DJI เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดอย่าง DJI Romo Series หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะสู่ตลาดสากล โดยเริ่มต้นที่ยุโรป ซึ่งถือเป็นการขยับขยายอย่างน่าสนใจจากผู้นำด้านโดรนสู่ตลาดอุปกรณ์ภายในบ้านอย่างเต็มตัว แต่ว่าจะยังไม่วางขายในสหรัฐฯ ที่ตอนนี้ยังมีปัญหาการตรวจสอบด้านความมั่นคง
แกนหลักที่ทำให้ Romo แตกต่างคือการนำ เทคโนโลยีโดรน ระดับสูงมาประยุกต์ใช้เพื่อการทำความสะอาดบ้านโดยเฉพาะ มันไม่ได้เป็นเพียงหุ่นยนต์ดูดฝุ่นธรรมดา แต่มาพร้อมกับระบบนำทางและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางที่ล้ำหน้า เทียบเท่ากับที่ใช้ในอากาศ

หัวใจของความอัจฉริยะนี้อยู่ที่เซ็นเซอร์ LiDAR ผสานกับ Dual Fisheye Vision Sensors ที่มอบการรับรู้สภาพแวดล้อมได้ 360 องศา ทำให้ Romo สามารถตรวจจับวัตถุขนาดเล็กบนพื้นได้อย่างแม่นยำในระดับมิลลิเมตร รวมถึงการใช้ AI และอัลกอริทึมการทำแผนที่ที่ถอดแบบมาจากโดรนของ DJI เพื่อสร้างเส้นทางการทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางในบ้านได้อย่างเรียลไทม์

Romo Series ประกอบด้วย 3 รุ่นหลัก คือ Romo P, Romo A, และ Romo S โดยรุ่นท็อปอย่าง Romo P นั้นจัดเต็มด้วยฟีเจอร์ที่ไม่ธรรมดา เช่น แขนที่ยื่นออกไปทำความสะอาดตามซอกมุมได้ ระบบซักและเป่าแห้งผ้าถูในตัว รวมถึงระบบชาร์จเร็ว 55W ที่ใช้เวลาเพียง 2.5 ชั่วโมง
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ DJI เกิดขึ้นพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตาในสหรัฐฯ ซึ่งอาจกำลังมีข้อจำกัดด้านการนำเข้าสินค้าใหม่ของ DJI ในช่วงปลายปีนี้ สังเกตได้จากการที่สินค้าเดิมอย่าง DJI Neo และ Osmo Pocket 3 ถูกลดราคาลงอย่างมาก ขณะที่โดรนรุ่นใหม่ เช่น Mavic 4 Pro และ Mini 5 Pro ก็ถูกพบว่ามีจำหน่ายบน Amazon ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความพยายามเคลียร์สต็อก

นอกจากนี้ การบุกตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นของ DJI ยังนำไปสู่การแข่งขันที่พลิกผัน เพราะมีรายงานว่า Dreame แบรนด์ดังในตลาดหุ่นยนต์ทำความสะอาด ก็กำลังเตรียมจัดตั้งทีม R&D เพื่อพัฒนาโดรน โดยดึงตัวบุคลากรจาก DJI เอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าขอบเขตระหว่างเทคโนโลยีโดรนและหุ่นยนต์ทำความสะอาดกำลังเลือนหายไปเรื่อย ๆ
ข้อมูลจาก : DroneDJ
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
