รีวิว Sony WH-1000XM6

รีวิว Sony WH-1000XM6 | หูฟังเสียงดีที่คุณจะตกหลุมรักได้ง่ายๆ

รีวิว Sony WH-1000XM6 หูฟังไร้สายแบบครอบหู Full-Size ในซีรีย์ยอดนิยมที่สุดของโซนี่ ที่รอบนี้รอกันนานกว่า 3 ปีสำหรับรุ่นใหม่ เชื่อว่าหลายคนน่าจะคาดหวังว่าการมาของ มาร์ค 6 จะเปลี่ยนไปขนาดไหน เพิ่มอะไรมาบ้าง และที่สำคัญจะน่าซื้อหรือเปล่า

TechOffside เราลองแล้ว ก็บอกเลยว่า การรอคอยครั้งนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะที่หายไปนานไม่ได้กลับมาแค่อัปเดตนิดๆ หน่อยๆ แต่มีการยกเครื่องเรียกว่าแทบจะทั้งหมด ทั้งการออกแบบ, โครงสร้าง, ระบบเสียง พร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะที่บอกได้ว่า โซนี่สร้างแรงกดดันให้กับคู่แข่งในตลาดหูฟังไร้สายระดับพรีเมียม ที่ต้องขยับเรื่องประสิทธิภาพให้มากกว่าการดีไซน์ที่ดูหรูหราเพียงอย่างเดียว

หลังจากที่เปิดตัววางจำหน่ายในไทยไปเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา เราได้ทดสอบลองใช้งาน WH-1000XM6 แล้ว มีเรื่องที่น่าประทับใจหลายจุด อาจจะมีขัดใจบ้างแต่โดยรวมแล้ว นี่คือหูฟังไร้สายแบบครอบหูรุ่นที่เราเต็มใจแนะนำคนที่กำลังสนใจอยู่ว่า “ซื้อเหอะ ไม่ผิดหวัง”

แหม่…อวยตั้งแต่เริ่ม รีวิว กันเลย เอาเป็นว่ามาดูกันว่า Sony WH-1000XM6 มีดีอะไร น่าใช้แค่ไหน และคิดว่าน่าจะถูกใจใคร เริ่มตั้งแต่แกะกล่องกันเลย

แกะกล่อง รีวิว Sony WH-1000XM6 ปรับใหม่ให้ถูกใจ ใส่สบายกว่าเดิม

ตัวแพ็กเกจของ WH-1000XM6 ยังคงความรักษ์โลกตามพันธกิจของโซนี่ ด้วยวัสดุกล่องที่เป็นพลาสติกรีไซเคิลทั้งหมด ดูแข็งแรง เรียบๆ มีแถบกระดาษคาดกลางกล่องที่บอกเป็นรุ่นและสีของตัวหูฟัง และที่ด้านบนก็มีข้อมูลของเทคโนโลยีเสียงและการรองรับต่างๆ จะเห็นว่าใช้งานได้ทั้งกับอุปกรณ์ของ Apple และ Android พร้อมรองรับ Spotify Tab รวมถึงระบบเสียงขั้นสูงของโซนี่ และยังบอกด้วยว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 30 ชั่วโมง

แกะมาภายในกล่องก็จะเป็นเคสของตัวหูฟัง สำหรับ Sony WH-1000XM6 ที่เรานำมาทดสอบ รีวิว ครั้งนี้ เป็นสีมิดไนท์บลู (Midnight Blue) โดยสีที่มีวางจำหน่ายในไทยจะมีอีก 2 สี คือ สีดำ (Black), สีเงินแพลทินัม (Platinum Silver) ส่วนตัวผมชอบสีมิดไนท์บลู ตรงที่ให้ความรู้สึกดูทันสมัย ไม่โดดเด่นมาก แต่ก็ไม่ได้เรียบเกินไป และรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับหูฟังสีอ่อนๆ เพราะมักจะซุ่มซ่ามทำเลอะ และต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ

รีวิว Sony WH-1000XM6

การเปลี่ยนแปลงอย่างแรกตั้งแต่ตัวเคสเลย ด้วยดีไซน์ใหม่จะมีขนาดที่เล็กและบางลง วัสดุหุ้มเป็นผ้าที่ให้สัมผัสเรียบมัน และมีหูคล้องด้านบน

รีวิว Sony WH-1000XM6

การเปิดเคสเปลี่ยนจากที่เป็นซิปรูด มาเป็นล้อคด้วยแม่เหล็ก ทำให้การเปิดปิดหยิบหูฟังหรือเก็บทำได้สะดวกมากขึ้น

