กลับมาพบกับ รีวิว OPPO Reno14 F 5G สมาร์ตโฟนที่จะกำหนดเทรนด์การถ่ายพอร์ตเทรดปี 2025 ด้วยนวัตกรรม AI Flash Photography ให้การใช้แฟลชถ่ายรูปกลับมาฮิตอีกครั้ง เก็บภาพในสภาพแสงน้อยได้สวยชัดสะดุดตาแบบย้อนยุค พร้อมดีไซน์ที่สวยล้ำไม่เหมือนใคร และประสบการณ์ AI ที่เสริมการใช้งานสมาร์ตโฟนให้สะดวกยิ่งขึ้น
ต้องยอมรับว่า OPPO ถือเป็นผู้นำในการถ่ายพอร์ตเทรตบนสมาร์ตโฟนมาโดยตลอด นำเสนอเทคโนโลยีที่มายกระดับการถ่ายภาพบุคคลด้วยกล้องมือถือ ให้มีความสวยงามแบบกล้องโปร พัฒนาทั้งเรื่องการสร้างโบเก้ที่สวยเป็นธรรมชาติ ระยะชัดเบลอที่สมจริง สู่การถ่ายพอร์ตเทรดซูมที่ให้มิติภาพหลากหลาย
มาในปี 2025 เป็นยุคที่เหล่าวัยรุ่น Gen Z ปลุกกระแสการสร้างคอนเทนต์ที่สะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ที่มีความสร้างสรรค์มากขึ้น จากก่อนหน้านี้เราเห็นแฟชั่นถ่ายกล้องฟิล์ม และล่าสุดกับการถ่ายภาพโดยใช้ “ไฟแฟลช” เพื่อเก็บภาพบรรยากาศยามค่ำคืนหรือที่แสงน้อย ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศสุดชิคในคาเฟ่ แสงสีจากเวทีคอนเสิร์ต หรือช่วงเวลาสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนในปาร์ตี้ รวมไปถึงการถ่ายภาพท่องเที่ยวหรือสตรีท ก็มีการนำแฟลชมาถ่ายเพื่อให้ได้อารมณ์ภาพที่ต่างจากการถ่ายด้วยสมาร์ตโฟนทั่วไป

วันนี้ OPPO ได้ก้าวเข้ามาเอาใจวัยรุ่น Gen Z ด้วย OPPO Reno14 F 5G สมาร์ตโฟนที่ยกระดับของวงการถ่ายภาพพอร์ตเทรตภายใต้แนวคิด “The AI Portrait Expert” ให้ผู้ใช้สามารถปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ บันทึกภาพบุคคลที่สวยงาม คมชัด และเปียมไปด้วยสไตล์แม้จะต้องเผชิญกับสภาพแสงที่ท้าทายที่สุดก็ตาม
OPPO Reno14 F 5G สานต่อเจตนารมณ์ของ Reno Series ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม AI และการออกแบบที่ล้ำสมัย โดยไม่ได้หยุดอยู่แค่การแก้ปัญหาภาพในที่แสงน้อย แต่ยังมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบรอบด้าน ตั้งแต่ดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลกแฟชั่น สะท้อนตัวตนของผู้ใช้อย่างโดดเด่น ไปจนถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI อันชาญฉลาดและแบตเตอรี่ที่พร้อมใช้งานยาวนานตลอดวัน
รีวิว OPPO Reno14 F 5G เราจะพาคุณไปรู้จักกับฟีเจอร์ใหม่ที่พัฒนามาให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพและทำคอนเทนต์ในไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง พร้อมฟังกชันการใชังานที่รอบตัวรอบด้าน
แกะกล่อง Unbox





ก่อนจะเริ่ม รีวิว เรามาแกะกล่องดูแพ็กเกจของ OPPO Reno14 F 5G กันก่อน ตัวกล่องมาในสีเงินที่มีความมันวาว และมีเอฟเฟกต์ของหางปลาที่ชดช้อย อันเป็นคอนเซปต์ดีไซน์หลักของรุ่นนี้
ภายในตัวเครื่องจะห่อมาในกระดาษไขเพื่อป้องกันรอย โดยจะมีเอกสารคู่มือและการรับประกันแนบมาให้อยู่ในกล่อง พร้อมกับเคสใสแบบ TPU ที่ดีไซน์เรียบๆ เพื่อให้ใช้ใส่เครื่องเพื่อป้องกันรอยขีดข่วน
ด้านล่างสุดจะมีเข็มจิ้มถาดซิม พร้อมชุดอุปกรณ์ชาร์จประกอบด้วยสายชาร์จแบบ USB-A to USB-C และอะแดปเตอร์ชาร์จรองรับมาตรฐาน 45W SUPERVOOC มาให้พร้อมสำหรับใช้งานได้ตั้งแต่แกะกล่อง
เจาะลึกกับระบบกล้อง Ultra-Clear Low-Light

กล้องหลังของ OPPO Reno14 F 5G จะประกอบด้วย กล้องหลัก 50MP ใช้เซ็นเซอร์ระดับเรือธง Sony IMX882 ความละเอียด 50MP ขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ 1/1.95 นิ้ว และรูรับแสงกว้าง f/1.8 ช่วยให้กล้องสามารถรับแสงได้มากขึ้นอ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล (OIS) ที่ช่วยลดการสั่นไหวจากการถือกล้อง ทำให้ภาพถ่ายในที่แสงน้อยมีความคมชัดและลดโอกาสการเกิดภาพเบลอได้อย่างยอดเยี่ยม
และยังทำงานร่วมกับกล้อง Ultra-Wide 8MP รูรับแสง f/2.2 ที่ให้มุมมองกว้างถึง 112 องศา สำหรับการเก็บภาพทิวทัศน์หรือภาพกลุ่มเพื่อนแบบครบๆ และ กล้อง Macro 2MP รูรับแสง f/2.4 สำหรับถ่ายวัตถุระยะใกล้
สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 32MP มีความน่าสนใจตรงที่มีระบบ Autofocus (AF) ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่มีความคมชัด โฟกัสแม่นยำในทุกระยะ ไม่ว่าจะถ่ายคนเดียวหรือเซลฟี่กลุ่ม
AI Flash Photography: สปอตไลท์ส่วนตัวในทุกโมเมนต์

มาเริ่มกันที่ไฮไลต์สำคัญและจุดเด่นที่สุดของ OPPO Reno14 F 5G คือความสามารถด้านการถ่ายภาพที่ถูกยกระดับไปอีกขั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในที่แสงน้อย OPPO ได้ทลายกำแพงข้อจำกัดเดิมๆ ของการใช้แฟลชบนสมาร์ตโฟน เปลี่ยนจากฟีเจอร์ที่ไม่มีใครอยากใช้ ให้กลายเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ผลงานระดับมืออาชีพที่ทุกคนต้องหลงรัก
OPPO ไม่ได้เพียงแค่เพิ่มความสว่างให้กับแฟลช แต่ได้สร้างระบบนิเวศการถ่ายภาพด้วยแสงแฟลชขึ้นมาใหม่ทั้งหมด สิ่งที่เรียกว่า “AI Flash Photography” คือการทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังและอัลกอริธึม AI ที่ชาญฉลาด เพื่อผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

