NBA และ AIS ประกาศความร่วมมือ ถ่ายทอดสดการแข่งขันในประเทศไทย

NBA และ AIS ประกาศความร่วมมือระยะยาวในการถ่ายทอดการแข่งขัน NBA ผ่านแพลตฟอร์ม AIS PLAY เพื่อให้แฟนบาสเกตบอลชาวไทยได้รับชมทุกแมตช์สำคัญ เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2025-26

ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่าง The National Basketball Association (NBA) กับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) ผู้ให้บริการดิจิทัลและโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยจะเปิดฉากการถ่ายทอดสดในวันอังคารที่ 21 ตุลาคมนี้ ตามเวลาสหรัฐอเมริกา

AIS PLAY เตรียมเปิดช่องกีฬาเฉพาะกิจภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท ไมโม่เทค บริษัทในเครือ เอไอเอส โดยมอบสิทธิ์ให้ลูกค้าที่ใช้บริการแพ็กเกจได้รับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขัน

การถ่ายทอดจะครอบคลุมการแข่งขันในฤดูกาลปกติ รอบเพลย์ออฟ รอบชิงแชมป์สาย NBA All-Star และ NBA Draft เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2026-27 เป็นต้นไป รวมถึงรอบชิงชนะเลิศ NBA Finals แบบปีเว้นปี

แฟนบาสเกตบอลสามารถรับชมการแข่งขันผ่าน AIS PLAY โดยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันผ่าน App Store และ Google Play บนอุปกรณ์สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และสมาร์ตทีวี

นายปรัธนา ลีลพนัง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ AIS กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำของ AIS PLAY แพลตฟอร์มดิจิทัลที่รวมความบันเทิงและกีฬาครบวงจร

“นอกจากจะเติมเต็มความหลากหลายของคอนเทนต์ระดับโลกแล้ว ยังทำให้แฟนบาสเกตบอลชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์ NBA อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ผ่านโครงข่ายอัจฉริยะทั้งมือถือและเน็ตบ้านคุณภาพสูง เพื่อขยายฐานแฟน NBA และสนับสนุนการเติบโตของกีฬาบาสเกตบอลในประเทศไทย” นายปรัธนากล่าว

เวย์น ชาง (Wayne Chang) กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย NBA แสดงความมั่นใจว่า AIS มีวิสัยทัศน์ร่วมกับ NBA ในการยกระดับวงการกีฬาบาสเกตบอลในประเทศไทย

“ด้วยศักยภาพเครือข่ายที่ครอบคลุมของ AIS เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยขยายการเข้าถึงการแข่งขัน พร้อมส่งมอบประสบการณ์การรับชมที่น่าสนใจที่จะทำให้แฟนชาวไทยได้ใกล้ชิดกับทีมและผู้เล่น NBA ที่พวกเขาชื่นชอบมากยิ่งขึ้น” เวย์น ชางกล่าว

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจการสมัครสมาชิกและการรับชม สามารถติดตามได้ทางช่องทางประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการของ AIS PLAY หรือติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ NBA ได้ที่ NBA.com และ NBA App

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok