต็มรูปแบบสำหรับ CPU, GPU และ DSU เพื่อให้ได้ความแม่นยำมากกว่า 90% ในการคาดการณ์การใช้พลังงาน
ตัวกำหนดตารางการทำงานแบบตั้งโปรแกรมได้ของ OPPO สามารถลดความซ้ำซ้อนของคำสั่งได้มากถึง 29.6% ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานลง 15.65% ในสถานการณ์การเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ Offload ที่ใช้ประโยชน์จากชิปเซ็ต Dimensity เพื่อจัดการงานหนักๆ ที่โดยปกติแล้วจัดการโดยเซ็นเซอร์ภาพ ส่งผลให้ใช้พลังงานน้อยลง 16.1% ในระหว่างการบันทึกวิดีโอ 4K 60fps HDR
แบตเตอรี่ 7500 mAh ใช้งานต่อเนื่องยาวๆ แบบหายห่วง

หนึ่งในจุดเด่นที่โดดเด่นที่สุดของ OPPO Find X9 Pro คือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 7500 mAh เหนือกว่า OPPO Find X8 Pro ที่มีความจุ 5,910 mAh อย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่น่าประทับใจคือแม้จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขนาดนี้ ตัวเครื่องก็ยังคงความบางเพียง 8.25 มม. เท่าเดิม
เมื่อผสานกับชิปเซ็ตที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและการปรับแต่งซอฟต์แวร์ที่แม่นยำของ OPPO ทำให้ OPPO Find X9 Pro สามารถใช้งานได้ยาวนานเฉลี่ยถึง 1วันต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าคุณจะถ่ายรูปในคอนเสิร์ต ดูวิดีโอ หรือใช้งานหนักแค่ไหน ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมด
ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ซิลิคอนคาร์บอนรุ่นที่ 3 ของ OPPO ที่ประกอบด้วยซิลิคอน 15% ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานได้ดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่กราไฟต์แบบดั้งเดิม ที่สำคัญกว่านั้นคือแบตเตอรี่ได้รับการออกแบบมาเพื่อความทนทานในระยะยาว โดยสามารถคงความจุเดิมไว้ได้ถึง 80% แม้จะผ่านการใช้งานทั่วไปนานถึง 5 ปี ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอปีแล้วปีเล่า
ชาร์จไว 80W SUPERVOOC และชาร์จไร้สาย 50W AIRVOOC

ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 7500 mAh OPPO Find X9 Pro ก็ไม่ทำให้คุณต้องรอชาร์จนาน ด้วยเทคโนโลยีการชาร์จไว 80W SUPERVOOC ผู้ใช้สามารถใช้งานได้นานหลายชั่วโมงภายในไม่กี่นาที เหมาะสำหรับคนที่ต้องรีบออกจากบ้านแต่ลืมชาร์จเครื่องไว้ตอนกลางคืน
นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 55W ด้วยอุปกรณ์ชาร์จ USB PD จากผู้ผลิตรายอื่นที่รองรับ ทำให้ไม่จำเป็นต้องพกหัวชาร์จของตัวเองไปทุกที่ สำหรับคนที่ชอบความสะดวกสบายแบบไร้สาย OPPO ก็ไม่ทิ้งไว้ข้างหลัง ด้วยการชาร์จไร้สาย 50W AIRVOOC และการชาร์จไร้สายย้อนกลับ 10W ที่สามารถแชร์พลังงานให้กับอุปกรณ์อื่นได้อีกด้วย
ระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling
การใช้งานที่หนักหน่วงอย่างการบันทึกวิดีโอ 4K หรือเล่นเกมเป็นเวลานานมักจะทำให้สมาร์ตโฟนร้อนจนรู้สึกไม่สบายได้ แต่กับ OPPO Find X9 Pro ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขด้วยระบบระบายความร้อนที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยมีพื้นที่กระจายความร้อนรวมขนาดใหญ่ถึง 36,344.4 ตร.มม. ใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 33.7%
ระบบนี้ผสมผสานวัสดุขั้นสูงหลายชนิดเข้าด้วยกัน ทั้ง Vapor Chamber ที่ออกแบบใหม่ เจลระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง และกราไฟต์ขนาดใหญ่ โดย Vapor Chamber ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดด้วยตาข่ายสแตนเลสสตีลหนาพิเศษเพียง 0.025 มม. ซึ่งช่วยลดความหนาลงพร้อมทั้งปรับปรุงการนำความร้อนอย่างมีนัยสำคัญ ระบบนี้ครอบคลุมส่วนประกอบสำคัญต่างๆ รวมถึงโมดูลกล้อง เพื่อป้องกันปัญหาความร้อนสะสมขณะใช้งานหนัก เช่น การบันทึกวิดีโอ 4K

