เทเลนอร์เอเชีย เผยผลสำรวจ “Digital Lives Decoded 2025” พบผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทย 91% ใช้ AI ในชีวิตประจำวัน เพิ่มจาก 77% ในปี 2024 ขณะที่การใช้งานในที่ทำงานพุ่งสูงขึ้นเท่าตัว
รายงานฉบับที่ 4 ของ Telenor Asia Digital Lives Decoded 2025: Building Trust in Thailand’s AI Future อ้างอิงผลสำรวจผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยจำนวน 1,000 คน เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของคนไทย
Jon Omund Revhaug, Head of Telenor Asia กล่าวว่า การเชื่อมต่อคือจุดเริ่มต้น แต่ความไว้วางใจต้องถูกฝังอยู่ในทุกระดับของการออกแบบระบบ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่รองรับการพัฒนา AI ที่น่าเชื่อถือ
การใช้ AI ในชีวิตประจำวันของคนไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกว่าครึ่งใช้เครื่องมือ AI อย่างน้อยวันละครั้ง และ 28% ใช้หลายครั้งต่อวัน สัดส่วนผู้ที่นำ AI มาใช้ในกิจวัตรประจำวันเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 19% ในปี 2024 เป็น 40% ในปี 2025
คนไทยประยุกต์ใช้ AI เพื่อเสริมทักษะหลายด้าน ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูล (62%) การสร้างสรรค์ผลงาน (52%) และการสื่อสาร (35%) พร้อมตระหนักถึงทักษะที่จำเป็น เช่น การเขียน prompt อย่างมีประสิทธิภาพ (54%) และความเข้าใจประเด็นจริยธรรมและอคติ (25%)
ที่ทำงานกลายเป็นสมรภูมิสำคัญของการใช้ AI ในไทย โดยมีผู้ใช้ 4 ใน 10 คน เพิ่มขึ้น 93% จากปีก่อนที่มีเพียง 21% ผู้ใช้ AI ในที่ทำงานส่วนใหญ่ประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาคอนเทนต์ (61%) วิเคราะห์ข้อมูล (54%) และให้บริการลูกค้า (53%)
อย่างไรก็ตาม มีเพียง 3 ใน 10 ขององค์กรที่มีแผนหรือกลยุทธ์ด้าน AI ที่ชัดเจน สะท้อนความจำเป็นที่องค์กรต้องกำหนดทิศทางและสนับสนুนอย่างจริงจัง
Gen Z ขึ้นแท่นกลุ่มที่ใช้ AI มากที่สุด แต่โดดเด่นในฐานะนักวิจารณ์การใช้ AI อันดับหนึ่งด้วย กว่า 8 ใน 10 คนใช้เครื่องมือ AI ขณะเดียวกัน 56% เชื่อว่าการใช้ AI อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อสังคม และ 61% สนับสนุนการชะลอการพัฒนา AI จนกว่าจะมีกลไกคุ้มครองที่รัดกุม
ความกังวลของ Gen Z ครอบคลุมเรื่องความเป็นธรรม ความเห็นอกเห็นใจ และปัญหาอคติ สะท้อนความคาดหวังให้ AI เป็นมากกว่าแค่นวัตกรรมล้ำสมัย
แม้ความปลอดภัยในโลกออนไลน์ยังเป็นประเด็นสำคัญ โดย 83% ของผู้ใช้กังวลเรื่องความปลอดภัยบัญชีออนไลน์ และ 78% เห็นว่าการติดตามข้อมูลภัยคุกคามทำได้ยาก คนไทยกลับมีมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพของ AI ในการปกป้องความปลอดภัย
กว่า 2 ใน 3 (68%) เชื่อว่า AI สามารถช่วยยกระดับความปลอดภัยได้ โดยผู้ที่มีมุมมองดังกล่าวมักไว้วางใจและยอมรับการใช้ AI ในด้านที่เห็นประโยชน์ชัดเจน เช่น การสร้างภาพ ระบบจดจำใบหน้า และการให้บริการลูกค้า
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยคาดหวังให้มีการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม โดยเฉพาะการกำกับดูแลโดยมนุษย์ในงานที่ละเอียดอ่อน ยังคงมีความกังวลเรื่องความโปร่งใสและความเป็นธรรม โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานและบริการทางการเงิน
มีเพียง 49% ที่มองว่าการใช้ AI ในกระบวนการคัดเลือกพนักงานเป็นเรื่องยุติธรรม ขณะที่เกือบ 1 ใน 5 มองว่าไม่ยุติธรรมอย่างมาก สะท้อนความสำคัญของการคงบทบาทการตัดสินใจของมนุษย์ในเรื่องที่กระทบต่อชีวิตโดยตรง
ผู้ใช้งานกว่าครึ่งกังวลเรื่องการพึ่งพา AI มากเกินไป รวมถึงการขาดกฎระเบียบและความโปร่งใส มีเพียง 13% ที่มั่นใจว่าสามารถแยกแยะคอนเทนต์ที่สร้างโดย AI และมนุษย์ได้
อย่างไรก็ตาม 77% ยินดีแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวเพื่อรับบริการที่ดีขึ้น หากมีความโปร่งใสและสิทธิ์ในการปฏิเสธการใช้งานข้อมูล โดย 61% มองว่าตนเองควรเป็นผู้กำกับดูแลการใช้ AI มากกว่ารัฐบาลหรือบริษัทเทคโนโลยี
ณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การพัฒนา AI อย่างมีความรับผิดชอบ ภายใต้กรอบจริยธรรมที่รัดกุม และการกำกับดูแลโดยมนุษย์ คือกุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนนวัตกรรมให้เป็นคุณค่าที่ยั่งยืนต่อสังคมไทย
Dr. Ieva Martinkenaite, SVP and Head of AI at Telenor Group เสริมว่า AI ที่มีความรับผิดชอบไม่ใช่เพียงภาพลักษณ์ของแบรนด์ แต่เป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างแท้จริง องค์กรจึงต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการข้อมูลอย่างรอบคอบ การพัฒนาทักษะบุคลากร และการสร้างวัฒนธรรมที่มีกลไกด้านจริยธรรมเป็นส่วนหนึ่งของทุกขั้นตอน
Jon Omund Revhaug กล่าวสรุปว่า ในขณะที่ประเทศไทยเดินหน้าสู่ยุค AI สิ่งสำคัญคือการกำหนดทิศทางอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมส่งเสริมให้ทุกคนมีทักษะและความรู้ในการใช้ AI อย่างรอบคอบและสร้างสรรค์ เพราะความเชื่อมั่นและความปลอดภัยคือรากฐานของสังคมดิจิทัล
ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่ www.telenorasia.com/digitallivesdecoded/thailand
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