พร้อมกันนี้ในตัวเคสจะมีที่เก็บสายหูฟังแบบ 3.5mm และสาย USB-A to USB-C แบบสั้นสำหรับเอาไว้ชาร์จมาให้ด้วย เก็บรวมไว้เป็นที่เดียวแบบเป็นระเบียบ

เปิดออกมา น้ำตาจะไหล เพราะว่า WH-1000XM6 กลับมาใช้ดีไซน์แบบพับได้อีกครั้ง หลังจากที่ทุกรุ่นพับได้มาตลอด แต่ใน M5 เปลี่ยนเป็นพับไม่ได้ซะอย่างงั้น โอเค กลับมารุ่นนี้พับได้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ทำให้ตัวเคสมีขนาดที่เล็กและบางลงกว่าเดิม เวลาพกใส่กระเป๋าไปข้างนอกก็เกะกะน้อยลง

เวลาสวมแล้วคล้องคอก็รู้สึกโอเค เพราะตัวหูฟังสามารถหมุนพับได้ทั้งแบบหงายและคว่ำ ทำให้บางทีคนที่คล้องคอแล้วอยากเอาด้านในหูฟังคว่ำลงก็ทำได้ หรือถ้าจะพับเก็บเอาตัวหูฟัง 2 ข้างซ้อนกัน ก็ถือได้เล็กๆ เก๋ๆ ดูกะปุ๊กลุกน่ารักยิ่งกว่าเดิม

การออกแบบตัวข้อพับใหม่ของโซนี่ ทำออกมาได้ดี หลายคนอาจจะห่วงกลัวว่าจะแข็งแรงมั้ย ต้องบอกว่าโครงสร้างภายในมีการปรับเปลี่ยนให้ทนทานมากขึ้น ดังนั้นสบายใจได้ และถ้าใครกลัวงงว่าด้านไหนเป็นซ้ายเป็นขวา ที่ด้านในก้านของข้างขวาจะมีสัญลักษณ์ R สีแดงอยู่ ให้พอสังเกตได้ แต่ถ้าให้จำง่ายกว่านั้นคือ ปุ่ม Power จะอยู่ด้านซ้าย

ผิวสัมผัสของตัวหูฟังเป็นแบบด้านเนียนมือ มีการเคลือบสารช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือ แต่ด้วยความที่เราลองใช้เป็นสีมิดไนท์บลูซึ่งเป็นสีเข้ม และเมืองไทยอากาศร้อนพร้อมมีเหงื่อตลอดเวลา ก็เลยมีบ้างที่หยิบจับก็ยังมีคราบมันๆ ให้เห็น แต่ก็ทำการเช็ดออกได้ไม่ยาก

ความสบายในการสวมใส่คือจุดที่ WH-1000XM6 โชว์ความใส่ใจในรายละเอียดได้เป็นอย่างดี แถบคาดศีรษะได้รับการออกแบบใหม่ให้กว้างขึ้น ช่วยกระจายแรงกดและเพิ่มความสบายสูงสุดสำหรับการสวมใส่เป็นเวลานาน แถบเลื่อนปรับขนาดหูฟังยังได้รับการปรับปรุงให้ทำงานได้อย่างแน่นหนา ช่วยให้การปรับขนาดให้กับขนาดของศีรษะได้พอดี

รวมถึงการออกแบบให้พับได้ ตัวข้อต่อที่พับได้ 2 ทาง ส่งผลให้เวลาสวมใส่รู้สึกยืดหยุ่นมากขึ้น คือมันไม่ได้แน่นกระชับหรือบีบเกินไป คุณยังเลือกปรับขนาดหูฟังไม่ต้องบีบมาก ที่อาจจะส่งผลต่อความสบายและอาจจะกระทบกับทรงผมในแต่ละวันของคุณ

ฟองน้ำเมมโมรี่โฟมหุ้มด้วยหนังวีแกน ปรับปรุงให้มีความนุ่มและระบายอากาศดีขึ้น ไม่ทำให้หูร้อนหรืออับชื้นแม้จะใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน

ปุ่มควบคุมต่างๆ ออกแบบใหม่ให้ใช้งานสะดวกขึ้น ปุ่ม Power ปรับให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นทรงกลมและมีลักษณะเว้าลึกลง ทำให้ง่ายต่อการสัมผัสและแยกแยะจากปุ่มควบคุมเสียงรบกวน (Noise Control Button) โดยไม่ต้องมอง นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ให้เราปิด/เปิดไมโครโฟนระหว่างการโทรได้ง่ายๆ ด้วยการกดปุ่มควบคุมเสียงรบกวนสองครั้งติดกัน

การควบคุมเพลงและปรับระดับเสียง ใช้เป็นระบบสัมผัสที่ตัวหูฟังด้านขวาในลักษณะเหมือนแทร็กแพด

