รีวิว เจาะลึก Leica Pro telephoto camera ระบบกล้องสุดล้ำใน Xiaomi 15T Pro ซูมออปติคอล 5x แบบไม่สูญเสียคุณภาพ พร้อมกล้องหลัก Pro-grade ถ่ายสวยทั้งกลางวันกลางคืน ที่จะส่งมอบเทคโนโลยีระดับเรือธงในราคาเข้าถึงได้
สงสัยไหมว่าทำไมตอนนี้เวลาเราดูโฆษณาสมาร์ตโฟน เห็นแต่เรื่องกล้องกันหมด? เพราะจริงๆ แล้วเราไม่ได้อยากได้แค่มือถือที่เร็วแรง หรือแบตอึด แต่เราอยากได้เครื่องมือที่ช่วยให้เราเล่าเรื่องราวผ่านภาพได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เร็วๆ นี้เตรียมพบกับ Xiaomi 15T Pro ที่เป็นครั้งแรกในซีรีส์ T ที่ใส่กล้องเทเลโฟโต้ Leica 5x มาให้ ซึ่งก่อนหน้านี้จะเจอได้แค่เฉพาะในสมาร์ตโฟนแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นรุ่นเรือธงตัวท็อปราคาสูงเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ถ้าเราอยากได้สมาร์ตโฟนที่มีมีกล้องแบบเลนส์ Periscope Telephoto คุณภาพสูง เราต้องลงทุนจ่ายเงินเยอะมาก แต่ตอนนี้ Xiaomi เอามาใส่ไว้ในมือถือที่ราคาเข้าถึงได้ และเลนส์ที่ใส่มาไม่ใช่แค่เอาระดับทั่วๆ ไปมาใส่ให้ แต่เอาเลนส์คุณภาพสูงระดับ Leica พร้อมกับการพัฒนาร่วมกัน ทำให้ภาพที่ได้มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
ช็อตแบบนี้ ถ่ายได้ด้วย Leica 5x telephoto camera เท่านั้น

เคยไหมเวลาไปดูคอนเสิร์ต หรือไปเชียร์กีฬา แล้วอยากได้ภาพใกล้ๆ ของศิลปินบนเวทีหรือนักกีฬาที่อยู่ในสนาม แต่ถ่ายออกมาแล้วเจอแต่จุดเล็กๆ ที่มองไม่ออกว่าคือใคร? หรือถ้าจะซูมให้ใหญ่ก็กลายว่าได้ภาพที่เบลอวุ้นดูไม่ชัด แต่สำหรับ กล้องเทเลโฟโต้ Leica 5x จะไม่เจอกับปัญหาเหล่านี้
ตัวเลนส์นี้มาพร้อมระยะโฟกัส 115mm ที่ทำให้เราซูมเข้าไปหาสิ่งที่อยู่ไกลได้อย่างคมชัด ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพบุคคลจากระยะไกล หรือแม้แต่การถ่ายสถานที่สำคัญที่เราไม่สามารถเดินเข้าไปใกล้ได้
สิ่งที่น่าสนใจคือ Xiaomi ออกแบบระบบซูมแบบสามชั้นที่ทำงานร่วมกันอย่างฉลาด
- ชั้นแรกคือการซูมออปติคอล 5 เท่าที่ให้ภาพคุณภาพสูงสุดแบบไม่มีการสูญเสียรายละเอียดเลย
- ชั้นที่สองคือการซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียด 10 เท่า ซึ่งไม่ใช่การซูมดิจิทัลธรรมดาที่เราเคยรู้จัก แต่ใช้เทคนิคการครอบตัดเซนเซอร์ขั้นสูงที่ยังคงรายละเอียดของภาพต้นฉบับไว้ได้
- ชั้นสุดท้ายคือ AI UltraZoom ที่ซูมได้สูงสุด 100 เท่า โดยอาศัยพลังจาก Xiaomi AISP 2.0 และอัลกอริทึม AI ที่จะช่วยสร้างรายละเอียดใหม่และลดสัญญาณรบกวน ทำให้เราได้ภาพที่คมชัดแม้ในระยะที่ไกลจนแทบจะไม่น่าเชื่อ