Reno14 F 5G มาพร้อมการอัปเกรดระบบแฟลชครั้งใหญ่ด้วยการใช้ ระบบไฟฉายคู่ (Dual-flashlight system) ทั้งในกล้องหลักและเลนส์มุมกว้าง ส่งผลให้แฟลชมีความสว่างเพิ่มขึ้นถึง 100% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่ระยะ 1 เมตร ถือเป็นความสว่างระดับสูงสุดของสมาร์ตโฟนในปัจจุบัน
ความสว่างที่เพิ่มขึ้นนี้ ไม่ได้ทำให้ภาพดูแข็งกระด้าง แต่ทำหน้าที่ช่วยให้กล้องสามารถเก็บรายละเอียดของตัวแบบและฉากหลังได้อย่างครบถ้วน และความลับของภาพถ่ายที่สวยงามนั้นไม่ได้อยู่ที่ความสว่างเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่เทคนิคการปล่อยแสงแฟลชที่ซับซ้อนกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไป
ระบบจะใช้เทคนิคการทำงานแบบไฟแฟลชแบบกล้องมืออาชีพ คือทำการปล่อยแฟลชที่มีความเข้มต่ำออกไปก่อน (Pre-flash) เพื่อให้เซ็นเซอร์กล้องสามารถวัดแสงและจับโฟกัสบนตัวแบบได้อย่างแม่นยำ จากนั้นจึงยิงตามด้วยแฟลชหลักที่สว่างและรวดเร็วเพื่อบันทึกภาพ

กระบวนการยิงแฟลชสองจังหวะนี้ ช่วยให้การถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยหรือมืดสนิท ภาพที่ได้ตัวแบบจะมีความคมชัด โฟกัสแม่นยำ
หลังจากกดชัตเตอร์แล้ว ก็จะเป็นเวลาของ AI เริ่มทำงาน ด้วยอัลกอริธึมของ OPPO ที่ผ่านการเรียนรู้มาอย่างล้ำลึกจะเข้ามาประมวลผลภาพถ่ายทันทีโดยมีเป้าหมายหลักสองประการ คือ การปรับโทนสีผิว (Skin Tone) ให้ดูสวยงามและเป็นธรรมชาติ และ การสร้างเอฟเฟกต์สามมิติ (3D Effect) ที่ทำให้ตัวแบบดูโดดเด่น มีมิติและลอยออกมาจากฉากหลังที่มืดลงอย่างสวยงาม
ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพถ่ายพอร์ตเทรตสไตล์ Y2K ดู Vintage ย้อนยุค ที่ดูอินเทรนด์มีชีวิตชีวา เหมือนกับภาพถ่ายจากนิตยสารแฟชั่นหรือภาพถ่ายด้วยกล้องคอมแพค นี่คือความสามารถที่สมาร์ตโฟนแบรนด์อื่นในระดับราคาเดียวกันไม่สามารถทำได้
จากที่เราได้ลองใช้ไฟแฟลชในการถ่ายพอร์ตเทรตด้วย OPPO Reno14 F 5G แล้วเรียนรู้ถึงหลักการทำงานและขีดความสามารถในการใช้งาน ก็ทำให้เรานำมาประยุกต์ในการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยหรือมืดได้สนุกกว่าเดิมมาก
ถ่ายในสภาพแสงน้อยมาก : เราลองถ่ายในที่กลางแจ้งเวลากลางคืน แสงนั้นมีอยู่ในฉากหลังอยู่ไกลๆ เมื่อเราเปิดใช้ ภาพที่ได้ก็คือตัวแบบจะมีความสว่างชัด ส่วนฉากหลังถึงแม้ว่าจะมีไฟสว่างก็จะถูกทำให้มืดลง


ผลของภาพที่ได้คือตัวแบบมีความโดดเด่นชัดจากความมืดด้านหลัง โดยที่ฉากหลังที่ได้จะมองเห็นรายละเอียดอยู่บ้าง โทนภาพจะไม่ได้สดใสเหมือนกับการใช้โหมดกลางคืนถ่ายที่ระบบจะดึงความสว่างและรายละเอียดของภาพทั้งหมดขึ้นมาให้ดูสว่างคมชัด แต่การใช้ไฟแฟลชจะได้อารมณ์ที่ดูย้อนยุคที่เหมือนกับใช้กล้องคอมแพคถ่าย ได้บรรยากาศของภาพที่แตกต่างออกไป


ถ่ายในสภาพแสงริมถนนเวลากลางคืน : เราจะต้องเจอกับสภาพแสงที่มาจากหลายทิศทาง มาจากป้ายร้านหรือดวงไฟต่างๆ รวมไปถึงฉากหลังก็มีจุดที่สว่างต่างกันไป


เมื่อเราใช้แฟลชในการถ่าย ความสว่างจะมาเน้นที่นางแบบ ส่วนที่สว่างในฉากหลังจะมืดลง แต่ก็ไม่ได้มืดสนิทเหมือนกับการถ่ายในบริเวณที่มืดหรือแสงน้อยมาก จุดสนใจในภาพจึงอยู่เฉพาะช่วงหน้าเท่านั้น ทำให้การเล่าเรื่องในภาพถูกกำหนดได้อย่างที่เราต้องการ
ถ่ายในสภาพที่มีแสงไฟจากป้ายในเวลากลางคืน : เราลองถ่ายในสภาพแสงที่ค่อนข้างท้าทาย ด้วยการให้มีแสงสว่างขนาดใหญ่และแรงเข้าที่ใกล้ๆ ของนางแบบ ถ้าเราถ่ายด้วยโหมดปกติหรือโหมดกลางคืน ภาพที่ได้จะมีความสว่าง แต่แสงบนใบหน้าของนางแบบจะสว่างเกินไปในทิศที่แสงเข้าตัดกับโทนผิวที่มืดลง ซึ่งไม่เหมาะเลยสำหรับการถ่ายพอร์ตเทรต


เมื่อใช้ไฟแฟลชมาช่วยถ่าย ผลที่ได้คือแสงที่เข้าด้านข้างมีความสว่างและแข็งน้อยลง และสีผิวของแบบจะมีความสวยเนียนขึ้นอีกด้วย รวมถึงฉากหลังที่มืดลง จุดสนใจของภาพจึงอยู่ที่นางแบบอย่างชัดเจนมากขึ้น
ใช้แสงแฟลชเพื่อลบเงาบนตัวแบบ : การใช้ไฟแฟลชอาจจะไม่ได้จำเป็นต้องใช้แค่ในเวลากลางคืนหรือที่มืดมาก แต่ในที่ๆ แสงตัดกับเงามืดหนักๆ ก็มีประโยชน์ด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างที่เราทดสอบ คือมีแสงแดดที่ส่องผ่านมาพาดกับตัวแบบที่เข้มมาก ถ้าถ่ายตามปกติคือเกิดเงามืดพาดกลางตัวแบบที่ดูแล้วไม่สวยงาม


