Apple Watch Sleep Apnea ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

Apple Watch เปิดฟีเจอร์ตรวจจับ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ Sleep Apnea พร้อมใช้ในไทยแล้ว

Apple ได้ขยายการให้บริการฟีเจอร์ตรวจจับ Sleep Apnea หรือภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับไปยัง 15 ประเทศใหม่ รวมถึงประเทศไทย ทำให้ผู้ใช้ Apple Watch รุ่นล่าสุดสามารถตรวจสอบสุขภาพการนอนหลับได้อย่างละเอียดมากขึ้น

การเปิดตัวฟีเจอร์นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีสุขภาพมาช่วยตรวจจับปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น

ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ปัญหาเงียบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

การนอนหลับเป็นองค์ประกอบสำคัญของสุขภาพ เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อสภาวะของร่างกายและจิตใจโดยรวม ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Sleep Apnea) เป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อยซึ่งเกิดจากการที่การหายใจหยุดลงเป็นช่วงๆ ระหว่างการนอน ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ

ภาวะนี้คาดว่าส่งผลกระทบต่อผู้คนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก และในหลายกรณียังไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา ภาวะนี้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง เบาหวานชนิดที่ 2 และปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ

ปัญหาหลักของโรคนี้คือผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวว่าตนเองมีอาการ เนื่องจากเกิดขึ้นขณะหลับ ทำให้การตรวจพบและรักษาล่าช้า ซึ่งเป็นจุดที่เทคโนโลยีการตรวจจับของ Apple Watch จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ

เทคโนโลยีการตรวจจับขั้นสูงใน Apple Watch

Apple Watch มาพร้อมตัวชี้วัดการรบกวนการหายใจที่ใช้อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (accelerometer) เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวเล็กๆ ของข้อมือซึ่งสัมพันธ์กับรูปแบบการหายใจที่ผิดปกติระหว่างการนอนหลับ เทคโนโลยีนี้สามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหวที่เกิดจากการหยุดหายใจแม้จะเป็นการเคลื่อนไหวที่เล็กมาก

Apple Watch จะวิเคราะห์ข้อมูลนี้ทุกๆ 30 วัน และแจ้งเตือนผู้ใช้หากตรวจพบสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับในระดับปานกลางถึงรุนแรง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับขั้นตอนต่อไป รวมถึงการวินิจฉัยและการรักษาที่เป็นไปได้

อัลกอริทึมการแจ้งเตือนภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับนี้พัฒนาขึ้นโดยใช้การเรียนรู้ของระบบขั้นสูงและข้อมูลจากการทดสอบการหยุดหายใจขณะนอนหลับในระดับคลินิกจำนวนมาก ทำให้มีความแม่นยำสูง

ฟีเจอร์ครบครันสำหรับการตรวจสอบคุณภาพการนอน

คุณภาพของการนอนหลับโดยรวมก็มีความสำคัญเช่นกัน การรบกวนการหายใจจึงช่วยประเมินคุณภาพของการนอนหลับได้ด้วย ตัวชี้วัดนี้อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่น แอลกอฮอล์ ยา ท่าทางขณะนอน และอื่นๆ

ผู้ใช้สามารถดูค่าการรบกวนการหายใจเป็นรายคืนในแอปสุขภาพ ซึ่งจัดประเภทเป็น “สูงขึ้น” หรือ “ไม่สูงขึ้น” และดูย้อนหลังได้แบบรายเดือน รายครึ่งปี หรือรายปี ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจรูปแบบการนอนของตนเองได้ดีขึ้น

ผู้ใช้ยังสามารถส่งออกไฟล์ PDF ที่แสดงช่วงเวลาที่อาจเกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ข้อมูลการรบกวนการหายใจย้อนหลัง 3 เดือน และข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้พูดคุยกับแพทย์ได้อย่างมีข้อมูล นอกจากนี้ยังมีบทความเกี่ยวกับภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับให้ศึกษาผ่านแอปสุขภาพเช่นกัน

การทดสอบทางคลินิกที่เชื่อถือได้

คุณสมบัตินี้ได้ผ่านการทดสอบในการวิจัยทางคลินิกซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่สำหรับเทคโนโลยีด้านภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ในการศึกษาทางคลินิกเพื่อทดสอบผลนั้น ผู้เข้าร่วมทุกรายที่อัลกอริทึมตรวจพบล้วนมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับอย่างน้อยในระดับเล็กน้อย

การทดสอบที่เข้มข้นนี้ให้ความมั่นใจว่าเทคโนโลยีของ Apple มีความน่าเชื่อถือและสามารถช่วยตรวจพบปัญหาสุขภาพได้จริง แม้ว่าจะไม่สามารถแทนที่การตรวจวินิจฉัยของแพทย์ได้ แต่ก็เป็นเครื่องมือเบื้องต้นที่มีประโยชน์

ขอบเขตการใช้งานและรุ่นที่รองรับ

นอกจากไทย ประเทศอื่นๆ ที่ได้รับฟีเจอร์ใหม่นี้ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา เอกวาดอร์ ฮอนดูรัส มอลโดวา เซอร์เบีย ไต้หวัน และยูเครน รวมทั้งหมดแล้วฟีเจอร์นี้ใช้งานได้ในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก

ฟีเจอร์ตรวจจับ Sleep Apnea รองรับเฉพาะใน Apple Watch Series 9, Apple Watch Series 10 และ Apple Watch Ultra 2 เท่านั้น ผู้ใช้จะต้องสวมนาฬิกาขณะหลับหลายคืนติดต่อกันเพื่อให้ระบบสามารถวิเคราะห์รูปแบบการหายใจได้อย่างแม่นยำ

ฟีเจอร์สุขภาพหัวใจเพิ่มเติม

นอกจากฟีเจอร์ตรวจจับ Sleep Apnea แล้ว Apple ยังได้ขยายฟีเจอร์สุขภาพหัวใจอื่นๆ ไปยังประเทศใหม่ด้วย การอ่านคลื่นหัวใจ ECG และการแจ้งเตือนหัวใจเต้นผิดจังหวะจะเปิดให้บริการในอาร์เจนตินา คอสตาริกา และเซอร์เบีย

ส่วน AFib History ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะจากแพทย์แล้ว จะใช้งานได้ในอาร์เจนตินาและเซอร์เบีย ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้ติดตามสุขภาพหัวใจได้อย่างต่อเนื่อง

Online Content Manager with over 10 years of experience working in the news, technology, and telecom industries.