  • แตะ 2 ที : เล่น-หยุดเพลง, รับสาย-วางสาย
  • ปัดขึ้นลง : เพิ่มเสียง ลดเสียง
  • ปัดไปข้างหน้า : เลือกเพลงต่อไป
  • ปัดไปข้างหลัง : ย้อนกลับไปเพลงก่อน
  • ใช้มือแปะ : เปิดใช้ Ambient Mode เพื่อฟังเสียงจากข้างนอกชั่วคราว

สรุปเกี่ยวกับการออกแบบ Sony WH-1000XM6 ปรับปรุงมาได้ดีและลงตัวมากขึ้น แค่กลับมาใช้แบบพับได้ก็ได้ใจผมไปเรียบร้อยแล้ว ตัววัสดุไม่ได้โชว์ความหรูหราพรีเมียมแบบคู่แข่ง แต่ความมินิมอลเรียบๆ ก็เป็นเอกลักษณ์ที่ใครเห็นก็รู้ว่านี่คือโซนี่ยังคงชัดเจนไม่เปลี่ยน

เทคโนโลยีเสียง : คมชัดจัดครบทุกรายละเอียด

ในการพัฒนาด้านของเสียง โซนี่ได้ร่วมมือกับวิศวกรระดับมาสเตอร์จะสตูดิโอเสียงระดับโลกถึง 3 แห่ง มาช่วยการปรับจูนโปรไฟล์เสียงของหูฟังให้สามารถถ่ายทอดออกมาได้ใกล้เคียงกับความต้องการของศิลปินที่ต้องการถ่ายทอดมากที่สุด

โครงสร้างภายในก็ได้รับการปรับปรุง ถึงแม้ว่าขนาดของไดร์เวอร์ในรุ่นนี้จะมีขนาดที่เล็กลงจาก 40mm เหลือก 30mm แต่ตัวไดรเวอร์ได้รับการออกแบบใหม่เป็นแบบมีรูพรุนในวอยซ์คอยล์เพื่อการสร้างเสียงความถี่สูงที่ราบรื่นและขยายได้กว้างขึ้น รวมถึงโดมที่แข็งแรงขึ้นเพื่อความสมดุลของเสียงโดยรวมที่ดีขึ้น

เราได้ทดสอบ WH-1000XM6 กับเพลงหลากหลายแนว พบว่าหูฟังรุ่นนี้ให้เสียงเบสที่หนักแน่นและมีพลัง พร้อมความแม่นยำและจังหวะที่ชัดเจน เสียงแหลมและเสียงกลางมีความคมชัดและสะอาด ทำให้ได้ยินรายละเอียดของเสียงร้องและเครื่องดนตรีได้อย่างชัดเจน การแยกเสียงเครื่องดนตรีที่ดีเยี่ยม ทำให้แต่ละองค์ประกอบของเพลงโดดเด่นแต่ยังคงรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างกลมกลืน

หูฟังมอบมิติเสียงที่โอบล้อมและดื่มด่ำดึงดูดผู้ฟังเข้าสู่บทเพลงได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมความแม่นยำและไดนามิกในระดับที่ยอดเยี่ยม รวมถึงถ่ายทอดรายละเอียดและพื้นผิวของเครื่องดนตรีได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เสียงมีความสมจริงและมีชีวิตชีวา

สำหรับการฟังเพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหน หูฟังรุ่นนี้ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์และรายละเอียดของบทเพลงได้อย่างยอดเยี่ยม เสียงดนตรีแต่ละชนิดมีความชัดเจนและแยกออกจากกันได้ดี ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในห้องอัดเสียงหรือคอนเสิร์ต มิติเสียงที่กว้างขวางและโอบล้อมช่วยให้การฟังเพลงเป็นประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและน่าประทับใจ

สำหรับการดูภาพยนตร์ หูฟังรุ่นนี้มอบประสบการณ์เสียงที่สมจริงด้วย Spatial Audio ที่เลียนแบบระบบเสียงเซอร์ราวด์ในโรงภาพยนตร์ เสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ มีทิศทางที่ชัดเจน ทำให้รู้สึกเหมือนเสียงมาจากรอบทิศทาง ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้อย่างมาก

สำหรับการเล่นเกม Sony WH-1000XM6 มี EQ preset ที่พัฒนาขึ้นร่วมกับไลน์ผลิตภัณฑ์เกมมิงของ Sony อย่าง INZONE เพื่อเพิ่มความชัดเจนของเสียงในเกม แต่จากที่เราได้ลอง มีข้อสังเกตว่าเมื่อใช้ไมโครโฟนพร้อมกัน คุณภาพเสียงในโหมดเกมมิงอาจลดลง โดยเสียงจะถูกประมวลผลให้เน้นเสียงพูด ทำให้เสียงย่านต่ำหายไปและไม่เหมาะกับการเล่นเกมที่ต้องการรายละเอียดเสียงครบถ้วน นอกจากนี้ EQ ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อเชื่อมต่อแบบเสียบสาย ดังนั้น หากต้องการประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุด อาจต้องใช้ไมโครโฟนแยกต่างหาก