เมื่อลองถ่ายอีกครั้งที่สภาพแสงเดียวกัน แต่เปิดแฟลช ด้วยความเข้มของแสงแฟลชใน OPPO Reno14 F 5G ค่อนข้างสว่าง ทำให้สู้กับแสงที่ส่องลงมา ช่วยให้ตัวนางแบบกลับมามีความสว่างชัดทั้งตัว และฉากหลังก็มืดลงทันที ภาพจึงออกมาคือนางแบบสวยและเด่นตัดกับฉากที่มืด


หรือจะใช้ในการถ่ายในสภาพที่มีแสงไฟเข้ามาจากด้านข้างพาดบนใบหน้า เกิดทั้งจุดสว่างและเงา เมื่อใช้แฟลชก็สามารถช่วยลบเงาและปรับโทนผิวให้ตรงชัดสวยงามได้อย่างน่าประทับใจ
ใช้แฟลชเพื่อให้ได้ภาพอุณหภูมิสีที่ถูกต้อง : บางสถานการณ์ของแสงระหว่างวัน อย่างเช่นตอนโพล้เพล้ใกล้มืด แสงจะมีอุณหภูมิที่เวลาถ่ายแล้วอาจจะได้สีที่ดูแปลกๆ อย่างในภาพตัวอย่างจะเห็นว่าสีผิวรวมถึงสีในฉากหลังดูตุ่นๆ ดูไม่สวยเอาเสียเลย


พอเราใช้แฟลชในการถ่าย สิ่งที่ได้ทันทีคือสกินโทนของแบบที่ถูกต้อง ส่วนฉากหลังมีการปรับให้ดูมืดลงที่ดูยังเห็นรายละเอียดและไม่เด่นแข่งกับนางแบบ จะเห็นเลยว่าทั้งสองภาพนี้มีความแตกต่างกันชัดเจน และการใช้แฟลชทำให้ภาพดูดีขึ้น
ถ่ายในสภาพย้อนแสงในที่มืด : เราทดสอบในสถานการณ์ที่โหดร้ายที่สุดในการถ่ายคือมีแสงย้อนจากด้านหลังที่สว่างมาก แน่นอนว่าถ้าถ่ายปกติตัวนางแบบจะมืดสนิท และเห็นแต่ความสว่างที่ฉากหลัง


เราลองใช้ไฟแฟลชถ่ายพอร์ตเทรตในจุดนี้คือ นางแบบกลับมาสว่างอยู่ในภาพ โดยแสงสว่างโล่ในฉากหลังก็หายไป เหลือแต่แสงในบางจุดและแสงที่ระยะของแฟลชยิงไปถึงเท่านั้น
สกินโทนในการถ่ายด้วยแฟลช : จากที่เราทดสอบถ่ายในเวลากลางคืน ไฟแฟลชของ OPPO Reno14 F 5G ที่เป็นแบบ Duo-tone ช่วยให้การถ่ายพอร์ตเทรตได้โทนของสีผิวที่สวยงาม ตรงกับความเป็นจริง เมื่อทำงานรวมกับ AI ก็ยิ่งได้ความเนียนและคมชัดมากขึ้นอีกด้วย



ข้อดีอีกอย่างของการใช้ไฟแฟลชในการถ่ายพอร์ตเทรต ก็คือบริเวณใบหน้าจะมีความสว่างชัด เงาจะอยู่ที่ขอบรอบหน้า ถ้าถ่ายเป็นมุมเฉียงลง จะได้แสงที่คอนทัวร์ให้มิติ ใบหน้าจึงมีความดูเรียวมากขึ้น สาวๆ ชอบแน่นอน
ถ่ายโหมดพอร์ตเทรต : ของดีที่เป็นตัวชูโรงในกล้องของ OPPO มาโดยตลอด ก็ยังคงน่าประทับใจเช่นเคย กับการถ่ายภาพเลือกปรับค่ารูรับแสงด้านหลังเพื่อเบลอฉากหลังให้ละลายเป็นโบเก้ เพื่อปรับให้ตัวแบบด้านหน้าโดดเด่น




พร้อมกันนี้ยังมีเพิ่มความเป็น Gen Z มากขึ้นด้วยโหมด Soft Light ที่จะจำลองเหมือนกับการถ่ายภาพกล้องโปรแล้วใส่ Mist Filter เพื่อสร้างเอฟเฟกต์แสงที่ฟุ้ง เพื่อให้ได้ภาพออกมาดูนุ่มนวลชวนฝันมากขึ้น




จะเห็นเลยว่าเมื่อเปิดใช้ Soft Light แล้ว ความฟุ้งนั้นทำให้ภาพดูมีความละมุนดูมีออร่า ได้อารมณ์ของแสงที่สวยแปลกตาไปอีกแบบ

ถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหน้า : ต้องบอกว่ากล้องหน้าของ OPPO Reno14 F 5G ก็ทำงานได้ดีในสภาพแสงน้อยด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะมีเป็นไฟแฟลชที่สว่างหน้าจอส่องมาที่ใบหน้า แต่เมื่องานร่วมกับกล้อง 32MP ที่เป็นแบบออโต้โฟกัส ทำให้ได้ภาพเซลฟี่ที่คมชัดไม่หลุดโฟกัส รวมถึงสกินโทนที่ดีและฉากหลังมีความมืดลงคล้ายกับใช้แฟลช


ความสว่างจากแสงไฟบนหน้าจอเป็นแบบวงแหวน ทำให้เวลาถ่ายเซลฟี่มีความสว่างทั่วทั้งใบหน้า และชัดเน้นที่ใบหน้า


ลองถ่ายด้วยโหมดพอร์ตเทรตกล้องหน้า ภาพก็จะได้อีกอารมณ์คือ หน้าชัดหลังเบลอ และมีโบเก้เป็นดวงในฉากหลังที่ยังคงมีความสว่างอยู่บ้าง โดยที่ใบหน้าจะมีความเนียนแต่จะสว่างน้อยกว่าการใช้แฟลช
ถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหลัง Ultra-wide : เป็นการเปิดโลกความรู้ใหม่ที่ผมได้จากน้องนางแบบ (5555) ที่หยิบเอา OPPO Reno14 F 5G ไปถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหลัง ทำเอางงมากๆ ว่าน้องถ่ายได้ยังไง? แล้วน้องก็บอกว่า “เจน Z เค้าถ่ายอย่างนี้กันค่ะ”

วิธีก็คือเลือกเป็นเลนส์ Ultra-wide ที่มีมุมมองกว้างกว่ากล้องหน้า แม้ว่าจะมีความละเอียดน้อยกว่า แต่โหมด AI Beauty สามารถเลือกปรับได้ละเอียดกว่า และภาพที่ได้ก็คือตัวนางแบบจะอยู่ตรงกลางของภาพ เก็บภาพได้เกือบเต็มตัว ทำให้เก็บบรรยากาศฉากหลังได้กว้างมาก ซึ่งหลังจากนี้ก็นำไปครอบตัดในสัดส่วนที่เหมาะสม ก็จะได้เซลฟี่แบบ Gen Z แล้ว


