Apple เปิดตัว visionOS 26 ในงาน WWDC 2025 อัปเดตเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Apple Vision Pro ที่มุ่งเน้นการขยายขีดความสามารถด้านการทำงาน การสื่อสาร และการสร้างสรรค์เชิงพื้นที่ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงภาคธุรกิจองค์กร
การขยายขอบเขตการทำงาน สู่เครื่องมือสำหรับมืออาชีพ
visionOS 26 นำเสนอการปรับปรุงที่สำคัญเพื่อเพิ่มความสามารถในการโต้ตอบกับ Apple Vision Pro ทำให้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังยิ่งขึ้นสำหรับการทำงานและการทำงานร่วมกัน

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตาคือการเพิ่มการรองรับคอนโทรลเลอร์ภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PlayStation VR2 Sense Controllers ที่น่าจะช่วยให้มี “เกมประเภทใหม่” มาสู่ Vision Pro รวมถึงการติดตามตำแหน่ง 6DoF (Six Degrees of Freedom) การตรวจจับการสัมผัสด้วยนิ้วแบบ capacitive และการรองรับการสั่น

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มการรองรับ Logitech Muse Spatial Stylus ปากกาสไตลัสเชิงพื้นที่ ที่ช่วยให้สามารถป้อนข้อมูลได้อย่างแม่นยำและวิธีใหม่ๆ ในการโต้ตอบกับแอปพลิเคชันการทำงานร่วมกัน เช่น Spatial Analogue
การเพิ่มอุปกรณ์เสริมเหล่านี้บ่งชี้ถึงความตั้งใจของ Apple ที่จะขยายความน่าสนใจของ Vision Pro นอกเหนือจากการรับชมแบบพาสซีฟ โดยมุ่งเป้าไปที่โดเมนที่มีการโต้ตอบมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแอปพลิเคชันระดับมืออาชีพที่ต้องการความแม่นยำ
สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีคอนโทรลเลอร์ ระบบยังมีการติดตามมือ 90 Hz ที่ได้รับการปรับปรุง และตัวเลือกใหม่ที่เรียกว่า Look To Scroll ซึ่งช่วยให้สามารถสำรวจแอปและเว็บไซต์ได้โดยใช้การเคลื่อนไหวของดวงตาเท่านั้น การปรับปรุงเหล่านี้ช่วยให้การควบคุมและการโต้ตอบกับสภาพแวดล้อมเสมือนจริงเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ประสบการณ์เสมือนจริงที่สมจริงยิ่งขึ้น
visionOS 26 ได้รับการปรับปรุงอย่างมากในด้านการสร้างสรรค์และการนำเสนอเนื้อหาเชิงพื้นที่ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและสมจริงยิ่งขึ้น

Photorealistic Personas เป็นอวตารเสมือนจริงที่ติดตามใบหน้าของผู้ใช้ ได้รับการปรับปรุงให้รู้สึก “เป็นธรรมชาติและคุ้นเคยมากขึ้น” สิ่งนี้ทำได้ผ่าน “เทคโนโลยีการเรนเดอร์เชิงปริมาตรและการเรียนรู้ของเครื่องชั้นนำของอุตสาหกรรม” Apple อ้างว่า Personas ใหม่นี้มีความ “แสดงออกและความคมชัดที่โดดเด่น” มีมุมมองด้านข้างเต็มรูปแบบ และเส้นผม ขนตา และผิวพรรณที่แม่นยำอย่างน่าทึ่ง นอกจากนี้ ตัวเลือกแว่นตาสำหรับ Personas ยังขยายเป็นกว่า 1,000 รูปแบบ การพัฒนาเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมการสื่อสารเสมือนจริงที่แท้จริงและเป็นธรรมชาติ
Spatial Scenes ซึ่งต่อยอดจาก Spatial Photos ได้รับการแนะนำใน visionOS 26 ฟีเจอร์นี้ใช้ “อัลกอริทึม AI สร้างสรรค์และเชิงลึกในการประมวลผล” เพื่อสร้างฉากเชิงพื้นที่ที่มีมุมมองหลากหลาย ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนสามารถเอนตัวเข้าไปและมองไปรอบๆ ได้ Spatial Scenes สามารถดูได้ในแอป Photos, Spatial Gallery และ Safari และนักพัฒนาจะสามารถเข้าถึง Spatial Scene API ใหม่เพื่อผสานรวมคุณสมบัตินี้เข้ากับแอป visionOS ของตนได้
Spatial Browsing ใน Safari ก็ได้รับการอัปเกรดอย่างมีนัยสำคัญ นักพัฒนาเว็บจะสามารถฝังโมเดล 3 มิติในหน้าเว็บ ซึ่งผู้ใช้สามารถจัดการได้โดยตรงภายในหน้า ผู้ใช้ยังสามารถ “แปลงบทความ” ซ่อนสิ่งรบกวน และเปิดเผยฉากเชิงพื้นที่ที่ “มีชีวิตชีวาเมื่อเลื่อน”
นอกจากนี้ visionOS 26 ยังเพิ่มการรองรับวิดีโอ 180° และ 360° แบบเนทีฟจากกล้องทั่วไป เช่น Insta360, GoPro และ Canon