รู้จักกับเทคโนโลยีเสียงของ Sony ที่มีอยู่ใน WH-1000XM6

ต้องยอมรับว่าโซนี่คือหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีเครื่องเสียงที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และใน WH-1000XM6 ก็ได้ใส่นวัตกรรมด้านเสียงที่ดีที่สุดของโซนี่มาให้แบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น

DSEE Extreme ใช้เทคโนโลยี AI ในการยกระดับคุณภาพไฟล์เสียงดิจิทัลที่ถูกบีบอัด เช่น MP3 หรือไฟล์จาก CD ให้ใกล้เคียงกับเสียง High-Resolution Audio โดยการคาดการณ์และสร้างความถี่ที่หายไปกลับคืนมาได้อย่างแม่นยำ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ที่ฟังเพลงจากแหล่งที่มีคุณภาพต่ำกว่าสามารถเพลิดเพลินกับเสียงที่มีรายละเอียดมากขึ้น และสามารถใช้ร่วมกับ Equalizer ได้

360 Spatial Sound Upmixing เพิ่มมิติเสียง 360 องศาให้กับคอนเทนต์สเตอริโอปกติ ให้เสียงดูเหมือนมาจากรอบทิศทาง เทคโนโลยีนี้ใช้ “object-based audio” ซึ่งสามารถวางตำแหน่งเครื่องดนตรี เอฟเฟกต์เสียง และเสียงร้องในพื้นที่ 3 มิติรอบตัวผู้ฟังได้ ซึ่งเป็นการสร้างประสบการณ์การฟังที่ดื่มด่ำยิ่งขึ้น แม้ไม่ได้เป็นไฟล์เสียงที่บันทึกมาในรูปแบบ 360 Reality Audio โดยเฉพาะ

รองรับ LDAC เป็น Codec เสียงที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Sony ที่ช่วยให้สามารถสตรีมเสียงคุณภาพสูงแบบไร้สายผ่าน Bluetooth ได้สูงสุด 990 kbps ที่ 32 bits/96 kHz ซึ่งได้รับการรับรอง “Hi-Res Audio Wireless” LDAC ยังมีโหมด “Best Effort” ที่ปรับบิตเรตอัตโนมัติเพื่อความเสถียรของการเชื่อมต่อในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย

การปรับปรุงภายในเพิ่มเติมมีการใช้เทคโนโลยีจาก Walkman ระดับพรีเมียมของ Sony เช่น low phase noise crystal oscillator และ gold-infused solder ซึ่งช่วยปรับปรุง timing ของเสียงและลด crosstalk เพื่อคุณภาพเสียงที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นอีกด้วย

ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : ความเงียบสงบที่เหนือกว่าทุกคน

สิ่งที่โซนี่ทำดีและทำได้เหนือกว่าคู่แข่ง ก็ยังคงแข็งแกร่งและดียิ่งขึ้น Sony WH-1000XM6 มาพร้อมการยกระดับประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวน (ANC) ที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด เริ่มจากอัปเกรดชิป HD Noise Cancelling Processor มาเป็น QN3 ตัวใหม่ สามารถประมวลผลที่เร็วกว่าชิป QN1 (ที่ใช้ใน WH-1000XM5 และ WH-1000XM4) ถึงเจ็ดเท่า นอกจากนี้จำนวนไมโครโฟนที่ใช้สำหรับระบบ ANC ยังได้รับการเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 8 ตัวในรุ่นก่อนหน้าเป็น 12 ตัว โดยมี 6 ตัวต่อเอียร์คัพ แบ่งเป็น 4 ตัวด้านนอกและ 2 ตัวด้านใน

ไมโครโฟนด้านนอกได้รับการปกคลุมด้วยตาข่ายที่ออกแบบใหม่ เพื่อช่วยลดเสียงลมที่อาจรบกวนการทำงานของ ANC การเพิ่มจำนวนไมโครโฟนและพลังการประมวลผลที่มากขึ้น ช่วยให้หูฟังสามารถตรวจจับและวิเคราะห์เสียงรบกวนได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น การอัปเกรดไมโครโฟนและชิป จึงเปรียบเสมือนการมีหูที่ไวและสมองที่ทำงานเร็วกว่าเดิมหลายเท่า