สตูดิโอ AI ในมือคุณ (AI แก้ไขภาพอัจฉริยะ 2.0)
นอกจากการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมแล้ว OPPO Reno14 F 5G ยังมาพร้อมกับชุดเครื่องมือแก้ไขภาพอัจฉริยะเวอร์ชั่นใหม่ AI แก้ไขภาพอัจฉริยะ 2.0 ที่เปรียบเสมือนมีสตูดิโอรีทัชภาพมืออาชีพอยู่ในมือ ช่วยให้คุณปรับแต่งภาพให้สมบูรณ์แบบพร้อมแชร์ลงโซเชียลมีเดียได้ในไม่กี่ขั้นตอน

AI ปรับเฟรมภาพ (AI Recompose) – เป็นฟีเจอร์ที่มาช่วยแก้ปัญหาเวลาที่คุณถ่ายภาพมาแล้วแต่รู้สึกว่ายังไม่โอเค เพราะองค์ประกอบไม่ลงตัว? บางทีจะปรับครอปเองก็ไม่มีไอเดีย
ฟีเจอร์นี้จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว โดย AI ที่ผ่านการฝึกฝนจากข้อมูลการถ่ายภาพระดับมืออาชีพจะวิเคราะห์และแนะนำการครอบตัด (Crop) ภาพในอัตราส่วนต่างๆ ที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น 1:1 สำหรับ Instagram, 16:9 สำหรับ Story หรือ 3:4 พร้อมทั้งแก้ไขความบิดเบี้ยวของเลนส์และใช้ฟิลเตอร์สวยงามให้อัตโนมัติ ช่วยให้คุณได้ภาพที่มีองค์ประกอบสมบูรณ์แบบในคลิกเดียว
ทำให้ตอนนี้เวลาที่เราถ่ายภาพบางทีก็อาจจะไม่ต้องปั้นช็อตเล็งให้เป๊ะมาก หรือถ้าตอนจะถ่ายไม่มีไอเดียก็ถ่ายแบบกว้างๆ เอาไว้ก่อน แล้วค่อยมาใช้ฟีเจอร์นี้ช่วยครอบตัดทีหลัง ซึ่งง่ายและสะดวกขึ้นมากๆ

AI ปรับหน้าเป๊ะ (AI Perfect Shot) – ปัญหาสุดคลาสสิกของการถ่ายภาพพอร์ตเทรตคือ ตากล้องเล็งอย่างดีแต่พอกดชัตเตอร์ นางแบบดันหลับตาซะอย่างงั้น ฟีเจอร์นี้คือทางออกที่ชาญฉลาด AI จะทำการสแกนอัลบั้มรูปภาพของคุณ เพื่อค้นหารูปอ้างอิงของบุคคลในภาพ และสร้างตัวเลือกสีหน้าท่าทางขึ้นมา 4 แบบ ให้คุณสามารถเลือกเปลี่ยนแทน เพื่อให้ได้ใบหน้าที่ดีที่สุด เป็นฟีเจอร์ที่ปรับภาพให้ดูดีแบบไม่ปลอม เพราะไม่ได้ไปเอาหน้าตาของใครก็ไม่รู้มาแทน แต่ใช้รูปที่มีอยู่ในเครื่องของคุณเอง

ยางลบ AI 2.0 (AI Eraser 2.0) – เครื่องมือสุดทรงพลังที่ช่วยให้คุณลบคนหรือวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพได้อย่างเนียนตา เพียงใช้นิ้ววงล้อมรอบสิ่งที่อยากจะลบออกไป
AI จะทำการตรวจจับและลบออกไป พร้อมทั้งสร้างพื้นหลังขึ้นมาทดแทนได้อย่างแนบเนียน ช่วยให้คุณสามารถควบคุมองค์ประกอบในภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบและสร้างสรรค์ภาพที่สะอาดตาและน่ามองยิ่งขึ้น
ที่ชอบมากคือการที่ AI มีให้เลือกตรวจจับภาพบุคคลในภาพ ที่ว่าเยอะแค่ไหน ตัวเล็กตัวน้อยอยู่ในภาพ ก็สามารถตรวจับแล้วลบออกพร้อมสร้างฉากหลังให้ใหม่แบบแนบเนียนจนแทบจะแยกไม่ออกว่านี่คือภาพที่ผ่านการรีทัชมา
ฟีเจอร์กล้องอื่นๆ ที่น่าสนใจพิเศษเพิ่มเติม
- วิดีโอ 4K คมชัดพิเศษ – Reno14 F 5G รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 30fps ช่วยให้คุณสามารถบันทึกทุกเรื่องราวและประสบการณ์ในชีวิตด้วยความคมชัดและรายละเอียดที่น่าทึ่ง เหมาะสำหรับการรับชมบนหน้าจอขนาดใหญ่หรือการนำไปตัดต่อเป็นผลงานวิดีโอคุณภาพสูง
- การถ่ายภาพใต้น้ำ (Underwater Photography) – เป็นฟีเจอร์ที่ OPPO เริ่มนำมาใส่ในสมาร์ตโฟนก่อนใครตั้งแต่ปีก่อน และตอนนี้ก็กลายเป็นฟีเจอร์พื้นฐานใน Reno Series ด้วยมาตรฐานการกันน้ำระดับสูงสุด IP69 Reno14 F 5G จึงมาพร้อมโหมดถ่ายภาพใต้น้ำโดยเฉพาะ ที่ให้คุณสามารถถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอได้ถึง 4K ในสภาพแวดล้อมน้ำจืดที่ความลึกสูงสุด 2 เมตร นานสูงสุด 30 นาที โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมหรือเคสกันน้ำเพิ่มเติม

ดีไซน์ที่สะท้อนตัวตน โดดเด่นในทุกสไตล์
OPPO ยังคงรังสรรค์การออกแบบที่สวยเด่นสะดุดตา กับ OPPO Reno14 F 5G ก็ยังคงได้รับแรงบันดาลใจจากความเป็นแฟชั่น ผสมผสานความงามของธรรมชาติเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยได้อย่างลงตัว
เฉดสีที่บอกเล่าเรื่องราว
Reno14 F 5G มาพร้อม 3 เฉดสีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ละสีถูกออกแบบมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวและสะท้อนบุคลิกที่แตกต่างกัน