เปรียบเทียบการถ่ายภาพในระยะเลนส์ออปติคอล 5x ระหว่าง Xiaomi 15T Pro กับ iPhone 16 Pro Max ทางฝั่งของ Xiaomi 15T Pro จะโดดเด่นกว่าทั้งเรื่องความสดใสของสีสัน ที่ทำได้ดีทั้งในช่วงเงามืดและส่วนสว่าง รวมถึงภาพจะมีความเคลียร์ชัดทั้งภาพ สังเกตได้ว่าในส่วนของตึกมหานครที่อยู่ในระยไกลมีความคมชัดมากกว่า


เปรียบระยะ 10x จะเห็นว่าภาพของ Xiaomi 15T Pro มีความสดใสของโทนสี และรายละเอียดในหลายจุดในภาพอย่างเช่นใบไม้ สายไฟ รอยดำบนสึก มีความสวยและคมชัดมากกว่า

แต่เด็ดที่สุดคือเลนส์ตัวนี้ไม่ได้เก่งแค่การถ่ายระยะไกล ด้วยระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 30 ซม. ทำให้เราสามารถถ่ายภาพ Tele-macro หรือการถ่ายระยะใกล้แบบเทเลโฟโต้ได้ด้วย ลองนึกภาพดูว่าเลนส์เดียวกันนี้สามารถถ่ายได้ทั้งตึกอาคารที่อยู่ไกล แล้วก็สามารถถ่ายดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ได้อย่างสวยงามเหมือนกัน


เปรียบเทียบการถ่าย Tele-macro ด้วยกล้องของ Xiaomi 15T Pro กับ iPhone 16 Pro Max ด้วยระยะ 2x จะเห็นว่าภาพของ Xiaomi 15T Pro ตัวดอกไม้จะมีความคมชัด ฉากหลังเบลอละมุนสวยงาม ส่วน iPhone 16 Pro Max จะเห็นว่าความเบลอของฉากหลังน้อยกว่าและมี noise เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
Pro-grade Leica main camera: หัวใจของภาพระดับมืออาชีพ

ถ้าใครเคยใช้มือถือถ่ายภาพตอนกลางคืน แล้วได้ภาพที่มืดหรือมีสีแปลกๆ ออกมา จะเข้าใจดีว่าการมีกล้องหลักที่ดีมันสำคัญแค่ไหน กล้องหลัก Leica Pro-grade ใน Xiaomi 15T Pro ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาพวกนี้ได้อย่างน่าประทับใจ
ด้วยหัวใจของกล้องหลักคือเซนเซอร์ Light Fusion 900 ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1/1.31 นิ้ว ถือว่าใหญ่กว่าเซนเซอร์ในมือถือทั่วไปมาก การมีเซนเซอร์ขนาดใหญ่หมายความว่าสามารถรับแสงได้มากขึ้น ส่งผลให้ได้ภาพที่สว่างและมีรายละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะในที่แสงน้อย

การถ่ายในสภาพแสงน้อย ภาพที่ได้จะมีความคมชัด แสงสีไฟในตึกที่ไม่สว่างพร่า รวมถึงไฟรถบนถนนยังเป็นแฉกสวยงามเหมือนถ่ายด้วยกล้องโปร และแม้ว่า ISO จะสูงมาก แต่ภาพนั้นแทบจะไม่มี noise เกิดขึ้นเลย
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือเทคโนโลยี Pixel Binning ที่รวมหลายพิกเซลเข้าด้วยกันเป็น ซูเปอร์พิกเซลขนาด 2.4 ไมโครเมตร ทำให้ในที่แสงน้อยจะได้ภาพที่สว่างขึ้น แต่ตอนที่แสงดีก็ยังคงความคมชัดไว้ได้ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Dual ISO Fusion Max ที่ขยายช่วงไดนามิกให้กว้างถึง 13.5EV ซึ่งหมายความว่าจะเก็บรายละเอียดได้ดีทั้งในส่วนที่สว่างและส่วนที่มืดของภาพ
ส่วนเลนส์ Leica Summilux ค่ารูรับแสง f/1.62 ที่เป็นการร่วมมือพัฒนาระหว่าง Xiaomi และ Leica ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ Aspherical ถึง 7 ชิ้น ที่ช่วยลดความบิดเบี้ยวและรักษาความคมชัดไว้ทั่วทั้งภาพ มีการเคลือบเลนส์พิเศษเพื่อป้องกันแสงสะท้อน ทำให้แม้ถ่ายในสถานการณ์ที่มีแสงแปลกๆ เช่น ตอนย้อนแสง ก็ยังได้ภาพที่คมชัดและสีสันสมจริง
ที่สำคัญคือ มีฟิลเตอร์อินฟราเรดแบบ Spin-coated ที่ช่วยให้สีที่เราได้มีความเที่ยงตรงใกล้เคียงกับที่ดวงตาเรามองเห็นจริงๆ ไม่ใช่สีที่แปลกๆ แบบที่เราเคยเจอในมือถือบางรุ่น