ระบบ Auto NC Optimizer ได้รับการอัปเกรดเป็น Adaptive NC Optimizer ใน WH-1000XM6 เทคโนโลยีใหม่นี้สามารถปรับการครอบคลุมของ ANC ได้โดยอัตโนมัติและต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงในการสวมใส่หูฟัง เช่น การสวมแว่นตา และแรงดันอากาศในสภาพแวดล้อมจริง การปรับแต่งแบบเรียลไทม์นี้ทำให้ ANC มีประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอและเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ที่หลากหลาย

หรือถ้าคุณอยากเลือกปรับการตัดเสียงลดกวนหรือปล่อยให้เสียงเข้ามาในหูฟังแบบ Ambient ก็สามารถเลือกปรับระดับได้เองถึง 20 ระดับ หรือจะเลือกให้ปรับอัตโนมัติก็ได้ ถือว่าเพิ่มความยืดหยุ่นสำหรับผู้ใช้ที่อยากจะเลือกเองได้ตามสถานการณ์

ในสภาพแวดล้อมจริง ประสิทธิภาพ ANC ของ WH-1000XM6 ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเคย สามารถลดเสียงรอบข้างได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการเดินในชุมชนที่มีผู้คนพลุกพล่าน หรือระหว่างเดินทางด้วยรถไฟฟ้า มีเสียงเข้ามาน้อยมาก และที่สำคัญคือไม่รู้สึกอึดอัดหรืออุดอู้เมื่อใช้งานระบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสามารถในการบล็อกเสียงรบกวนรอบข้าง โดยเฉพาะเสียงพูดของมนุษย์ซึ่งเป็นความถี่ที่ตัดยาก

หูฟังให้การแยกเสียงที่ยอดเยี่ยม สร้างพื้นหลังที่สะอาดและไร้เสียงรบกวนสำหรับการฟังเพลง สามารถควบคุมเสียงรบกวนย่านความถี่ต่ำและกลางได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังมาก เช่น เสียงรถไฟใต้ดิน เมื่อทดสอบในการใช้งานจริง Sony WH-1000XM6 ให้ประสิทธิภาพ ANC ที่เป็นธรรมชาติซับซ้อน และละเอียดอ่อนกว่าเมื่อเทียบกับหูฟังแบรนด์อื่นในกลุ่มเดียวกัน

การมุ่งเน้นไปที่การลดเสียงพูดของมนุษย์ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเสียงรบกวนที่พบบ่อยและก่อกวนมากที่สุดในชีวิตประจำวัน แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจของ Sony ในความต้องการของผู้ใช้งานที่ต้องการสมาธิหรือความเงียบสงบในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวาย การที่ระบบ ANC สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่สร้างความรู้สึกแปลกๆ หรือการกดดันในหู ทำให้สามารถใช้งานได้เป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

แต่ที่น่าสนใจในการตัดเสียงรบกวน หลายคนอาจจะกังวลว่าบางทีเสียงโดนตัดเกลี้ยงจนบางทีพลาดการได้ยินหรือการสื่อสารบางอย่าง เช่น เวลาที่นั่งรอไฟลต์เครื่องบินหรืออยู่ในรถไฟฟ้าแล้วจะถึงสถานีที่ต้องการลง ใน WH-1000XM6 มีระบบที่ตรวจจับและเปิดให้เสียงสำคัญเหล่านี้เข้ามาให้เราระหว่างที่ใช้ได้ เพื่อที่ว่าจะไม่พลาดเลยสถานีได้ด้วย

คุณภาพการโทร : ปรับปรุงให้คมชัดขึ้น

WH-1000XM6 ได้รับการปรับปรุงในส่วนของระบบไมโครโฟนที่จะมีอยู่ภายนอกข้างละ 3 ตัว วางในตำแหน่งอยู่ใกล้ปากผู้ใช้ ทำงานร่วมกับ AI แบบ beamforming เพื่อกำจัดเสียงรบกวนภายนอกและเน้นเสียงพูดของผู้ใช้ อัลกอริธึมลดเสียงรบกวนที่ปรับแต่งด้วย AI พร้อมเทคโนโลยีการรับเสียงที่แม่นยำ ช่วยลดเสียงพื้นหลังและขับเน้นเสียงของคุณให้เด่นชัดยิ่งขึ้น

และในรุ่นนี้ยังมีเพิ่มการควบคุมสำหรับปิดเสียงไมค์ (Mute) ได้ง่ายขึ้น เพียงแค่กดปุ่ม ANC 2 ครั้งเพื่อเปิดปิดการทำงานของไมโครโฟนได้อย่างรวดเร็ว