ColorOS 16 และฟีเจอร์ AI
ในปีนี้ OPPO มีการปรับปรุงระบบปฏิบัติการ ColorOS 16 ที่แตกต่างจากเวอร์ชันก่อนตั้งแต่การออกแบบหน้าตาที่สวยงาม การเคลื่อนไหว ฟีเจอร์การใช้งานรวมถึงประสิทธิภาพด้าน AI ที่รองรับใช้งานได้หลากหลายและสะดวกมากกว่าเดิม
ColorOS 16 – ลื่นไหลและชาญฉลาดยิ่งขึ้น
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา OPPO มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหลและชาญฉลาดผ่านระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ และในเวอร์ชันล่าสุด ColorOS 16 ถือเป็นก้าวสำคัญในวิสัยทัศน์นี้ ด้วยการนำเสนอมาตรฐานใหม่แห่งความลื่นไหลที่ขับเคลื่อนด้วย Luminous Rendering Engine และ Trinity Engine ใหม่ทั้งหมด มอบประสบการณ์ AI ส่วนบุคคลที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วย Google Gemini และความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการเชื่อมต่อข้ามอุปกรณ์
Seamless Animation – ลื่นไหลเป็นธรรมชาติและไร้รอยต่อ
ในรุ่นก่อนหน้าอย่าง ColorOS 15 ได้มีการเปิดตัว Parallel Animation ฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถเรนเดอร์ภาพเคลื่อนไหวหลายภาพพร้อมกันได้ เพื่อรักษาความลื่นไหลของระบบแม้ในงานที่ต้องใช้ทรัพยากรสูง แต่ใน ColorOS 16 ได้มีการพัฒนาเป็น Seamless Animation ที่ขยายความสามารถแบบขนานนี้ไปทั่วทั้งระบบปฏิบัติการ เพื่อให้ทุกการโต้ตอบรู้สึกตอบสนองและเชื่อมโยงกันทางภาพได้ดียิ่งขึ้น
ความลื่นไหลที่เพิ่มขึ้นนี้สังเกตได้ชัดเจนในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการความรวดเร็ว เช่น การเปิดและปิดแอปอย่างรวดเร็วจากหน้าจอหลักหรือลิ้นชักแอป รวมถึงการสลับไปมาระหว่างแอปต่างๆ ด้วยท่าทางหรือการนำทางผ่านวิดเจ็ตต่างๆ ภายในแอปพื้นฐานของ OPPO แอนิเมชันได้รับการออกแบบให้เริ่มต้นจากจุดสัมผัส และกลับสู่ตำแหน่งเริ่มต้นเมื่อปิดแอป สิ่งนี้สร้างภาพความลื่นไหลที่เชื่อมโยงกัน เพื่อให้ระบบทั้งหมดใช้งานง่ายยิ่งขึ้น

Luminous Rendering Engine – เทคโนโลยีแห่งความลื่นไหล
เทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนความลื่นไหลของระบบนี้คือ Luminous Rendering Engine ใหม่ทั้งหมด แทนที่จะเรนเดอร์ส่วนประกอบทีละชิ้น ระบบจะควบคุมองค์ประกอบภาพทั้งหมดและเรนเดอร์ไปพร้อมๆ กัน วิธีนี้ช่วยลดการสะดุดระหว่างแอนิเมชัน ทำให้ระบบปฏิบัติการทำงานได้อย่างราบรื่นสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบนหน้าจอของคุณมากเพียงใด
เทคโนโลยีนี้ยังช่วยให้คุณเปิดและปิดหลายแอปได้อย่างรวดเร็วจากหน้าจอหลักหรือจากแอปที่แนะนำในการค้นหาสากล และสังเกตได้ว่าภาพเคลื่อนไหวจะยังคงลื่นไหลและเสถียร โดยไม่กระตุกเลย แม้ในระหว่างการใช้งานที่รวดเร็วเหล่านี้
หน้าจอหลัก Flux – ปรับแต่งได้อย่างอิสระ

