หัวเว่ย ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่หลังขึ้นแท่นผู้นำตลาดอุปกรณ์ข้อมืออัจฉริยะระดับโลกในไตรมาสแรก 2025 จากข้อมูล IDC พร้อมเผยยอดจัดส่งอุปกรณ์สวมใส่ทะลุ 200 ล้านเครื่องทั่วโลกเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนเปิดตัวสมาร์ตวอทช์เรือธงใหม่ HUAWEI WATCH 5 ภายใต้แนวคิด “Tap the Next” ที่ผสานเทคโนโลยีสุขภาพขั้นสูงเข้ากับดีไซน์ระดับไอคอนได้อย่างไร้รอยต่อ
ความโดดเด่นของ HUAWEI WATCH 5 อยู่ที่นวัตกรรม Multi-sensing X-TAP technology เซ็นเซอร์แบบใหม่ 3 in 1 ที่ติดตั้งด้านข้างตัวเรือน ทำงานร่วมกับระบบ TruSense ที่ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ในปี 2025 สามารถตรวจวัดข้อมูลสุขภาพได้ถึง 8 รายการภายในไม่กี่วินาที โดยเฉพาะการวัดออกซิเจนปลายนิ้วที่ใช้เวลาเพียง 10 วินาที ทำให้การติดตามสุขภาพแม่นยำและสะดวกมากขึ้น

ด้านการออกแบบ HUAWEI WATCH 5 ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นคาร์มัน (Kármán Line) ซึ่งเป็นขอบเขตระหว่างชั้นบรรยากาศกับอวกาศ ทำให้ตัวเรือนโค้งมน เรียบลื่น ไม่มีรอยต่อ มาพร้อมหน้าจอกระจกแซฟไฟร์สังเคราะห์ทรงกลม ทนทานต่อรอยขีดข่วน และหน้าจอ LTPO 2.0 ความสว่างสูงถึง 3,000 nits ทำให้มองเห็นชัดแม้ในที่แดดจัด พร้อมอัตราส่วนหน้าจอต่อพื้นที่ที่สูงที่สุดในสมาร์ตวอทช์ของหัวเว่ยในตอนนี้
หัวเว่ยนำเสนอ HUAWEI WATCH 5 ในหลากหลายรุ่นเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกกลุ่ม โดยรุ่น 42 มม. เหมาะกับผู้หญิงที่ชอบขนาดกะทัดรัด มาในตัวเรือนสแตนเลส 904L สี Sand Gold และ Beige ส่วนรุ่น 46 มม. มีให้เลือกทั้งตัวเรือนไทเทเนียมเกรดการบิน สี Silver และ Purple ที่เบาแต่แข็งแรง และตัวเรือนสแตนเลส 316L สี Black สำหรับคนที่ต้องการความสมดุลระหว่างแฟชันและฟังก์ชัน

ราคาจำหนายเริ่มต้น 12,990 บาท สำหรับรุ่นตัวเรือนสแตนเลส 316L สี Black ขนาด 46 มม. ส่วนรุ่นพรีเมียมราคาสูงสุด 18,990 บาท พร้อมโปรโมชันของสมนาคุณรวมมูลค่าสูงสุด 8,356 บาท ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2568 ประกอบด้วย HUAWEI FreeBuds 5 สิทธิ์เก่าแลกใหม่ My HUAWEI Voucher และประกันกลุ่มจาก AIA มูลค่า 100,000 บาท นาน 1 ปี
HUAWEI WATCH 5 วางจำหน่ายแล้วที่ HUAWEI Experience Store ตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ และช่องทางออนไลน์ที่ HUAWEI Store รวมถึงแพลตฟอร์ม Lazada, Shopee และ TikTok Shop
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการซื้อสินค้า สามารถติดตาม HUAWEI Mobile TH หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
