CMF แบรนด์ย่อยของ Nothing ประกาศเปิดตัว CMF Phone 2 Pro และหูฟัง CMF Buds 2 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว โดยสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่นี้มาพร้อมกล้อง 4 ตัวคุณภาพระดับโปร ดีไซน์พรีเมียม และสเปกที่ครบครันในราคาเริ่มต้นเพียง 8,999 บาท
รุ่นใหม่นี้โดดเด่นด้วยระบบกล้องที่ได้รับการอัปเกรดใหญ่ โดยเฉพาะกล้องหลัก 50 MP ที่มาพร้อมเซนเซอร์ขนาดใหญ่ รับแสงได้มากกว่ารุ่นก่อนถึง 64% และเป็นสมาร์ตโฟนเพียงรุ่นเดียวในกลุ่มราคานี้ที่มีเลนส์เทเลโฟโต้
ดีไซน์บางเบาที่สุดในประวัติศาสตร์ Nothing
CMF Phone 2 Pro ถือเป็นสมาร์ตโฟนที่บางและเบาที่สุดเท่าที่ Nothing เคยผลิตมา โดยมีความบางเพียง 7.8 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 185 กรัม ซึ่งบางกว่า CMF Phone 1 ถึง 5%
ดีไซน์หรูหราด้วยกรอบกล้องอะลูมิเนียมที่พัฒนาจากรุ่นแรก พร้อมน็อตสแตนเลสที่เผยให้เห็นความใส่ใจในงานฝีมือ นอกจากนี้ยังเพิ่มความทนทานต่อการใช้งานด้วยมาตรฐานกันน้ำ IP54 ซึ่งดีกว่ารุ่นก่อนหน้าที่มีเพียง IP52
สมาร์ตโฟนรุ่นนี้มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ ขาว, ดำ, ส้ม และเขียวอ่อน โดยสีดำและเขียวอ่อนใช้พื้นผิวกระจกแบบด้าน พร้อมกรอบโลหะ ส่วนสีขาวมีผิวสัมผัสแบบหินทรายให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ และสีส้มมาพร้อมประกายโลหะสดใส สะท้อนเอกลักษณ์ใหม่ที่มีความพรีเมียมยิ่งขึ้นจากรุ่นแรก
ระบบกล้อง 4 ตัวคุณภาพระดับโปร
จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ CMF Phone 2 Pro คือระบบกล้อง 4 ตัวขั้นสูง ประกอบด้วยกล้องหลัก 50 MP พร้อมเซนเซอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มสินค้า ซึ่งสามารถรับแสงได้มากกว่ารุ่นก่อนถึง 64%
ที่น่าสนใจคือเลนส์เทเลโฟโต้ที่สามารถซูมดิจิทัลได้สูงสุด 20 เท่า โดยใช้เลนส์ 6 ชั้น ทำให้ CMF Phone 2 Pro เป็นสมาร์ตโฟนเพียงรุ่นเดียวในกลุ่มราคานี้ที่มีเลนส์เทเลโฟโต้ นอกจากนี้ยังมีกล้องอัลตร้าไวด์ 8 MP สำหรับถ่ายภาพมุมกว้าง และกล้องหน้า 16 MP สำหรับเซลฟี่คมชัด
การมีเลนส์เทเลโฟโต้ในสมาร์ตโฟนราคานี้ถือเป็นจุดขายที่สำคัญ เนื่องจากปกติแล้วเลนส์ประเภทนี้จะพบได้เฉพาะในสมาร์ตโฟนระดับเรือธงที่มีราคาแพงกว่ามาก
ประสิทธิภาพขั้นสูงด้วยชิป Dimensity 7300 Pro
CMF Phone 2 Pro ขับเคลื่อนด้วยชิป MediaTek Dimensity 7300 Pro 5G รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อม CPU 8 คอร์ความเร็วสูงสุด 2.5 GHz ที่เร็วกว่า CMF Phone 1 ถึง 10% และกราฟิกดีขึ้น 5%
ชิปประมวลผลนี้ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 4 นาโนเมตรจาก TSMC เพื่อประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน ทำให้การใช้งานลื่นไหลและอายุแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น
แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ให้การใช้งานได้ทั้งวันหลังการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง โดยสามารถใช้งานได้นานกว่ารุ่นก่อนถึง 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการปรับปรุงที่ชัดเจนในด้านการจัดการพลังงาน
หน้าจอใหญ่สว่างชัดระดับเรือธง
CMF Phone 2 Pro มาพร้อมหน้าจอใหญ่ที่สุดในไลน์ CMF ขนาด 6.77 นิ้ว แบบ FHD+ Flexible AMOLED ที่รองรับสีมากถึง 1.07 พันล้านสี ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนถึงเกือบ 1 พันล้านสี
หน้าจอมีความสว่างสูงสุด 3,000 nits ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อน 50% พร้อม Ultra HDR ที่เพิ่มความสดใสให้ภาพ ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในที่แสงแรง
ประสบการณ์การใช้งานลื่นไหลด้วย Touch Sampling Rate สูงถึง 1,000 Hz ซึ่งเพิ่มขึ้น 316% จากรุ่นก่อน และ Adaptive Refresh Rate 120 Hz ที่ช่วยให้การเลื่อนหน้าจอและการเล่นเกมราบรื่นยิ่งขึ้น
CMF Buds 2 หูฟังคู่ใจราคาประหยัด
CMF ยังเปิดตัวหูฟัง Buds 2 ที่เป็นเพื่อนคู่ใจสำหรับการใช้งานประจำวัน ผสานคุณภาพเสียง ความสบาย และฟีเจอร์อัจฉริยะเข้าไว้ด้วยกัน
หูฟังรุ่นนี้มาพร้อมการปรับแต่งเสียงด้วย Dirac Opteo™ ระบบตัดเสียงรบกวนแบบไฮบริด 48dB และเอฟเฟกต์เสียงรอบทิศทาง (Spatial Audio Effect) เพื่อยกระดับประสบการณ์การฟังให้ใส คมชัด และเต็มไปด้วยมิติที่สมจริง
ราคาและช่องทางจำหน่าย
CMF Phone 2 Pro มี 2 รุ่นให้เลือกใน 3 สี (ดำ/ขาว/ส้ม):
- รุ่น 8GB + 128GB ราคา 8,999 บาท
- รุ่น 8GB + 256GB ราคา 9,999 บาท
CMF Buds 2 วางขายใน 3 สี (เทาเข้ม/เทาอ่อน/ส้ม) ที่ราคา 1,899 บาท
ทั้งสองผลิตภัณฑ์พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ผ่านช่องทางออนไลน์ ได้แก่ Nothing.tech, Lazada Nothing Flagship Store, Shopee Nothing Official Store และ Powerbuy Online
สำหรับร้านค้าที่วางจำหน่าย ได้แก่ Nothing Store ที่ TECHHOUSE by Dotlife ชั้น 2 ศูนย์การค้า One Bangkok, JayMart, AIS และ Dotlife รวมถึงร้านค้าพันธมิตรอื่นๆ
CMF Phone 2 Pro จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนที่มีกล้องคุณภาพสูง ดีไซน์พรีเมียม และสเปกครบครันในราคาที่เข้าถึงได้ การมีเลนส์เทเลโฟโต้ในสมาร์ตโฟนราคานี้ถือเป็นจุดขายหลักที่ทำให้แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด
ข้อมูลจาก: Nothing.tech
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