ColorOS 16 ได้นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่าหน้าจอหลัก Flux ซึ่งต่อยอดมาจากคุณสมบัติที่ผู้ใช้ชื่นชอบอย่าง Big Folder ที่ช่วยให้โฟลเดอร์สามารถขยายบนหน้าจอหลักและเปิดแอปได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว
ตอนนี้ผู้ใช้สามารถกดค้างที่โฟลเดอร์ใดก็ได้เพื่อปรับขนาดให้เป็นรูปทรงต่างๆ เช่น ทรงสูง ทรงกว้าง หรือรูปแบบขนาดใหญ่ ขณะที่โฟลเดอร์ถูกปรับขนาด เลย์เอาต์หน้าจอหลักที่อยู่รอบๆ ก็จะปรับเปลี่ยนไปตามรูปทรงใหม่แบบไดนามิก โดยมีภาพเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลสวยงามซึ่งขับเคลื่อนด้วย Luminous Rendering Engine

ความยืดหยุ่นในการปรับขนาดนี้ยังถูกขยายไปยังไอคอนแอปด้วย นับเป็นครั้งแรกบน ColorOS ที่ผู้ใช้สามารถขยายไอคอนแอปใดก็ได้ ทำให้แอปที่ใช้งานบ่อยค้นหาและแตะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถฝังการดำเนินการด่วนลงในไอคอนที่ขยายใหญ่ขึ้นได้โดยตรง ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถเพิ่มทางลัดสำหรับโหมดวิดีโอ โหมดพอร์ตเทรต หรือโหมด Hasselblad XPAN ของแอปกล้องถ่ายรูป เพื่อให้เข้าถึงฟีเจอร์หลักเหล่านี้ได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียวจากหน้าจอหลักเลย
Aqua Dynamics – ข้อมูลสำคัญแสดงไว ไม่ต้องเปิดแอป

Aqua Dynamics คือระบบแสดงข้อมูลแบบย่อที่ช่วยให้คุณดูข้อมูลต่างๆ และโต้ตอบกับมันได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเปิดแอปพลิเคชัน ระบบนี้ใช้เทคโนโลยี Luminous Rendering Engine ทำให้ภาพเคลื่อนไหวดูสวยงาม ลื่นไหล และตอบสนองต่อการสัมผัสของคุณได้อย่างแนบเนียน เวลาที่คุณเลื่อนหน้าจอ อินเทอร์เฟซก็จะเคลื่อนไหวตามนิ้วของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ
ตอนนี้ OPPO ได้ขยายการรองรับให้ครอบคลุมแอปพลิเคชันที่คุณชื่นชอบมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นแอปฟังเพลง แอปติดตามการเดินทาง หรือแม้แต่แอปสั่งอาหารต่างๆ และที่สำคัญคือ OPPO ได้ทำงานร่วมกับ Google เพื่อรวม Google Sports เข้ามาในระบบด้วย ทำให้คุณสามารถติดตามผลคะแนนและโอกาสในการชนะแบบเรียลไทม์ของทีมกีฬาโปรดได้โดยตรงใน Aqua Dynamics
AI Mind Space – ผู้ช่วย AI ส่วนตัวที่จำทุกอย่างให้คุณ

หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดของ ColorOS 16 คือ AI Mind Space ซึ่งเป็นเสมือนศูนย์รวมข้อมูลแบบครบวงจรที่จัดระเบียบและทำให้ทุกสิ่งที่บันทึกไว้สามารถเข้าถึงได้จากที่เดียว เพียงคุณปัดขึ้นด้วยสามนิ้ว ข้อมูลที่อยู่บนหน้าจอจะถูกบันทึกเข้าสู่ AI Mind Space ส่วนตัวของคุณทันที

