เน็ตฟลิกซ์ เปิดตัวรายงาน “เน็ตฟลิกซ์ในประเทศไทย: พลังขับเคลื่อนอนาคตจากการเล่าเรื่องท้องถิ่น” ชี้การลงทุนใน คอนเทนต์ไทย กว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี 2564-2567
ยักษ์ใหญ่สตรีมมิงรายงานผลการดำเนินงานที่สร้างผลงานออริจินัลไทยมากกว่า 20 เรื่อง และสร้างงานกว่า 13,500 ตำแหน่ง ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทย ขณะที่งานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2568 ที่กรุงเทพฯ มีตัวแทนภาครัฐและผู้ผลิตภาพยนตร์เข้าร่วม
คอนเทนต์ไทยบนแพลตฟอร์มได้รับความนิยมระดับโลก โดยมีผลงานไทยกว่า 15 เรื่อง ติดอันดับ Global Top 10 สำหรับคอนเทนต์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ พร้อมยอดชั่วโมงการรับชมรวม 750 ล้านชั่วโมง ทั่วโลก
มาโลบิกา (เมล) บาเนอร์จี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายคอนเทนต์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เน็ตฟลิกซ์ กล่าวว่า คอนเทนต์ไทยไม่เพียงถ่ายทอดความงดงามของสถานที่ แต่ยังสะท้อนศิลปะและเอกลักษณ์การเล่าเรื่องแบบไทยอย่างมีชั้นเชิง
เน็ตฟลิกซ์ยังเน้นการพัฒนาบุคลากรผ่านโครงการ Reel Life Camp ที่ฝึกอบรมผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่กว่า 145 คน และจัดโครงการฝึกอบรมทักษะเทคนิคให้บุคลากรโปรดักชันมากกว่า 500 คน ครอบคลุมผู้ลำดับภาพ ผู้เชี่ยวชาญเอฟเฟ็กต์ภาพ และผู้จัดการข้อมูลกองถ่าย
ด้านการท่องเที่ยว คอนเทนต์ไทยช่วยกระตุ้นการเดินทางไปยังจุดหมายที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก เช่น สืบสันดาน เพิ่มผู้เยี่ยมชม Chateau De Khaoyai จังหวัดนครราชสีมา สาธุ กระตุ้นความสนใจวัดสำปะซิว จังหวัดสุพรรณบุรี และ ถ้ำหลวง: ภารกิจแห่งความหวัง ทำให้ถ้ำหลวงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
ปราบดา หยุ่น โปรดิวเซอร์/นักเขียนบทจาก Bangkok Breaking และดาหลา บุปผา ฆาตกรรม มองว่า ภาพยนตร์และซีรีส์ไทยเป็นหน้าต่างสู่วัฒนธรรมและวิธีการเล่าเรื่องแบบคนไทย ช่วยสะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทยและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สู่ระดับสากล
การลงทุนนี้สอดคล้องกับนโยบาย One-Family-One-Soft Power (OFOS) ของรัฐบาลไทย และสนับสนุนเป้าหมายสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง พร้อมสร้างรายได้กว่า 4 ล้านล้านบาท ตามที่ ดร.ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ระบุ
เน็ตฟลิกซ์ยังร่วมมือกับ Content Lab ของ CEA และกองทุน Creative Equity ในการบ่มเพาะผู้สร้างสรรค์รุ่นใหม่ในพื้นที่ต่างๆ นอกกรุงเทพฯ เพื่อยกระดับทักษะประชากร 20 ล้านคนภายในปี 2570 ตามเป้าหมายของไทย
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