จากที่ทดสอบใช้งานพูดคุยเพื่อสนทนา เรื่องการตัดเสียงรบกวนนั้นทำได้ดีมากจนน่าทึ่ง เสียงบรรยากาศรอบข้างอย่างเสียงแอร์ เสียงลม หรือเสียงจอแจรอบข้างในร้านกาแฟ ถูกตัดไปจนคู่สนทนาได้ยินเพียงแค่เสียงของเราเพียงอย่างเดียว แต่ต้องบอกว่าเนื้อเสียงในการคุยอาจจะมีมิติลดลงบ้าง เพราะระบบต้องการเน้นที่ความคมชัดเป็นหลัก

ฟีเจอร์อัจฉริยะแบบจัดเต็ม ให้ประสบการณ์ที่ดี รู้ใจในทุกสถานการณ์

นอกจากเรื่องประสิทธิภาพของเสียงแล้ว Sony ยังเพิ่มฟีเจอร์พร้อมปรับปรุงฟังก์ชันอัจฉริยะ ใส่มาใน WH-1000XM6 เพื่อเสริมความสามารถในการใช้งาน ให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการที่เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคนมากยิ่งขึ้น

Adaptive Sound Control คุณสมบัติที่ปรับการตั้งค่าเสียงของหูฟังโดยอัตโนมัติตามกิจกรรมหรือตำแหน่งของผู้ใช้ เช่น การเดิน การนั่ง หรือรออยู่ในสถานที่ต่างๆ ระบบจะจดจำและเรียนรู้พฤติกรรมของคุณเพื่อให้การปรับตั้งค่าเป็นไปอย่างแม่นยำมากขึ้น

จากที่ลองใช้ฟีเจอร์นี้ ก็รู้สึกว่าระบบมีความฉลาดในการปรับโหมดเสียงของตัวหูฟัง ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ณ ตอนนั้นได้อย่างเหมาะสม อย่างเช่นถ้าคุณกำลังเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ตัว ANC จะตัดเสียงให้เงียบแต่ยังพอได้ยินเสียงประกาศบอกสถานีต่อไป ทำให้ไม่พลาดนั่งเลย หรือว่าระหว่างที่กำลังเดินอยู่ริมถนน ระบบจะเปิดเสียง Transperent ให้ได้ยินเสียงรอบข้างมากขึ้น เพื่อความปลอดภัย

Ambient Sound Mode โหมดเสียงรอบข้างที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้ยินเสียงจากสภาพแวดล้อมภายนอกได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าพอใจ โดยไม่ต้องถอดหูฟัง สามารถปรับระดับได้ 20 ขั้นตามความต้องการ

Listening Mode ปรับโหมดการฟังที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกัน จะมีให้เลือกกับโหมด Standard ที่เน้นฟังเพลงแบบเต็มอารมณ์ โหมด Background เสียงจะมีความบางและสว่าง ให้อารมณ์เหมือนเสียงดังจากลำโพงในห้อง และ โหมด Cinema ที่จะจำลองให้ความรู้สึกเวลาดูหนังที่มีความโอบล้อมและเวทีเสียงที่กว้างมากขึ้น

Speak-to-Chat ฟังก์ชันที่ลดระดับเสียงเพลงลงโดยอัตโนมัติและเปิดโหมดเสียงรอบข้างเมื่อตรวจจับเสียงพูดของผู้ใช้ ทำให้สามารถสนทนาได้ทันที

Quick Attention Mode ช่วยให้ผู้ใช้สามารถฟังเสียงรอบข้างได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่วางมือบนเอียร์คัพด้านขวา

Head Gestures ฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับสาย (พยักหน้า) หรือปฏิเสธสาย (ส่ายหน้า) ได้ด้วยการเคลื่อนไหวศีรษะ

ฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้ประสบการณ์ใช้หูฟัง WH-1000XM6 ในแต่ละวัน มีความเหมาะสมเหมาะเจาะ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องคอยสั่งหรือเปลี่ยนโหมดต่างๆ เองตลอด เพิ่มความสะดวกและใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

การเชื่อมต่อทั้งแบบไร้สายและแบบสาย

WH-1000XM6 เป็นหูฟังแบบไร้สายที่รองรับมาตรฐาน Bluetooth 5.3 ที่มีความเสถียรในการเชื่อมต่อ เกิดการรบกวนหรือหลุดน้อยลง และยังรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Bluetooth LE Audio และ Auracast

การใช้งานเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ผมทดสอบใช้กับ iPhone ฟังกับ Apple Music สามารถรองรับเสียงแบบ Loseless และ Dolby Atmos ได้ และการใช้งานในสถานที่ๆ พลุกพล่าน ก็ไม่เจอปัญหาสัญญาหลุดแต่อย่างใด