ที่ด้านข้างของตัวเครื่อง คุณสามารถกดปุ่ม Snap Key สั้นๆ เพื่อเรียกใช้ AI Mind Space หรือจะกดค้างไว้เพื่อบันทึกพร้อมกับเพิ่มบันทึกเสียงก็ได้ สิ่งที่พิเศษคือ AI Mind Space ไม่ได้แค่เก็บแต่ยังเข้าใจเนื้อหาของคุณด้วย
ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเห็นโปสเตอร์คอนเสิร์ตอยู่ข้างนอก คุณสามารถเปิดกล้องแล้วเรียกใช้ AI Mind Space มันจะจดจำรายละเอียดสำคัญ เช่น วันที่และเวลาได้โดยอัตโนมัติ และแนะนำให้คุณเพิ่มข้อมูลเหล่านั้นลงในปฏิทินได้ทันทีโดยที่คุณไม่ต้องถ่ายรูปก่อนด้วยซ้ำ

หรือการแคปภาพหน้าจอจากเว็บไซต์ข่าวสารที่คุณสนใจ สามารถกดบันทึกภาพแบบยาวเพื่อเก็บเนื้อหาทั้งหมดที่ต้องการบันทึก แล้วเลือกเก็บภาพลงใน AI Mind Space ระบบจะทำการสรุปเนื้อหาในหน้าเว็บนั้นให้คุณเพื่อที่จะอ่านสั้นๆ ก็เข้าใจเนื้อหาสำคัญได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาอ่านทั้งหมด และมีการบันทึกลิงก์หน้าเว็บที่บันทึกเพื่อเปิดกลับไปอ่านต้นฉบับได้ด้วย
เชื่อมโยงข้อมูลส่วนตัวกับ Google Gemini
OPPO ในฐานะพันธมิตรระยะยาวของ Google ได้นำ Google Gemini มาผนวกเข้ากับระบบปฏิบัติการ ColorOS อย่างลึกซึ้ง โดยการนำเอา AI Mind Space เข้าไปผสานรวมกับ Gemini ทำให้ Gemini สามารถใช้ AI Mind Space ของคุณเป็นฐานความรู้ส่วนตัวได้เลย ช่วยทำลานและให้คำตอบรวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นส่วนตัวและตรงใจคุณได้อย่างแท้จริงและลึกซึ้ง
ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสั่งงานว่า “วางแผนทริปไปญี่ปุ่นโดยใช้โน้ตและบทความทั้งหมดที่ฉันบันทึกไว้ใน Mind Space แล้วดูด้วยว่าพรุ่งนี้อากาศดีสำหรับการไปเที่ยวไหม” Gemini จะทำการวิเคราะห์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องที่คุณได้บันทึกไว้ใน Mind Space อย่างชาญฉลาด จากนั้นจะดึงข้อมูลสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ผ่าน Google Search แล้วจึงสร้างแผนการเดินทางที่ปรับแต่งมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ นี่คือความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ที่รู้จักคุณอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถสั่งงานด้วยคำสั่งภาษาธรรมชาติเพื่อให้ Gemini เข้าไปจัดการหรือทำงานบางอย่างในแอปพลิเคชันหลักของ OPPO ได้โดยตรง เช่น แอปการตั้งค่า นาฬิกา ปฏิทิน และโน้ต การผนวกรวมนี้ยังครอบคลุมถึงฟีเจอร์ Gemini Live ซึ่งเป็นการช่วยเหลือแบบมีคำแนะนำโดยใช้การแชร์ภาพจากกล้องและการแชร์หน้าจอ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถใช้กล้องส่องไปที่เมนูอาหารภาษาต่างประเทศเพื่อแปลภาษาได้แบบเรียลไทม์ หรือรับข้อเสนอแนะที่สอดคล้องกับบริบทจาก AI ตามสิ่งที่กำลังแสดงอยู่บนหน้าจอในขณะนั้นได้อีกด้วย
สำหรับการทำงานของ Google Gemini ใน Mind Space จะมีการอัพเดตในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
ปรับแต่งหน้าจอล็อก – Motion Photo และ Full-Screen AOD