ที่สำคัญคือ Local Shared Spatial Experiences ซึ่งช่วยให้ Vision Pro หลายชุดสามารถมองเห็นวัตถุและอินเทอร์เฟซเดียวกันในตำแหน่งเดียวกันในพื้นที่ทางกายภาพเดียวกันได้โดยอัตโนมัติ คุณสมบัตินี้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี SharePlay ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการทำงานร่วมกันในห้องประชุม หรือการนำเสนอแบบกลุ่มในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง
Apple Intelligence และการผสานรวมระบบ
visionOS 26 ยังได้รับการเสริมความแข็งแกร่งด้วยการผสานรวม Apple Intelligence และการปรับปรุงระบบอื่นๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย
Apple Intelligence ได้ขยายการรองรับภาษาใน visionOS 26 โดยครอบคลุมภาษาอังกฤษในออสเตรเลีย แคนาดา อินเดีย สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร รวมถึงภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลี และสเปน แม้ว่ายังไม่มีการระบุถึงการรองรับภาษาไทยโดยตรงในขณะนี้ แต่การขยายตัวนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Apple ในการทำให้ AI เข้าถึงได้ทั่วโลก
สำหรับนักพัฒนา Apple ได้เปิดตัว Foundation Models Framework ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้ Large Language Model (LLM) บนอุปกรณ์ของ Apple ในแอป visionOS ของตนได้ ซึ่งรวมถึงการสร้างแบบมีคำแนะนำและการเรียกใช้เครื่องมือ ทำให้สามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ AI ที่เป็นส่วนตัวและมีประสิทธิภาพได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย API บนคลาวด์

ในด้านการจัดการและประสิทธิภาพการทำงาน ผู้ใช้จะสามารถสร้าง โฟลเดอร์ของแอปในมุมมองหน้าหลัก ได้แล้ว คล้ายกับ iOS และ iPadOS นอกจากนี้ยังมีการผสานรวมกับ iPhone ที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อก iPhone และรับสายที่ถูกส่งไปยัง visionOS ได้ขณะสวมชุดหูฟัง
ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจองค์กรคือการเพิ่ม Protected Content API API นี้ช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันผู้ใช้จากการคัดลอกเอกสารอย่างผิดกฎหมายและการจับภาพหน้าจอโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ช่วยเสริมความปลอดภัยของข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญาในสภาพแวดล้อมการทำงาน
นอกจากนี้ visionOS 26 ยังมีการปรับปรุงคุณสมบัติการเข้าถึงสำหรับผู้พิการ รวมถึงคุณสมบัติการมองเห็นและการพิมพ์ที่ดีขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับโลกเสมือนจริงได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น และยังมีการเพิ่ม Environment Occlusion ซึ่งช่วยให้วัตถุเสมือนจริงสามารถถูกบล็อกการมองเห็นโดยวัตถุในโลกแห่งความเป็นจริงได้ เพื่อเพิ่มความสมจริงของ Extended Reality

การอัปเดต visionOS 26
visionOS 26 พร้อมให้ใช้งานในรูปแบบพรีวิวสำหรับนักพัฒนาแล้วตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2025 และคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 ซึ่งมักจะเป็นช่วงเดือนกันยายนหรือตุลาคม
สำหรับผู้ใช้งานในประเทศไทย แม้ว่า Apple Vision Pro ยังไม่มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศ แต่การอัปเดตเหล่านี้บ่งชี้ถึงทิศทางที่ชัดเจนของ Apple ในการพัฒนาอุปกรณ์นี้ให้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและหลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่ออุปกรณ์นี้เข้าสู่ตลาดในวงกว้างในอนาคต การเน้นย้ำถึงคุณสมบัติสำหรับธุรกิจองค์กรและเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา AI แสดงให้เห็นว่า Apple กำลังวางรากฐานสำหรับอนาคตที่การประมวลผลเชิงพื้นที่จะเป็นส่วนสำคัญของทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงาน
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
