ภัยไซเบอร์ยุค AI ไมโครซอฟท์ ชี้ รหัสผ่านยังเป็นเป้า โจรใช้ Gen AI ยกระดับการโจมตี!

ภัยไซเบอร์ยุค AI ไมโครซอฟท์ ชี้ รหัสผ่านยังเป็นเป้า โจรใช้ Gen AI ยกระดับการโจมตี!

ในยุคที่ Generative AI ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและการสื่อสารอย่างรวดเร็ว ไมโครซอฟท์ ได้เปิดเผยถึงความเสี่ยงใหม่ด้าน ภัยไซเบอร์ยุค AI ที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมิจฉาชีพและอาชญากรไซเบอร์ต่างนำศักยภาพของ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการโจมตีแนวรับของผู้คนและองค์กร

จากรายงาน Digital Defense Report 2025 ล่าสุดของ ไมโครซอฟท์ พบว่าประเทศไทยมีลูกค้าองค์กรได้รับผลกระทบจากการโจมตีไซเบอร์เป็นอันดับที่ 29 ของโลก และเป็นอันดับที่ 11 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 4% ของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบในภูมิภาคนี้ ข้อมูลนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างแนวป้องกันในโลกดิจิทัลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

รายงานยังระบุว่าจุดมุ่งหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์ยังคงเป็นผลประโยชน์ทางการเงิน ซึ่งมีอัตราส่วนที่สูงกว่าการจารกรรมหรือขโมยข้อมูลเพียงอย่างเดียว นี่จึงหมายความว่า ทุกคนและทุกองค์กรมีโอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อของผู้ประสงค์ร้ายได้ตลอดเวลา

แม้เทคโนโลยีการโจมตีจะล้ำหน้าไปมาก แต่ รหัสผ่าน ยังคงเป็นจุดอ่อนที่ถูกผู้ประสงค์ร้ายจู่โจม โดยกว่า 97% ของการจู่โจมทั่วโลกที่มุ่งเป้าไปที่บัญชีผู้ใช้งานนั้นใช้รหัสผ่านเป็นจุดอ่อน ซึ่งคิดเป็นกว่า 7,000 ครั้งต่อวินาที แนวทางป้องกันที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดคือการเปลี่ยนไปใช้ Multi-Factor Authentication (MFA) เช่น SMS หรือแอป Authenticator ซึ่งช่วยปกป้องข้อมูลจากการโจมตีส่วนใหญ่ได้ แม้รหัสผ่านจะถูกขโมยไป

สิ่งที่อันตรายยิ่งขึ้นคือการจู่โจมด้วยมัลแวร์ที่มีการฝัง Generative AI ไว้ มัลแวร์ประเภทนี้สามารถเขียนโค้ดใหม่ด้วยตัวเองเพื่อเปลี่ยนวิธีการโจมตีให้เหมาะสมกับระบบที่แทรกซึมเข้าไปได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากต้นทาง เพื่อรับมือกับเทคนิคใหม่ๆ เหล่านี้ การนำโซลูชัน AI เฉพาะทางด้านความปลอดภัย เช่น Security Copilot มาใช้ในองค์กรจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะช่วยตรวจจับ วิเคราะห์ รับมือ และแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยแบบอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งสามารถลดเวลาทำงานของเจ้าหน้าที่ลงได้ถึง 30%

ภัยไซเบอร์ยุค AI ไมโครซอฟท์ ชี้ รหัสผ่านยังเป็นเป้า โจรใช้ Gen AI ยกระดับการโจมตี!

นอกจากนี้ การโจมตีแบบ Advanced Persistent Threats (APT) หรือการแฝงตัวเข้าไปในระบบอย่างเงียบ ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งแท็กติกที่ตรวจจับได้ยาก การใช้ AI เข้ามาช่วยสแกนหาสัญญาณความผิดปกติจึงเป็นสิ่งจำเป็น

สำหรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน มิจฉาชีพสามารถใช้ AI ปลอมตัวเป็นเพื่อนร่วมงานหรือคนในครอบครัวเพื่อหลอกขโมยทรัพย์สินหรือข้อมูลได้ การป้องกันไม่ต้องใช้เทคโนโลยีซับซ้อน แต่ต้องยืนยันตัวตนคู่สนทนาให้มั่นใจ เช่น ลองถามเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต หรือโทรศัพท์ติดต่อโดยตรง รวมถึงการระมัดระวังในการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวในที่สาธารณะ

ในส่วนของการทำงานร่วมกับ AI ไมโครซอฟท์ ย้ำว่าคนทำงานควร ตรวจสอบข้อมูลและคำตอบ ที่ได้รับจาก AI ทุกครั้ง และที่สำคัญคือต้อง ถามหาและตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล ที่ AI อ้างอิง เพื่อป้องกันการนำข้อมูลที่ผิดเพี้ยนไปใช้งาน

ไมโครซอฟท์ ได้ริเริ่มโครงการ Secure Future Initiative (SFI) โดยกำหนดให้ “ความปลอดภัย” เป็นหัวใจหลักในการออกแบบและพัฒนาทุกผลิตภัณฑ์และบริการ พร้อมทั้งให้ความร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลกในการแจ้งเตือนความเสี่ยงและช่องโหว่ต่างๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้เท่าทันภัยร้ายที่วิวัฒนาการด้วยศักยภาพของ AI

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

Online Content Manager with over 10 years of experience working in the news, technology, and telecom industries.