ColorOS 16 ได้เปลี่ยนหน้าจอล็อกของคุณให้กลายเป็นพื้นที่แสดงผลที่เคลื่อนไหวได้อย่างมีชีวิตชีวา มาพร้อมกับความสามารถแรกในอุตสาหกรรมที่ให้คุณใช้ Motion Photo หรือภาพถ่ายเคลื่อนไหวที่มีเอฟเฟกต์ความลึกที่สมจริงมาตั้งเป็นภาพล็อกหน้าจอ
นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งวิดีโอเป็นภาพพื้นหลัง ปรับแต่งข้อความด้วยตัวเลือกฟอนต์และการจัดวางที่หลากหลาย และรับคำแนะนำข้อความที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งจะปรับให้เข้ากับสีสันและสไตล์ของภาพพื้นหลังของคุณได้อย่างชาญฉลาด

นอกเหนือจากความสามารถของ Always-On Display แบบเดิมๆ แล้ว ColorOS 16 ยังนำเสนอ Full-Screen AOD เป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูภาพพื้นหลังหน้าจอล็อกของตน พร้อมกับข้อมูลสำคัญ เช่น เวลา วันที่ และการแจ้งเตือนได้โดยตรงบนอินเทอร์เฟซ AOD เมื่อแตะเพียงครั้งเดียว AOD จะเปลี่ยนผ่านไปยังหน้าจอล็อกแบบเต็มได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่อง
AI Portrait Glow – เติมไฟแฟลช เพิ่มชีวิตชีวาให้กับภาพพอร์ตเทรต

ColorOS 16 ได้ต่อยอดชุดเครื่องมือแก้ไขภาพถ่ายด้วย AI ที่มีอยู่เดิม อย่างเช่น ยางลบ AI, AI ปรับภาพเบลอคืนความคมชัด และ AI ลบเงาสะท้อน ด้วยฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดนั่นคือ AI Portrait Glow เครื่องมือนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขภาพถ่ายบุคคลที่มีแสงไม่ดีหรือมีข้อบกพร่องให้ดูดีขึ้นได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว
AI Portrait Glow ใช้เทคโนโลยี AI segmentation ที่แยกตัวแบบและปรับแสงอย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะถ่ายในแสงน้อย ย้อนแสง หรือแสงแรง ก็ให้โทนผิวสวยเป็นธรรมชาติ พร้อมโหมดไฟหลากหลาย เช่น Natural Light, Flash, Studio, Rim Light และ Base Light เพื่อสร้างแสงแบบมืออาชีพได้ทุกที่ ทุกเวลา
ในบางครั้งการถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่มีแสงไม่เพียงพอ เช่น ภาพที่ใบหน้ามืดกว่าปกติ คุณสามารถเข้าไปที่ AI Editor แล้วเลือก AI Portrait Glow ระบบจะทำการประมวลผลจัดการแสงบนใบหน้าให้ออกมามีความสมบูรณ์มากขึ้นและปรับระดับความเข้มของแสงได้
ตัวอย่างที่เราได้ลองถ่ายในสภาพแสงน้อยและมีเงากระทบขึ้นบนใบหน้าของนางแบบ เราใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อลบเงาที่เกิดบนใบหน้าให้หายไป ได้ใบหน้าที่สวยเนียนชัดเจนเหมือนมีไฟแฟลชสาดเพื่อลบให้อย่างเป็นธรรมชาติง่ายๆ แค่คลิกเดียว
เลือกรุ่นไหนดี? OPPO Find X9 หรือ OPPO Find X9 Pro
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9500 และ ColorOS 16 เหมือนกัน แต่ความแตกต่างชัดเจนอยู่ที่กล้องและขนาดตัวเครื่อง OPPO Find X9 Pro โดดเด่นด้วยกล้อง Hasselblad Telephoto 200MP ซูมไกลได้ถึง 120 เท่า เหมาะสำหรับสายคอนเสิร์ตและคนรักการถ่ายภาพซูม แบตเตอรี่ใหญ่ถึง 7,500mAh หน้าจอ 6.78 นิ้ว หนัก 224 กรัม หนา 8.25 มม.
ส่วน OPPO Find X9 เน้นความบางเบา หนาเพียง 7.99 มม. หนัก 203 กรัม พกพาสะดวกกว่า กล้อง Telephoto 50MP ซูมออปติคอล 2 เท่า และซูมดิจิทัลสูงสุด 10 เท่า แบตเตอรี่ 7,025mAh หน้าจอ 6.78 นิ้วเช่นกัน ถ่ายรูปทั่วไปและพอร์ตเทรตได้คมชัดดี เหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องเบาแต่สเปคแรง
แนะนำเลือก Find X9 Pro ถ้าคุณเป็นสายคอนเสิร์ต ชอบซูมถ่ายไกล หรือต้องการประสิทธิภาพกล้องสูงสุด แต่ถ้าชอบความพกพาสะดวก น้ำหนักเบา ใช้ถ่ายรูปทั่วไป Find X9 ตอบโจทย์และคุ้มค่ากว่า ทั้งสองรุ่นชาร์จเร็ว 80W เหมือนกัน กันน้ำกันฝุ่น IP66, IP68, IP69 ครบถ้วน