จุดเด่นของการเชื่อมต่อไร้สายคือ มีโหมด Multipoint Connection ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน Bluetooth สองเครื่องได้พร้อมกัน และสลับการเล่นเสียงระหว่างกันได้แบบราบรื่น ไม่ต้องมาคอยกดเปลี่ยนการเชื่อมต่อใหม่ เหมาะสำหรับการใช้งานเชื่อมต่อพร้อมกันระหว่างแล็ปท็อบกับสมาร์ตโฟน ระหว่างที่ฟังเพลงบนคอมแล้วมีสายโทรเข้าบนโทรศัพท์ก็กดรับได้เลย

ส่วนการเชื่อมต่อแบบสายนั้น น่าเสียดายที่รองรับผ่านทางพอร์ต 3.5mm เท่านั้น ไม่สามารถเสียบสาย USB-C กับสมาร์ตโฟนเพื่อฟังเสียงคุณภาพสูงได้

ตัวพอร์ต USB-C จึงมีประโยชน์เพียงแค่ใช้สำหรับชาร์จแบตเตอรี่เท่านั้น แต่ก็ยังมีข้อดีตรงที่ใน WH-1000XM6 สามารถเสียบสายชาร์จและยังใช้งานไปด้วยได้ ซึ่งในรุ่นก่อนนี้ไม่สามารถทำได้

สรุป รีวิว Sony WH-1000XM6 ดีน่าใช้แค่ไหน? เหมาะสำหรับใคร?

รีวิว Sony WH-1000XM6

ส่วนตัวสำหรับผมแล้ว ในเรื่องคุณภาพเสียงโดยรวมไม่ได้รู้สึกดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าในรุ่นก่อนหน้านี้ก็สร้างมาตรฐานทั้งเรื่องของเสียงและการตัดเสียงรบกวนที่ดีมากๆ อยู่แล้ว มาในรุ่นนี้จึงอาจจะไม่ได้รู้สึกแตกต่างกันมากเท่าไรนัก

แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกประทับใจมากขึ้น ก็คือการมี AI และระบบอัจฉริยะมาช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานแต่ละวันสะดวกและได้บรรยากาศที่ดียิ่งขึ้น โหมด Adaptive Sound Control ผมค่อนข้างถูกใจเพราะเราไม่ต้องคอยปรับ ANC เองตลอดเวลา และบางทีจะเปิดตลอดเวลาก็อาจจะไม่เหมาะในบางสถานที่ พอใช้โหมดนี้ก็สามารถปรับให้เราได้เองแบบรู้ใจ

สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือ สามารถใช้งานหูฟังตัวนี้ได้แทบจะทุกกิจกรรมตลอดทั้งวัน เพราะตลอดทั้งวันเราเองก็ไม่ได้อยากจะเปิดเพลงฟังตลอด เราอาจจะแค่อยากใส่เพื่อลดเสียงรบกวนรอบข้างเพื่อให้มีสมาธิในการทำงาน ก็แค่สวมและเปิดเสียง ambient หรือเสียงธรรมชาติช่วยกล่อมจิตใจ หรือเปิด Podcast ฟังสบายๆ ก็ให้ความรู้สึกที่ดี

ดีไซน์ที่ปรับใหม่ ถูกใจอย่างมาก ความได้เปรียบกว่าคู่แข่งตรงที่น้ำหนักแค่ 254 กรัม ขนาดที่พับเก็บแล้วเล็กกว่าเดิมมาก แม้ว่าตัววัสดุจะไม่ได้โชว์ความเป็นพรีเมียม แต่การได้สัมผัสในการสวมใส่ที่สบาย ไม่อึดอัด ไมร้อนหู และใส่ต่อเนื่องหลายชั่วโมงติดต่อกันโดยไม่รู้สึกอึดอัด ถือว่าเป็นหูฟังที่ใส่สบายที่สุดในกลุ่มตอนนี้

การใช้ฟังเพลงได้คาแรคเตอร์เสียงที่ฟังได้ชัดเจนแต่ไม่อึดอัด เวทีเสียงโอบล้อมแบบกว้างทำให้เสียงร้องเครื่องดนตรีแบ่งได้ชัดเจน เหมาะกับเพลงทุกสไตล และยังสามารถปรับ EQ ได้หลากหลายอย่างที่ต้องการ และยังมีให้ตั้งค่าเสียง 360 Reality Audio ด้วยการถ่ายรูปหูของเราทั้งสองข้าง เพื่อให้ระบบปรับเสียงให้เหมาะกับทรงหูของเรา