สีฟ้า Opal Blue – สีที่เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้มาพร้อม “ดีไซน์ลวดลายหางปลาพลิ้วไหว” (Iridescent Mermaid Design) อันเป็นเอกลักษณ์ ฝาหลังของสีนี้ไม่ได้เป็นเพียงสีฟ้าธรรมดา แต่เกิดจากกระบวนการเคลือบผิวแบบเปล่งประกายสีรุ้ง (Iridescent Glow Process) ที่มีความซับซ้อนและแม่นยำสูง เกี่ยวข้องกับการเคลือบลวดลายระดับไมครอนถึง 5 รอบ และมีเลเยอร์ซ้อนกันมากถึง 12 ชั้น
ผลลัพธ์คือพื้นผิวที่สามารถเปลี่ยนเฉดสีไปตามมุมแสงที่ตกกระทบ สร้างมิติที่ลุ่มลึกราวกับความงดงามของมหาสมุทร เป็นตัวแทนของทัศนคติที่สดใสและเป็นอิสระของคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังเสริมความพิเศษด้วย Gradient Aura Design รอบโมดูลกล้อง ที่ช่วยลดความโดดเด่นของเลนส์และสร้างความกลมกลืนให้กับดีไซน์โดยรวม

สีชมพู Glossy Pink – สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความโดดเด่นและมีสไตล์ สีชมพูมันวาวนี้มาพร้อมการเคลือบเงาที่สวยงาม สะท้อนแสงได้อย่างหรูหราและทันสมัย สะท้อนเทรนด์แฟชั่นร่วมสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สีเขียว Luminous Green – นำเสนอนวัตกรรมใหม่ด้วยดีไซน์วงแหวน Luminous Loop รอบกล้อง ซึ่งใช้การเคลือบสะท้อนแสงแบบพิเศษ ทำให้สามารถดักจับและสะท้อนแสงได้อย่างมีเอกลักษณ์ เกิดเป็นเอฟเฟกต์การเรืองแสงแบบไดนามิกที่น่าค้นหา เป็นการแสดงออกถึงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณโดดเด่นในทุกสถานการณ

สำหรับเครื่อง OPPO Reno14 F 5G ที่ทาง TechOffside เราได้มาทดสอบ รีวิว เป็นสีชมพู Glossy Pink ที่มีความมันวาวแต่ผิวสัมผัสนั้นเป็นแบบด้านที่มีความนุ่มมือและเกิดรอยนิ้วมือติดน้อยมาก และโทนสีจะมีการเปลี่ยนไปตามมุมที่แสงกระทบทำให้ดูมีความสวยงามแตกต่างกันไปตามสภาพแสง ถือเป็นลูกเล่นที่ทำให้ตัวเครื่องดูมีสีสันมีชีวิตชีวามากขึ้น
ความสวยงามที่มาพร้อมความบางเบา

ในยุคนี้ที่สมาร์ตโฟนที่แม้ว่าจะอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีและแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ แต่ OPPO Reno14 F 5G ยังสามารถคงรูปลักษณ์ที่เพรียวบางและน้ำหนักเบาอย่างน่าทึ่ง ด้วยตัวเครื่องที่บางเฉียบเพียง 7.69 มม. (ในสี Glossy Pink) และน้ำหนักเพียง 180 กรัม ทำให้เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนที่บางและเบาที่สุดในระดับราคาเดียวกัน
การออกแบบขอบตัวเครื่องแบบแบน (Flat-edge) ที่ตัดขอบโค้งมนอย่างแม่นยำ ไม่เพียงแต่ให้ลุคที่ทันสมัย แต่ยังช่วยให้การจับถือมีความสบายและกระชับมือ แม้จะต้องใช้งานเป็นเวลานาน ความบางเบานี้ทำให้ Reno14 F 5G สามารถพกพาไปได้ทุกที่อย่างคล่องตัว ไม่ว่าจะเป็นการสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าถือใบเล็ก
หน้าจอแสดงผลสวยคมชัด

OPPO Reno14 F 5G มอบประสบการณ์การรับชมภาพในระดับเรือธงผ่านหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.57 นิ้ว แบบแบน ที่มาพร้อมขอบจอบางเฉียบเพียง 1.6 มม. มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93.04% ให้ความรู้สึกเต็มตาและไร้ขอบเขต
ความลื่นไหลและคมชัด – อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ทำให้การเลื่อนหน้าจอ การสลับแอปพลิเคชั่นและการเล่นเกมมีความลื่นไหลเนียนตา ในขณะที่ความละเอียดระดับ FHD+ (2372 x 1080 พิกเซล) และการรองรับสีสันมากกว่า 1 พันล้านสี (10-bit) ช่วยให้ทุกภาพและวิดีโอมีความคมชัด สีสันสดใส และสมจริง

สู้แสงและถนอมสายตา – ด้วยความสว่างสูงสุดในโหมด HBM ที่ 1,400 nits ทำให้สามารถใช้งานกลางแจ้งภายใต้แสงแดดจ้าได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังใส่ใจสุขภาพดวงตาของผู้ใช้ด้วยเทคโนโลยีการหรี่แสง PWM ความถี่สูงถึง 2160Hz เพื่อลดการกระพริบของหน้าจอ และฟีเจอร์ Adaptive Tone ที่จะปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอให้เข้ากับสภาพแสงโดยรอบโดยอัตโนมัติ
นวัตกรรมเพื่อการใช้งานทุกสถานการณ์ – จุดเด่นที่เหนือกว่าคือฟีเจอร์เอกสิทธิ์เฉพาะของ OPPO อย่าง Splash Touch และ Glove Mode ที่ช่วยให้หน้าจอยังคงตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างแม่นยำ แม้มือจะเปียกน้ำหรือขณะสวมถุงมือก็ตาม ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เพิ่มความสะดวกและความน่าเชื่อถือในการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง
ทนทานพร้อมลุย!

ความสวยงามของดีไซน์ภายนอก ยังถูกปกป้องด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งและมาตรฐานความทนทานระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม OPPO Reno14 F 5G ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทลายความเชื่อที่ว่าสมาร์ตโฟนที่สวยงามมักจะบอบบาง
มาตรฐานการกันน้ำและฝุ่นระดับสูงสุด – Reno14 F 5G สร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้ด้วยมาตรฐานการป้องกันที่ครอบคลุมถึง 3 ระดับ คือ IP66, IP68 และ IP69 ซึ่งหมายความว่าตัวเครื่องไม่เพียงแต่ทนทานต่อฝุ่นและสามารถจมน้ำจืดได้ลึกถึง 1.5 เมตร นาน 30 นาที (IP68) แต่ยังสามารถทนทานต่อการฉีดน้ำแรงดันสูงและอุณหภูมิสูงได้ (IP69) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดที่หาได้ยากในสมาร์ตโฟนทั่วไป ช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างสบายใจในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานกลางสายฝน หรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
การปกป้องจากภายใน – โครงสร้างภายในถูกเสริมด้วย “ฟองน้ำไบโอนิคกันกระแทก” (Bionic shock-absorbing sponge) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฟองน้ำในธรรมชาติ โดยมีการสร้างช่องว่างรอบชิ้นส่วนสำคัญเพื่อดูดซับแรงกระแทก ทำงานร่วมกับกรอบโลหะผสมเสริมแรง เพื่อสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งให้กับส่วนประกอบภายในจากการตกหล่น