สรุป รีวิว OPPO Find X9 Pro ความประทับใจที่เกินคาด ไม่ใช่แค่กล้องซูมดี แต่ให้ประสบการณ์ดีแบบครบรอบด้าน
OPPO ถือเป็นผู้ผลิตที่พัฒนาสมาร์ตโฟนระดับเรือธงที่สามารถพังทลายขีดจำกัดเดิมๆ สู่ประสบการณ์ที่เหนือกว่ารุ่นก่อนๆ ได้อย่างน่าตื่นเต้นได้ทุกๆ ปี และปีนี้ไม่ใช่แค่ไม่ผิดหวัง แต่เรียกว่า “เกินคาดหวัง” ไปมาก
จุดเด่นที่โดนใจ
การปรับเซ็ตอัพของกล้องหลัง โดยเฉพาะกล้อง Telephoto คือการเสริมเขี้ยวเล็บให้การเก็บภาพและวิดีโอในการซูมที่คมชัดเทียบเท่าระดับการซูมด้วยเลนส์ออปติคอลได้ไกลมากขึ้น จากการทดสอบใช้งานของเรา ในระยะ 13.2x นั้นคือระยะที่มั่นใจหายห่วงว่าคมกริบชัดเจน และในการซูมต่อไปจนถึงระยะ 30-40x ก็ยังทำได้ดีในสภาพแสงที่เหมาะสม ส่วนการซูมในระยะที่ไกลเกิน 60x ที่มีการ AI มาช่วยสร้างความคมชัด ต้องยอมรับว่ายังมีการผิดพลาดอยู่บ้าง จะเหมาะกับการซูมทิวทัศน์มากกว่าการถ่ายบุคคลในระยะไกลโพ้น
Hasselblad Teleconverter เป็นอีกไอเท็มที่ยกระดับความเทพของการถ่ายภาพและวิดีโอไปสู่จุดที่เหนือจินตนาการของเราไปไกลแสนไกล ส่วนตัวเรายังไม่ได้ทดสอบลองใช้งานจริง แต่จากที่เป็นภาพและคลิปของหลายๆ สื่อไปทดลองใช้มา ต้องบอกว่าใครเป็นสายคอนเสิร์ต ตัวนี้ตอบโจทย์ที่คุณสามารถซูมถ่ายเก็บภาพหรือคลิปของศิลปินบนเวทีได้คมชัดในฟิลแบบใช้กล้องโปรถ่ายพร้อมเลนส์ซูมบ้องโต แต่ทั้งหมดนั้นคุณพกแค่ OPPO Find X9 Pro กับตัวเลนส์เสริม ก็เอาเข้าไปในคอนเสิร์ตก็ถ่ายได้สบายๆ
ส่วนตัวผมคิดว่า นี่ยังเหมาะสำหรับคนที่เดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือทำงาน คุณเอากล้องโปรวางเก็บไว้ที่บ้านแล้วพกชุดนี้ไปถ่ายงานแบบจริงจังได้อย่างไร้ห่วงไร้กังวล เพราะคุณภาพของไฟล์ภาพและวิดีโออยู่ในระดับที่ดีมาก นำมาแต่งแก้ปรับแต่งเพื่อทำงานต่อได้สบายๆ
โหมดการถ่ายภาพและวิดีโอ เรียกได้ว่าแพรวพราวและมีให้เล่นเยอะมาก ให้คุณใช้ได้ทั้งแบบหยิบขึ้นมาเล็งแล้วถ่าย ไปจนถึงปั้นช็อตตั้งค่า ตั้งโปรไฟล์โทนสี ให้ได้สไตล์แบบที่ต้องการ และการถ่ายไฟล์ภาพ RAW และวิดีโอ LOG ที่ถูกใจสายโปรดักชันแน่นอน
เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกประทับใจกับการถ่ายวิดีโอเพื่อใช้งานจริงๆ บนสมาร์ตโฟน Android ที่ก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่าไฟล์ที่ได้มีการปรับแต่งไฟล์จนรู้สึกต่างจากธรรมชาติไปมาก แต่กับ OPPO Find X9 Pro ทำออกมาดีทั้งความคมชัด ระยะเลนส์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากๆ

อีกโหมดการถ่ายภาพที่ใช้แล้วรู้สึกชอบมาก กับการถ่ายมาโคร ที่ได้เลนส์ซูม 200MP มาช่วยให้ระยะการเก็บภาพระยะใกล้ได้มากขึ้น และยังได้ความคมชัดที่ดีมากๆ เรียกได้ว่าสมาร์ตโฟนเครื่องเดียวเก็บภาพได้ตั้งแต่ระยะใกล้สุดๆ ไปจนซูมไกล 120x ครบหมดในตัวเดียว
ในส่วนของประสิทธิภาพ ปีนี้ MediaTek Dimensity 9500 ยังเป็นชิปเรือธงที่ทำได้ดีในการใช้งานรอบด้าน ทั้งสายโซเชียลและสายเล่นเกม รับมือกับเกมใหญ่ๆ ได้แบบหายห่วง อุณหภูมิระหว่างการใช้งานส่วนตัวถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
สิ่งที่ข่มคู่แข่งได้แบบกินขาด คือแบตเตอรี่ที่ยัดมาให้มากถึง 7500mAh ในขนาดตัวเครื่องที่ไม่ได้หนาเทอะทะ การใช้งานในการรีวิว ผมใช้คำว่าหมดกังวลกับการหมดแบตระหว่างวันไปได้เลย และการมีชาร์จเร็วที่ระดับ 80W SUPERVOOC ก็คือเร็วมาก และยังรองรับ 50W แบบ PD ทำให้ใช้อะแดปเตอร์ของแล็ปท็อปหรือแบรนด์อื่นมาใช้ก็ยังได้ความเร็วที่น่าพอใจ
ความสามารถด้าน AI ตัว Mind Space เมื่อลองใช้งานแล้ว พอเราเข้าใจระบบการทำงานแล้ว ถือว่าเป็นข้อมูลในการบันทึกข้อมูลที่ฉลาดดีมาก จากแต่ก่อนการแคปภาพหน้าจอเพื่อเก็บเป็นข้อมูล หรือการอัดเสียง ถ่ายภาพ เพื่อใช้บันทึก จะถูกรวบรวมเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการค้นหาได้ง่าย แถมตัว AI ยังมาช่วยสรุปต่างๆ ให้อีกด้วย