การจัดการแสงในภาพ เป็นอีกคาแรคเตอร์ที่ Leica โดดเด่นจากกล้องอื่น อย่างรูปนี้จะเห็นว่าแสงที่ส่องลงมาเป็นเส้น แต่ไม่สว่างจ้าจนไม่เหลือรายละเอียด ส่วนในเงาก็ไม่ได้มืดสนิท รวมถึงตัวบุคคลก็มีความสวยงามทั้งสีและโทนผิวอย่างลงตัว
Leica Street Photography: บันทึกทุกจังหวะชีวิต



ใครที่เคยลองถ่าย Street Photography จะรู้ดีว่าช่วงเวลาดีๆ มักจะผ่านไปเร็วมาก บางทีพอเราหยิบมือถือขึ้นมา ปลดล็อก เปิดแอปกล้อง โมเมนต์ดีๆ ก็หายไปแล้ว โหมด Leica Street Photography เลยถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ
สิ่งแรกที่ทำให้เห็นถึงความต่างคือค วามเร็วในการเปิดใช้งาน เพียงแค่กดปุ่มปรับระดับเสียงสองครั้ง กล้องก็จะเปิดขึ้นมาและพร้อมถ่ายภาพภายใน 0.8 วินาที เท่านั้น ลองนึกภาพดูว่าเราเจอสถานการณ์น่าสนใจบนถนน แค่หยิบ Xiaomi 15T Pro ขึ้นมากดปุ่มสองครั้งก็พร้อมบันทึกความทรงจำแล้ว
และที่น่าจะถูกใจสายสตรีทก็คือ Xiaomi 15T Pro มีระยะโฟกัสแบบคลาสสิกให้เราเลือกใช้ได้ถึง 5 ช่วง อย่าง 28mm สำหรับภาพแนวกว้าง 35mm สำหรับการเล่าเรื่องแบบใกล้ชิด 50mm สำหรับการมองเห็นที่ใกล้เคียงกับตามนุษย์ 75mm สำหรับพอร์ตเทรต และ 135mm สำหรับการแยกตัวแบบจากฉากหลัง แต่ละระยะจะให้ความรู้สึกและมุมมองการเล่าเรื่องที่แตกต่างกัน

ที่สำคัญหน้าจอจะแสดงช่องมองภาพแบบเรนจ์ไฟนเดอร์เหมือนกล้อง Leica ดั้งเดิม ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังใช้กล้องระดับตำนานจริงๆ การออกแบบ UI แบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสวยงาม แต่ช่วยให้เราโฟกัสกับการจัดองค์ประกอบภาพได้ดีขึ้น
สำหรับใครที่ชอบคอนโทรลการถ่ายภาพเอง ก็ยังสามารถเลือกใช้การโฟกัสแบบโซนด้วยตนเองได้ แต่ถ้าใครอยากได้ความสะดวก ก็มีการโฟกัสอัตโนมัติที่ทำงานรวดเร็วและแม่นยำ



การเลือกโซนโฟกัสด้วยตนเอง ทำให้เราสามารถสร้างองค์ประกอบภาพที่น่าสนใจ อย่างเช่น ให้วัตถุที่อยู่ด้านหน้าเบลอ แล้วฉากหลังชัด ก็ช่วยให้สร้างเรื่องราวและวางองค์ประกอบของภาพที่มีความดึงดูดมากกว่าถ่ายมาภาพชัดหมดทั้งภาพอีกด้วย
การถ่ายพอร์ตเทรตสวยแบบมิติ โทนสีเป็นเอกลักษณ์แบบ Leica
การมีเลนส์ Leica 5x telephoto ช่วยขยายขอบเขตการถ่ายพอร์ตเทรตภาพบุคคลให้มีระยะหลากหลายขึ้น ด้วยช่วงโฟกัสที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ 23mm ไปจนถึง 135mm ช่วยให้สื่ออารมณ์ของภาพที่ต่างกัน เราสามารถถ่ายได้ตั้งแต่มุมกว้างเพื่อเล่าเรื่องราว, ระยะกลางเพื่อเก็บบรรยากาศ และระยะซูมเพื่อโคลส์อัพเพื่อสื่ออารมณ์