ขุมพลัง AI เพื่อการเล่นเกมและใช้งานที่ยาวนาน
ประสิทธิภาพของ OPPO Reno14 F 5G ถูกออกแบบมาโดยเน้นที่ “ใช้งานต่อเนื่องอย่างเสถียร” (Marathon Reliability) มากกว่าการทำความเร็วสูงสุดในระยะสั้น (Sprint Speed) แนวคิดนี้มุ่งแก้ปัญหาหลักที่ผู้ใช้สมาร์ตโฟน โดยเฉพาะเกมเมอร์ต้องเผชิญ นั่นคือปัญหาแบตเตอรี่หมดเร็ว เครื่องร้อน และสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ไม่เสถียร เพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นและต่อเนื่องยาวนานตลอดวัน
หัวใจหลักแห่งประสิทธิภาพที่สมดุล
OPPO ได้เลือกใช้ส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ที่เน้นความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับการใช้งานในทุกรูปแบบ
ชิปเซ็ตที่ทรงพลังและประหยัดพลังงาน – Reno14 F 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 6 Gen 1 ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 4nm ขึ้นชื่อเรื่องการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ มีการปรับปรุงประสิทธิภาพ CPU ขึ้น 35% และ GPU ขึ้น 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทำให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป การรับชมวิดีโอความละเอียดสูง หรือการเล่นเกมกราฟิกสวยงาม

สเปกของ Reno14 F 5G เครื่องที่เราได้มาทดสอบครั้งนี้ เป็นรุ่น RAM 12GB + ROM 256GB โดยในการจำหน่ายจะมีให้เลือกได้อีก 2 รุ่นคือ RAM 8GB + ROM 256GB และ RAM 12GB + ROM 512GB ตัวความจุนั้นเราไม่สามารถเพิ่ม microSD ได้ ดังนั้นเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน ส่วนของ RAM จะมีฟีเจอร์ RAM expansion ที่ดึงเอาพื้นที่ของ ROM มาใช้เป็น RAM แบบเสมือน เลือกปรับได้ตั้งแต่ 4GB-12GB เพื่อช่วยให้เวลาที่เปิดใช้งานหลายแอปพร้อมๆ กัน เครื่องยังคงทำงานได้อย่างลื่นไหลไม่อืด
แบตเตอรี่อึดที่ไม่ต้องกังวล – จุดเด่นที่สำสำคัญที่สุดคือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6,000mAh ถือว่าใหญ่มากสำหรับสมาร์ตโฟนที่มีตัวเครื่องบางเพียง 7.69 มม. แบตเตอรี่ขนาดมหึมานี้สามารถรองรับการใช้งานทั่วไปได้ยาวนานถึง 2 วัน ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ช่วยขจัดความกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างวัน สำหรับคอเกม สามารถเล่นเกมอย่าง Mobile Legends: Bang Bang ได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 10 ชั่วโมง

ชาร์จไวทันใจ – เมื่อแบตเตอรี่หมด ก็สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีชาร์จไว 45W SUPERVOOC ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 ถึง 100% ได้ในเวลาเพียง 79 นาที นอกจากนี้การชาร์จเพียง 10 นาที ยังให้พลังงานเพียงพอสำหรับการโทรนานถึง 7.4 ชั่วโมง หรือดูวิดีโอ YouTube ได้นานถึง 3.7 ชั่วโมง
เย็นกว่า เสถียรกว่า ด้วยพลัง AI

OPPO ได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยจัดการประสิทธิภาพการเล่นเกมอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างสม่ำเสมอ
ระบบระบายความร้อนอัจฉริยะ – Reno14 F 5G มาพร้อม ระบบระบายความร้อน AI แบบคู่บางพิเศษ (AI Ultra-thin Dual-Drive Cooling System) ที่ทำงานร่วมกับชิปเซ็ต Snapdragon 6 Gen 1 ระบบนี้ประกอบด้วย Vapor Chamber (VC) ขนาดใหญ่ที่บางเป็นพิเศษเพื่อนำความร้อนออกจากชิปเซ็ตอย่างรวดเร็ว และแผ่นกราไฟต์เกรดอากาศยาน ที่มีค่าการนำความร้อนสูงถึง 1,800 W/mK กระจายอยู่ทั่วเฟรมเครื่องและฝาหลัง
ความอัจฉริยะของ AI คือการปรับการระบายความร้อนให้เหมาะสมกับบริเวณที่ผู้ใช้จับถือขณะเล่นเกม เพื่อรักษาความเย็นสบายและประสิทธิภาพสูงสุดไปพร้อมกัน
AI HyperBoost 2.0 เล่นเกมลื่นไหล – ระบบ AI เฉพาะของ OPPO นี้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทรัพยากรของเครื่องขณะเล่นเกม โดยจะจัดสรรพลังของ CPU และ GPU ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อรักษาอัตราเฟรมเรตให้คงที่และลื่นไหลอยู่เสมอ จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการ แม้จะเล่นเกมเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงถึง 35°C ตัวเครื่องก็ยังสามารถรักษาอุณหภูมิสูงสุดให้อยู่ต่ำกว่า 43°C ซึ่งเป็นระดับที่เย็นสบายและจัดการได้

ประสิทธิภาพในการเล่นเกม ถือว่าทำได้น่าประทับใจ ได้ลองกับเกม Mobile Legends: Bang Bang ที่สามารถเล่นแบบลื่นๆ เฟรมเรตสูงถึง 90fps แบบแทบไม่แกว่ง ความร้อนระหว่างเล่นถึงว่าไม่มาก และด้วยแบตเตอรี่ที่มีความจุสูงก็สามารถทำให้เล่นได้ต่อเนื่อง

AI LinkBoost 3.0 สัญญาณเสถียรทุกสถานการณ์ – ปัญหาสัญญาณขาดหายหรือกระตุกขณะเล่นเกมออนไลน์จะหมดไป ด้วย AI LinkBoost 3.0 ที่ทำงานร่วมกับระบบเสาอากาศที่ออกแบบมาใหม่ ซึ่งมีเสาอากาศด้านข้างเพื่อการรับสัญญาณที่ดีขึ้นเมื่อถือเครื่องในแนวนอน AI จะทำการวิเคราะห์คุณภาพของเครือข่ายทั้ง Wi-Fi และ Cellular ตลอดเวลา และจะสลับไปใช้การเชื่อมต่อที่ดีกว่าโดยอัตโนมัติอย่างราบรื่น พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญให้กับข้อมูลของเกม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการเชื่อมต่อจะเสถียรและรวดเร็วอยู่เสมอ แม้จะอยู่ในที่ที่มีคนหนาแน่นหรือสัญญาณอ่อนก็ตาม
ฟีเจอร์เสริมสำหรับเกมเมอร์

