ALive Powered by AIA ฉลองครบรอบ 4 ปีด้วยการเปิดตัว ALive 3.0 การอัปเกรดครั้งสำคัญที่ผสานเทคโนโลยี AI เข้ามายกระดับประสบการณ์การใช้งาน พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านแอปสุขภาพของไทยด้วยจำนวนผู้ใช้งานกว่า 2.5 ล้านราย
แอปพลิเคชันดูแลสุขภาพและไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรจาก เอไอเอ เวลเนส เวอร์ชันใหม่นี้เน้นการสร้างพฤติกรรมสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนผ่านระบบ Gamification Journey ที่ออกแบบใหม่หมด
จุดเด่นของ ALive 3.0 คือระบบ “ภารกิจเพื่อสุขภาพ” ที่ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสนุกมากขึ้น ผู้ใช้งานสามารถทำภารกิจง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน แล้วสะสมแต้มเพื่อปลดล็อกรางวัลและสิทธิประโยชน์ต่างๆ
ระบบใหม่นี้เชื่อมโยงกับฟีเจอร์หลักในแอป เช่น การตั้งเป้าหมายสุขภาพรายวัน/รายสัปดาห์ การบันทึกอาหาร (Food Tracker) การบันทึกและสำรวจอารมณ์ (Mood Diary) รวมถึงพื้นที่คอมมูนิตี้ใหม่ที่เต็มไปด้วยคอนเท้นต์เพื่อสุขภาพจากครีเอเตอร์ต่างๆ
นายจุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา ดิจิทัล โซลูชันส์ แอนด์ ดีไซน์ เอไอเอ เวลเนส เผยว่า ระบบอิโคซิสเต็มของ ALive ไม่เพียงแต่ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน แต่ยังส่งเสริมให้เกิดคอมมูนิตี้ที่มีส่วนร่วมและกระตือรือร้นในการบรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพระยะยาวอีกด้วย
ALive ยังคงครบครันด้วยฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม อาทิ Food Tracker ที่วิเคราะห์โภชนาการด้วย AI, ALive Show รายการวิดีโอจากโค้ชผู้เชี่ยวชาญ, Personality Test แบบทดสอบจิตวิทยา, และ Tax Calculation เครื่องมือคำนวณภาษีและวางแผนการเงิน
พร้อมกับการอัปเกรด ALive ยังเปิดตัวแคมเปญ “Be the Best Version of Yourself” ที่มุ่งสนับสนุนให้ทุกคนเป็น “ตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด” ในทุกมิติของชีวิต สะท้อนถึงพันธกิจของแอปที่ต้องการช่วยเหลือทุกคนในการดูแลสุขภาพและพัฒนาตนเอง
สิ่งที่น่าสนใจคือ AIA ALive 3.0 ยังผสานแนวคิด ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) เข้าไว้ในแอป สนับสนุนการดูแลสุขภาพแบบรักษ์โลกผ่านโซลูชันดิจิทัล ตอบโจทย์กระแสความยั่งยืนที่กำลังเติบโตทั่วโลก
เอไอเอ เวลเนส ตั้งเป้าหมายใหญ่ คือการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน ALive เป็น 3 ล้านคน ภายในปี 2025 ซึ่งจะเป็นปีที่ 5 ของแอป โดยอาศัยเทคโนโลยีล้ำสมัย ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และการปรับตัวให้ทันต่อเทรนด์ผู้บริโภค เพื่อคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