การมีระยะถ่ายให้เลือกขนาดนี้ ถ้าเป็นกล้องโปรคือต้องแบกเลนส์ 2-3 ตัวคอยสับเปลี่ยน แต่กับ Xiaomi 15T ตัวเดียวก็เก็บพอร์ตเทรตได้ทุกระยะอย่างที่ต้องการได้ทันที
เปรียบเทียบกับสมาร์ตโฟนระดับเดียวกัน
ถามจริงๆ ว่าในตลาดมือถือระดับราคาเดียวกันนี้ ใครจะมีเลนส์ Periscope 5x ให้เราได้ใช้บ้าง? คำตอบคือแทบจะไม่มีเลย ถ้าในระดับราคานี้เราจะเห็นเต็มที่ก็ที่ 3x เท่านั้น และถ้าระดับ 5x ก็จะมาในรุ่นเรือธงตัวท็อป อย่าง iPhone 16 Pro Max หรือ Samsung Galaxy S25 Ultra
Xiaomi 15T Pro จึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะได้เทคโนโลยีระดับเรือธงในราคาที่เข้าถึงได้ ลองคิดดูว่าเราจะได้ทั้งกล้องหลัก Leica Summilux ที่ถ่ายภาพได้สวยทั้งกลางวันและกลางคืน และเลนส์เทเลโฟโต้ 5x ที่ซูมได้ไกลแต่ยังคมชัด หรือจะถ่ายระยะมาโครก็ทำได้ดีด้วยเช่นกัน
คู่แข่งในระดับราคาเดียวกันส่วนใหญ่อาจจะมีกล้องหลักที่ดี แต่มักจะขาดเลนส์เทเลโฟโต้ที่จริงจัง หรือถ้ามีก็อาจจะเป็นแค่เลนส์ซูมดิจิทัลธรรมดาที่พอซูมนิดหน่อยภาพก็เบลอ แต่ที่นี่เราได้ระบบกล้องที่ครบเซ็ต ซูมระยะออปติคอลคม 5x ได้ภาพสวยคมคุณภาพทัดเทียมกับมือถือที่แพงกว่ามาก
เชื่อเลยว่านี่จะการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาดสมาร์ตโฟนกลุ่มนี้ เพราะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเลือกระหว่าง “ราคาที่เข้าถึงได้” กับ “ความสามารถของกล้อง” อีกต่อไป เพราะเราสามารถได้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน
เตรียมสัมผัสประสบการณ์ Leica Pro telephoto camera ที่เหนือกว่า
จะเห็นได้เลยว่าความสามารถของกล้องเทเลโฟโต้ Leica 5x และกล้องหลัก Leica Pro-grade บน Xiaomi 15T Pro นี่ไม่ใช่แค่เพิ่มฟีเจอร์ให้มากขึ้น แต่เป็นการยกระดับประสบการณ์การถ่ายภาพทั้งหมด
สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือ Xiaomi เข้าใจดีว่าผู้ใช้ต้องการอะไร ไม่ใช่แค่กล้องที่มีเลขสเปคสูงๆ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเล่าเรื่องราวผ่านภาพได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซูมเข้าไปหาไอดอลที่เราชื่นชอบในคอนเสิร์ต การแอบถ่ายคุณแฟนจากระยะไกลเพื่อเก็บโมเมนต์เผลอๆ หรือแม้แต่การบันทึกช่วงเวลาสำคัญในชีวิตด้วยโหมด Leica Street Photography
ที่สำคัญคือทุกอย่างนี้มาในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ได้ได้จำกัดเฉพาะในสมาร์ตโฟนระดับเรือธงพรีเมียมอีกต่อไป เป็นการนำส่งเทคโนโลยีให้กับผู้ใช้ได้เข้าถึงได้มากขึ้นกว่าเดิม
เร็วๆ นี้เราจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การถ่ายภาพที่เหนือกว่าด้วยตัวเราเอง กับ Xiaomi 15T Series ที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย 25 กันยายนนี้ เชื่อเลยว่า นี่จะทำให้คุณตื่นเต้นและสนุกกับการถ่ายภาพในทุกจังหวะเวลาอย่างแท้จริง
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