AI Game Highlights – ฟีเจอร์ที่มาช่วยให้เกมเมอร์สายโซเชียลที่อยากโชว์คลิปการเล่นได้อย่างง่ายดายด้วย AI Highlight Report ใหม่ ที่สามารถตรวจจับคลิปไฮไลต์โดยอัตโนมัติตามสัญญาณการฆ่าในเกม ด้วยเทมเพลตการแก้ไข AI เพียงแตะครั้งเดียว การสร้างวิดีโอรายงานการต่อสู้ที่น่าสนใจเพื่อแบ่งปันนั้นทำได้ง่ายดาย

Silent Launch – ช่วยแก้ปัญหาเวลาที่คุณเปิดเล่นเกมในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นใน BTS, รถเมล, หรือร้านอาหาร หากคุณลืมปิดเสียงโทรศัพท์ก่อน เสียงเปิดเกมที่ดังสนั่นอาจทำให้คนรอบข้างหันมามองคุณได้ Silent Launch จะช่วยแก้ปัญหานี้ด้วยการลดเสียงมีเดียของเกมลงโดยอัตโนมัติเมื่อคุณเปิดเกม หากคุณต้องการให้เสียงกลับมาในภายหลัง เพียงแค่ใช้ปุ่มปรับระดับเสียงเพื่อเพิ่มเสียงได้ทุกเมื่อที่คุณพร้อม
ที่สุดแห่งความอัจฉริยะบน ColorOS 15

OPPO Reno14 F 5G ไม่ได้มีดีแค่เรื่องกล้อง ดีไซน์หรือการเล่นเกม แต่ยังมอบประสบการณ์การใช้งานที่ชาญฉลาดและยาวนาน ผ่านระบบปฏิบัติการ ColorOS 15 และชุดฟีเจอร์ AI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นในทุก ๆ วัน กลยุทธ์ของ OPPO ในส่วนนี้คือการสร้างคุณค่าที่เหนือกว่าสเปกฮาร์ดแวร์ด้วยซอฟต์แวร์ที่เปียมประสิทธิภาพ พร้อมดูแลในการอัปเดตระยะยาว และการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอื่นได้อย่างเรียบเนียน
ประสบการณ์ที่ลื่นไหลและชาญฉลาด
ColorOS 15 คือระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดที่ถูกปรับแต่งมาอย่างดีเยี่ยมเพื่อมอบความเร็วและความเสถียรสูงสุด หัวใจสำคัญคือ Trinity Engine ที่มาพร้อมระบบ Smart Caching ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ CPU และระบบโดยรวม ทำให้การเรียกใช้แอปพลิเคชั่นและข้อมูลทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำงานร่วมกับ Luminous Rendering Engine ที่ปรับปรุงเฟรมเวิร์กการเรนเดอร์ของ Android ใหม่ทั้งหมด เพื่อมอบแอนิเมชั่นที่ลื่นไหลสวยงามและตอบสนองได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุดในวงการ
หนึ่งในจุดเด่นที่สำคัญที่สุดคือการที่ OPPO ให้คำมั่นสัญญาในการอัปเดต ColorOS ครั้งใหญ่ถึง 5 ครั้ง ซึ่งเป็นการรับประกันว่า Reno14 F 5G จะยังคงได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ และการอัปเดตความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายปีข้างหน้า สร้างความคุ้มค่าในระยะยาว ปลดล็อคความกังวลเรื่องการที่โทรศัพท์ Android ว่าจะไม่อืดช้าหรือล้าสมัยเมื่อใช้ไปหลายๆ ปี
ผู้ช่วย AI อัจฉริยะส่วนตัว

Reno14 F 5G ถูกออกแบบมาให้เป็นมากกว่าสมาร์ตโฟน แต่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ชาญฉลาดด้วยชุดเครื่องมือ AI เพื่อการทำงาน (AI Productivity) ที่มีให้ใช้งานอย่างหลากหลาย
AI Call Assistant – สามารถบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์แบบเรียลไทม์และใช้ AI ในการสรุปประเด็นสำคัญหรือถอดเสียงการสนทนาทั้งหมดออกมาเป็นข้อความได้ มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานที่ต้องจดบันทึกข้อมูลจากการโทร และรองรับการใช้งานในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

เริ่มต้นการใช้งาน ด้วยการไปเปิดฟีเจอร์ Call Summary ใน Settings > Accessibility & convenience เราสามารถเลือกให้ทำงานทันทีกับเบอร์ที่ต้องการได้ เหมาะสำหรับเอาไว้กับเบอร์ของหัวหน้า, เพื่อนร่วมงาน, ลูกค้า เพื่อช่วยบันทึกในการคุยแล้วสรุปช่วยจำได้


เมื่อคุยแล้ววางสายเรียบร้อย การบันทึกจะมีเก็บทั้งไฟล์เสียงที่สนทนา และตัว Summary ที่เขียนเนื้อหาสำคัญเป็น Bullet point ให้อ่านสรุปได้ง่ายในแอป Note
และสำหรับใครที่กังวลเรื่องความส่วนตัว ต้องบอกว่าฟีเจอร์นี้เป็นกระบวนการทำงานบนอุปกรณ์ ไม่ได้ผ่านการอัปโหลดหรือประมวลผลผ่านคลาวด์ ดังนั้นก็มั่นใจได้ว่าสิ่งที่สนทนานั้นจะอยู่เฉพาะในสมาร์ตโฟนของเราเท่านั้น

AI VoiceScribe – ผู้ช่วยถอดเสียงอัจฉริยะที่สามารถเปลี่ยนเสียงพูดเป็นข้อความได้อย่างแม่นยำ รองรับการแปลภาษาและสร้างคำบรรยาย (Subtitle) แบบเรียลไทม์สำหรับวิดีโอ การประชุมออนไลน์หรือการโทร ผ่านแอปแชตยอดนิยมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Meet, Teams, Zoom, Skype, Webex Meetings, Signal, Instagram, Telegram, Messenger, WeChat, LINE, WhatsApp, KakaoTalk, Rakuten Viber Messenger และ Snapchat ทำให้การสื่อสารข้ามภาษากลายเป็นเรื่องง่าย


หรือจะใชักับโปรแกรมอย่าง Netflix ก็สามารถใช้ AI VoiceScribe ได้ด้วย สามารถเปิด Turn on captions แปลเสียงเกาหลีเป็นซับภาษไทยให้ได้เลย

AI Translate – แอปพลิเคชั่นแปลภาษาโดยเฉพาะที่รวบรวมฟีเจอร์การแปลอันทรงพลังไว้ในที่เดียว คุณสามารถใช้กล้องส่องไปที่เมนูอาหารหรือป้ายต่างๆ เพื่อแปลภาษาได้ทันทีหรือใช้โหมดสนทนาสองภาษาเพื่อพูดคุยกับชาวต่างชาติได้อย่างราบรื่น

การผสานรวมกับ Google AI – ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Google ทำให้ Reno14 F 5G ได้นำความสามารถของ Google Gemini มาไว้ในแอปพลิเคชั่นของ OPPO เช่น Notes และ Calendar ช่วยให้คุณสามารถสั่งงานที่ซับซ้อนด้วยเสียงได้ง่ายๆ


นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Circle to Search ที่ให้คุณค้นหาข้อมูลทุกอย่างบนหน้าจอได้ง่าย ๆ เพียงแค่วงกลมรอบสิ่งที่สนใจ AI ก็จะแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องขึ้นมาทันที

O+ Connect เปิดโลกเชื่อมต่อไร้พรมแดน

นี่คือฟีเจอร์ที่ผมรักมากๆ เพราะช่วยแก้ปัญหาใหญ่ของผู้ใช้ให้การแชร์ไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ Android และ iOS เป็นเรื่องง่ายและราบรื่น ไม่ต้องวุ่นวายอัพโหลดขึ้นคลาวด์ หรือหาแอปเสริมที่ไม่น่าไว้ใจในการแชร์ เพราะคุณสามารถส่งรูปภาพ วิดีโอ ไฟล์ต่างๆ หรือแม้กระทั่ง Livephotos จาก Reno14 F 5G ไปยัง iPhone หรือ iPad ได้โดยตรง
เพียงแค่ลงแอป O+ Connect เท่านี้ก็สามารถส่งไฟล์ที่ไม่ลดทอนคุณภาพได้อย่างรวดเร็ว เท่านี้คุณก็สามารถส่งภาพถ่ายสวยๆ จาก Reno14 F 5G ไปให้เพื่อนที่ใช้ iPhone ได้อย่างง่ายดาย



สรุป รีวิว OPPO Reno14 F 5G ความคุ้มค่ากับสมาร์ตโฟนดีไซน์สวย ถ่ายกลางคืนแบบ Gen Z มี AI ใช้แบบครบครัน
OPPO Reno14 F 5G ไม่ได้เป็นเพียงสมาร์ตโฟนระดับกลางอีกหนึ่งรุ่นในตลาด แต่คือการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนในฐานะ The AI Portrait Expert ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตและแบ่งปันเรื่องราวผ่านภาพถ่ายและวิดีโออย่างแท้จริง
ความเข้าใจวัยรุ่นและผู้ใช้สมาร์ตโฟนยุคนี้ ที่ต้องการเครื่องมือในการเก็บภาพที่แตกต่าง การใส่ฟีเจอร์ใหม่อย่าง AI แฟลช ทำให้ดวงไฟหลังเครื่องที่ปกติเราแทบจะไม่เปิดใช้ในการถ่ายภาพ เต็มที่ก็เอาไว้เปิดเป็นไฟฉายไว้ส่องหาของในที่มืด เพราะแฟลชแบบเดิมนั้นทำให้ภาพพอร์ตเทรตดูแข็ง แบน ไม่มีมิติ
แต่ว่า AI แฟลช มีกระบวนการยิงแสงสองจังหวะเหมือนแฟลชของกล้องสตูดิโอ ทำให้ได้ทั้งภาพที่ชัดมีมิติ ฉากหลังดำขับตัวแบบให้โดดเด่น สว่าง และภาพที่ได้ก็ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้แอปหรือ AI ทำให้ได้อารมณ์ภาพมีความย้อนยุคแบบ Y2K โดนใจวัย Gen Z ที่โหยหาอดีต














แต่ก็มีสิ่งที่เราแนะนำให้คำนึงในการถ่ายพอร์ตเทรตด้วยไฟแฟลชก็คือ “ความมันของใบหน้า” ของตัวแบบ เพราะว่าแสงแฟลชที่ยิงมานั้ นหากใบหน้ามีความมัน ก็จะเกิดเงาสะท้อนขึ้นมา ซึ่งอาจจะทำให้ใบหน้าดูไม่สวยงาม นอกจากคุณอยากถ่ายอารมณ์ย้อนยุคแบบเรียลๆ ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ
รวมถึงอีกเรื่องคือระยะของการยิงแฟลช อย่างที่ทราบว่าในรุ่นนี้ไฟแฟลชสว่างขึ้นกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไปถึง 100% ในช่วงระยะ 1 เมตร และเราไม่สามารถเลือกปรับระดับได้ ดังนั้นการถ่ายควรให้อยู่ระยะห่างจากนางแบบที่ 1 เมตรขึ้นไป
ส่วนตัวผมรู้สึกว่าระยะประมาณ 1.5-2 เมตรคือกำลังดี เพราะถ้าใกล้มากแสงจะโอเวอร์เกิน แถมแสงจากแฟลชอาจจะทำให้นางแบบเราอาจจะตาพร่ามัวเอาได้ ถ้าหากอยากได้ภาพพอร์ตเทรตแบบโคลสอัพ ก็แนะนำให้ยืนห่างแล้วเลือกเลนส์ระยะ 2x ซูมเข้าไปแทน

ถ้าเทียบกับความคุ้มค่าแล้ว OPPO Reno14 F 5G ถือว่าตอบโจทย์กับงบราคาหมื่นต้นๆ ที่ให้ครบทั้งดีไซน์สวยงาม น้ำหนักเบา แบตเตอรี่ใช้ได้นานแบบข้ามวันโดยไม่ต้องกังวล ไปจนถึงระบบปฏิบัติการที่ชาญฉลาด มี AI ทั้งในการใช้งานและการแต่งภาพที่ทำได้ดีแบบเหลือเชื่อ แถมรองรับอัปเดตต่อเนื่องยาวนานหลายเวอร์ชั่น ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่บ่อยๆ ก็ยังคงได้ใช้งานต่อเนื่องด้วยประสบการณ์ที่ดีแม้จะใช้มาหลายปี
เชื่อว่านี่จะเป็นสมาร์ตโฟนอีกรุ่นที่จะเปิดโลกให้คุณเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพกลางคืนด้วยไฟแฟลช แชร์โลกของ Gen Z ที่มีเสน่ห์ดึงดูดได้อย่างน่าทึ่งกว่าเดิม
ราคาและการวางจำหน่าย
OPPO Reno14 F 5G พร้อมวางจำหน่ายแล้วในไทย มีให้เลือก 3 ความจุ
- RAM 8GB + ROM 256GB ราคา 11,999 บาท (เฉพาะช่องทางอีคอมเมิร์ซและ OPPO Brand Shop)
- RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 12,999 บาท
- RAM 12GB + ROM 512GB ราคา 14,999 บาท
โปรโมชั่น เมื่อซื้อในช่วงวันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2568 และกดรับสิทธิ์ ผ่าน MY OPPO ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เท่านั้น จะได้รับ E-VIP Plus ประกันจอแตกภายใน 1 ปี (1 ครั้งต่อปี) มูลค่า 7,000 บาท, ประกันความเสียหายจากนํ้าภายใน 1 ปี (1 ครั้งต่อปี) และรับประกันในพื้นที่เอเชีย-แปซิฟิก (นับจากวันที่ซื้อสินค้า ผลบังคับใช้ 1 ปี) พร้อมรับ Reno Chill Backpack มูลค่า 2,999 บาท
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
