OPPO ยกระดับประสิทธิภาพปัญญาประดิษฐ์บนสมาร์ตโฟนสู่มิติใหม่ด้วยการทำความเร็วการประมวลผล AI บนอุปกรณ์ได้มากกว่า 200 โทเคนต่อวินาที บนชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite Gen 5 ในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
นวัตกรรมครั้งนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่าง OPPO และ Qualcomm Technologies ในการพัฒนาสถาปัตยกรรมการถอดรหัสแบบขนาน ส่งผลให้ความเร็วเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมความสามารถในการวิเคราะห์เอกสารขนาดใหญ่ถึง 300 หน้าได้ทั้งหมดบนตัวเครื่อง โดยไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์
ก้าวกระโดดของความเร็วประมวลผล AI: จากทฤษฎีสู่ความจริง
การทำลายสถิติด้านความเร็วการประมวลผล AI บนอุปกรณ์ของ OPPO ในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงตัวเลขที่ดูดีบนกระดาษ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์การใช้งานจริง ด้วยความเร็วมากกว่า 200 โทเคนต่อวินาที ผู้ใช้สามารถสร้างข้อความเต็มหน้าได้ภายในเวลาไม่ถึง 2 วินาที ซึ่งเทียบเท่ากับความเร็วของบริการ AI บนคลาวด์ชั้นนำ แต่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์บนตัวเครื่อง
ความสำเร็จนี้เกิดจากการพัฒนาสถาปัตยกรรมการถอดรหัสแบบขนานร่วมกับ Qualcomm Technologies ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพการประมวลผลเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าเมื่อเทียบกับชิปเซ็ตรุ่นก่อน การปรับปรุงครั้งนี้ไม่เพียงแค่เพิ่มความเร็ว แต่ยังเปิดโอกาสให้แอปพลิเคชัน AI แบบเรียลไทม์ทำงานได้อย่างราบรื่น
ในทางปฏิบัติ ความเร็วระดับนี้หมายความว่าผู้ใช้สามารถแปลข้อความหลายย่อหน้าแบบทันทีทันใด สร้างเนื้อหาที่ซับซ้อน หรือประมวลผลคำสั่งภาษาธรรมชาติได้โดยไม่มีความหน่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ต้องอาศัยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและส่งข้อมูลไปประมวลผลบนคลาวด์เท่านั้น
ทะลุขีดจำกัดบริบท: วิเคราะห์เอกสาร 300 หน้าบนมือถือได้จริง
หนึ่งในความก้าวหน้าที่โดดเด่นที่สุดคือความสามารถในการจัดการบริบทขนาดใหญ่บนอุปกรณ์ OPPO ประกาศว่าระบบ AI ของตนรองรับความยาวบริบทสูงสุดถึง 128K โทเคน หรือเทียบเท่ากับประมาณ 200,000 คำ ซึ่งหมายความว่าสามารถวิเคราะห์เอกสารได้ถึง 300 หน้าได้ทั้งหมดบนตัวสมาร์ตโฟน
เทคโนโลยีนี้ทำได้ด้วยระบบเร่งบริบทความยาวที่ OPPO พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งช่วยให้ AI สามารถเข้าใจและประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้โดยไม่ต้องส่งข้อมูลออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ความสามารถนี้เปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับมืออาชีพในหลายสาขา
สำหรับทนายความ สามารถวิเคราะห์สัญญาหรือเอกสารคดีที่มีความยาวหลายร้อยหน้าได้โดยตรงบนสมาร์ตโฟน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลลูกความ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ สามารถค้นหาข้อมูลจากเอกสารทางการแพทย์ขนาดใหญ่ได้แบบออฟไลน์ รับประกันความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ป่วยอย่างสมบูรณ์
การทำงานแบบออฟไลน์ไม่เพียงแค่เพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่ยังช่วยลดต้นทุนในการใช้บริการคลาวด์ และทำให้สามารถใช้งานได้แม้ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน

ความร่วมมือที่ขับเคลื่อนนวัตกรรม: OPPO x Qualcomm
ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่าง OPPO และ Qualcomm Technologies ในการพัฒนาชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite Gen 5 ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการประมวลผล AI
ทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันออกแบบสถาปัตยกรรมการถอดรหัสแบบขนานที่ช่วยให้ชิปเซ็ตสามารถประมวลผลข้อมูลได้หลายชุดพร้อมกัน แทนที่จะทำทีละชุดแบบเดิม การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ความเร็วในการประมวลผลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ การทำงานร่วมกันยังครอบคลุมถึงการปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้ใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชันในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในแอปพลิเคชันของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์ไฮบริด: จุดสมดุลระหว่างอุปกรณ์และคลาวด์
แม้จะมีความสามารถด้าน AI บนอุปกรณ์ที่แข็งแกร่ง OPPO ก็ไม่ได้ละทิ้งบริการคลาวด์ แต่เลือกใช้กลยุทธ์ AI แบบไฮบริดที่ผสานจุดแข็งของทั้งสองระบบเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่สมเหตุสมผลและเหมาะสมกับการใช้งานจริง
ในกรณีที่ต้องการประมวลผลที่รวดเร็ว ความเป็นส่วนตัวสูง หรือต้องการใช้งานแบบออฟไลน์ ระบบจะใช้ AI บนอุปกรณ์ แต่เมื่อต้องการความสามารถที่ซับซ้อนกว่า เช่น การสร้างภาพความละเอียดสูง หรือการประมวลผลที่ต้องใช้พลังงานมาก ระบบก็สามารถเชื่อมต่อกับ AI บนคลาวด์เพื่อช่วยประมวลผลได้
ที่สำคัญ OPPO ซิงโครไนซ์การพัฒนา AI เข้ากับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ ทำให้ผู้ใช้ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพ ความสามารถใหม่ๆ และแพตช์ความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องรอให้มีการเปิดตัวฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่
มุ่งสู่ Agentic AI: ผู้ช่วยที่เข้าใจและตัดสินใจแทนคุณได้
วิสัยทัศน์ระยะยาวของ OPPO คือการพัฒนาไปสู่ Agentic AI หรือ AI ที่สามารถเข้าใจบริบท ตัดสินใจ และดำเนินการแทนผู้ใช้ได้อย่างอัจฉริยะ ซึ่งเป็นก้าวต่อไปจาก AI ที่เพียงแค่ตอบคำถามหรือทำตามคำสั่งเท่านั้น
ระบบนี้จะใช้ระบบความรู้ของผู้ใช้ที่ช่วยลดการกระจายตัวของข้อมูล โดย AI จะเรียนรู้และจดจำความชอบ นิสัย และความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน จากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ความเป็นส่วนตัวยังคงเป็นหัวใจสำคัญ OPPO ใช้เทคโนโลยี Private Computing Cloud (PCC) เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ระบบนี้ทำให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนถูกเข้ารหัสและประมวลผลอย่างปลอดภัย โดยไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้นอกจากเจ้าของข้อมูล
เป้าหมายสู่ 100 ล้านผู้ใช้ภายในปี 2025
OPPO มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการนำประสบการณ์ AI ที่ล้ำสมัยนี้ไปสู่ผู้ใช้จำนวนมาก บริษัทประกาศว่าจะมีผู้ใช้เกือบ 100 ล้านคนที่จะได้สัมผัสกับเทคโนโลยี AI ใหม่นี้ภายในสิ้นปี 2025
ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ OPPO ในการทำให้เทคโนโลยี AI ไม่ใช่เพียงฟีเจอร์สำหรับสมาร์ตโฟนระดับท็อป แต่เป็นประสบการณ์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งจะช่วยยกระดับการใช้งานสมาร์ตโฟนของผู้คนทั่วโลก
การเปิดเผยเทคโนโลยีเหล่านี้ในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคตของ AI บนสมาร์ตโฟนที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคดิจิทัล
การพัฒนาครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า AI บนสมาร์ตโฟนกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ไม่เพียงแค่ทรงพลัง แต่ยังใส่ใจความเป็นส่วนตัวและการใช้งานจริงของผู้ใช้อย่างแท้จริง
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