ดีไซน์ตัวเครื่อง ที่อาจจะฉีกจากรุ่นก่อนมาเป็นทรงของเหลี่ยม ฝาหลังกระจบเรียบ และโมดูลกล้องมาเป็นสี่เหลี่ยม หลายคนเห็นแค่ภาพยังไม่เห็นตัวจริงอาจจะรู้สึกดูเรียบๆ ไปหน่อย แต่พอจับเครื่องจริงก็รู้สึกได้ว่า งานดี สัมผัสดี ให้ความรู้สึกที่พรีเมียมสมศักดิ์ศรีความเป็นสมาร์ตโฟนเรือธง
ข้อสังเกต
รีวิวนี้ยอมรับว่า OPPO Find X9 Pro มีเรื่องให้เราอวยเยอะมากๆ ส่วนของข้อตินั้น เรามองเป็นแค่ข้อสังเกตที่มีขัดใจอยู่บ้าง อย่างปุ่ม Quick Button สำหรับควบคุมการถ่ายภาพ ถ้าใช้เป็นชัดเตอร์ก็สะดวกดี แต่ใช้สำหรับปรับค่าที่ยังใช้ได้แค่ปรับระยะเลนส์เพียงอย่างเดียว ก็เลยดูว่าอรรถประโยชน์ดูจะน้อยไปนิด
ต่อมากับเคสแถมมาให้ในกล่อง ส่วนตัวผมว่าดูเรียบไปหน่อย และเมื่อใส่แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยพรีเมียมเท่าไรนัก
ตัวพอร์ตเชื่อมต่อที่แม้ว่าเครื่องจะถ่ายไฟล์ภาพและวิดีโอระดับสูงที่มีไฟล์ใหญ่มโหฬาร แต่พอร์ต USB ที่ให้มาเป็นมาตรฐาน 2.0 ที่มีความเร็วในการถ่ายโอนไฟล์ต้วมเตี้ยมมาก หากใครถ่ายไฟล์ใหญ่ๆ โอนลงคอนพิวเตอร์หรือก็อปลงฮาร์ดดิสก์พกพาก็อาจจะต้องรอกันนานหน่อย
ซื้อดีมั้ย? กับ OPPO Find X9 Pro
โดยรวมสรุปกับ รีวิว OPPO Find X9 Pro เรานั้นประทับใจและชอบมากกับสิ่งที่ได้มา อาจจะมีบางอย่างที่ดูขัดใจบ้างแต่ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยให้พอจะหลับตาข้ามไปได้ เมื่อเทียบกับจุดเด่นที่ทำได้ดีมากๆ และกับสโลแกน “ซูมดีทุกคอนเสิร์ต” อันนี้ไม่ได้โม้เกินจริง เพราะถ่ายสวย ถ่ายดี ถ่ายชัดกว่านั่งดูในคอนเสิร์ตเองจริงๆ เสียอีก รวมไปถึงสายท่องเที่ยว และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เชื่อว่ารุ่นนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน
เปิดจอง OPPO Find X9 และ OPPO Find X9 Pro แล้ววันนี้


สัมผัสประสบการณ์ความคมชัดเหนือระดับ ด้วยกล้อง Hasselblad Telephoto 200MP พลังซูมไกล สูงสุดถึง 120x Super Zoom ตอบโจทย์ทั้งสายคอนเสิร์ตและสายท่องเที่ยว พอร์ตเทรตระดับมืออาชีพกับโหมด Hasselblad Portrait ที่มอบโทนสีผิวธรรมชาติและสีสันแม่นยำในทุกแสง พร้อมระบบปฏิบัติการใหม่ ColorOS 16 กับ AI Mind Space ผู้ช่วย AI อัจฉริยะส่วนตัว
ราคาเริ่มต้นเพียง 29,999 บาท ผ่อนง่ายดาวน์เริ่มต้น 0% พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย
- สำหรับการจอง OPPO Find X9 พิเศษ รับฟรี E-VIP Card 2 ปี มูลค่า 15,999 | OPPO Enco Air4 Pro มูลค่า 2,999 | Google AI Pro ฟรี 3 เดือน จำนวนมูลค่า 2,250 บาท และ Light Luxury Magnetic Case มูลค่า 1,099 บาท
- สำหรับการจอง OPPO Find X9 Pro พิเศษ รับฟรี E-VIP Card 2 ปี มูลค่า 19,999 | OPPO Enco X3s มูลค่า 4,999 | Google AI Pro ฟรี 3 เดือน จำนวนมูลค่า 2,250 บาท และ Light Luxury Magnetic Case มูลค่า 1,099 บาท
จองเป็นเจ้าของ OPPO Find X9 Series ก่อนใครได้แล้ววันนี้ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