การดูหนังดูซีรีย์ เพิ่มอรรถรสความบันเทิงแบบเต็มอิ่มยิ่งขึ้น เสียงในโหมด Cinema ให้เวทีเสียงที่โอบล้อมช่วยให้การดูภาพยนตร์ได้บรรยากาศจำลองที่ดียิ่งขึ้นกว่าการใช้หูฟังธรรมดาทั่วไป

รีวิว Sony WH-1000XM6

ส่ิงที่แอบเสียดายที่สุดในรุ่นนี้คือการไม่รองรับเชื่อมต่อหูฟังผ่าน USB-C เพื่อฟังเสียงในคุณภาพที่ดีที่สุด มีเพียงแค่การเสียบผ่านแจ็ค 3.5mm ที่ต้องใช้กับอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือเครื่องเสียงที่เป็น DAC ถ้าได้การต่อแบบ USB-C มาด้วยก็จะเพิ่มความสมบูรณ์แบบในการฟังยิ่งขึ้น

สรุปแล้ว การมาของ Sony WH-1000XM6 คือการตอกย้ำตำแหน่งผู้นำของ Sony ในตลาดหูฟังไร้สายระดับพรีเมียมด้วยประสิทธิภาพที่โดดเด่นแบบรอบด้าน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังไร้สายที่มีคุณภาพเสียงและการตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุด

สำหรับคนที่มีรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง M4 และ M5 คงจะมีความลังเลอยู่ว่าจะอัปเกรดมาเป็นรุ่นใหม่ M6 ดีมั้ย ผมก็คงบอกว่า คุ้มที่จะเปลี่ยน ถ้าคุณต้องการประสิทธิภาพ ANC และคุณภาพเสียงที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงความสะดวกสบายอย่างการพับเก็บได้และการฟังขณะชาร์จ

ดูกันเรื่องความคุ้มค่ากับราคา Sony WH-1000XM6 เปิดตัวมาด้วยราคา 15,990 บาท สูงขึ้นกว่าตัว M5 ตอนเปิดตัวมาเล็กน้อยสำหรับบ้านเรา แต่จริงๆ แล้วคือราคาเท่าเดิมแต่ค่าเงินบาทของเราไม่เท่ากับเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก็ยังถึอว่าเป็นราคาที่ไม่ได้โดดสูงขึ้นมาในกลุ่มหูฟังระดับพรีเมียม ที่ตอนนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ตั้งแต่ 15,000-20,000 บาท

เทียบราคากับประสิทธิภาพแล้ว ถือว่าเหมาะสมและคุ้มค่าตัวครับ ถ้ายังรู้สึกลังเลว่าจะดีหรือถูกใจหรือไม่ แนะนำให้ไปลองของจริงที่ศูนย์ Sony จริงๆ ดูสักที น่าจะตอบคำตอบได้ดียิ่งขึ้น และเราเชื่อว่า Sony WH-1000XM6 จะมอบประสบการณ์เสียงในระดับที่ดีให้กับคุณได้อย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

รีวิว Sony WH-1000XM6 | หูฟังเสียงดีที่คุณจะตกหลุมรักได้ง่ายๆ
หูฟังไร้สาย อัปเกรดดีไซน์ พลังเสียง ตัดเสียงรบกวน ดีแบบไม่ผิดหวัง
รอมานานกว่า 3 ปี มารอบนี้โซนี่จัดมาให้แบบจุกๆ ด้วยคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม ระบบ ANC ที่เหนือกว่า และฟีเจอร์ครบครัน
การออกแบบ
90
ฟีเจอร์การใช้งาน
95
ประสิทธิภาพ
95
การฟังเพลง
95
การดูหนังดูซีรีย์
85
ความคุ้มค่า
85
จุดเด่น
ไดรเวอร์ปรับแต่งใหม่โดยผู้เชี่ยวชาญ ได้เสียงละเอียดเป็นธรรมชาติ
มีชิป QN3 ใหม่ ช่วยประมวลผลการตัดเสียงรบกวนด้วยไมค์ 12 ตัว ทำงานเร็ว+แม่นยำมากขึ้น
ดีไซน์พับเก็บได้ สะดวกพกพา เคสแบบแม่เหล็กเล็กและเปิดปิดสะดวก
สวมใส่สบาย ไม่อึดอัด ฟองน้ำระบายอากาศได้ดี
เชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.3, LDAC, LE Audio และ Multipoint
Adaptive Sound Control ฟีเจอร์อัจฉริยะในการปรับแต่งและเปลี่ยนโหมดที่ชาญฉลาด
ข้อสังเกต
ไม่รองรับฟังเพลงด้วยการต่อสาย USB-C ใช้ได้เฉพาะสาย 35mm อย่างเดียว
91

Online Content Manager with over 10 years of experience working in the news, technology, and telecom industries.