CapCut Terms of Service

CapCut ปรับ Terms of Service ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด!

CapCut แอปตัดต่อวิดีโอยอดนิยมที่ตอนนี้ตกข่าวใหญ่บนโลกออนไลน์ หลังจากมีการแชร์ข้อมูลเตือนให้หยุดใช้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลง Terms of Service ล่าสุดที่ดูน่ากังวล ถึงขึ้นที่ว่า CapCut สามารถเอาคลิปของเราไปขายหรือหารายได้โดยไม่ต้องขออนุญาต!

ทาง TechOffside เราได้ตรวจสอบประเด็นนี้ พบว่า สื่อเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Mashable ได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าความกังวลดังกล่าวอาจเกิดจากการเข้าใจผิดเรื่องภาษากฎหมายที่ซับซ้อน เพราะ Terms of Service แบบนี้เป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมที่แพลตฟอร์มใหญ่ทั่วโลกใช้มานานแล้ว

กระแสความกังวลเริ่มต้นจากไหน?

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับ CapCut เริ่มต้นจากโพสต์ไวรัลบน TikTok โดย @bymilaholmes ที่ได้รับการรับชมกว่า 7 ล้านครั้ง โพสต์ดังกล่าวอ้างว่า Terms of Service ใหม่ของ CapCut ที่อัปเดตเมื่อ 12 มิถุนายน 2025 มีปัญหาร้ายแรง

ประเด็นหลักที่ถูกยกขึ้นมากล่าวหาคือ CapCut ได้รับสิทธิ์ในการใช้คอนเทนต์ของผู้ใช้อย่างถาวรและทั่วโลก ผ่านข้อความ “perpetual, worldwide license” ซึ่งฟังดูน่ากังวลสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับภาษากฎหมาย

กระแสนี้ได้แพร่กระจายมาถึงไทยผ่านโซเชียลมีเดีย โดยมีการแชร์ข้อมูลเตือนให้ผู้ใช้หยุดใช้ CapCut ทันที เพื่อป้องกันการถูกใช้ประโยชน์จากเนื้อหาที่สร้างขึ้น

Terms of Service แบบนี้เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม

เมื่อได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด พบว่าภาษากฎหมายที่ถูกกล่าวหาว่า “น่ากังวล” นั้นเป็นข้อความมาตรฐานที่แพลตฟอร์มใหญ่ทั่วโลกใช้มานานแล้ว

TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแม่ของ CapCut มี Terms of Service ที่ระบุว่า “คุณหรือเจ้าของเนื้อหายังคงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่การส่งเนื้อหาผ่านบริการนี้ หมายความว่าคุณให้สิทธิ์แก่เราในการใช้งาน แก้ไข ดัดแปลง ทำซ้ำ สร้างงานดัดแปลง เผยแพร่ และ/หรือ แจกจ่ายเนื้อหาของคุณในรูปแบบใดๆ และบนแพลตฟอร์มใดๆ”

Instagram ก็มีข้อความคล้ายคลึงกันที่ระบุว่า “เราไม่อ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเนื้อหาที่คุณโพสต์ และคุณมีอิสระในการแชร์เนื้อหาไปที่อื่น อย่างไรก็ตาม เราต้องการสิทธิ์ทางกฎหมายบางอย่างจากคุณ เพื่อให้บริการได้”

แม้แต่ Facebook ที่ Mashable เคยรายงานเรื่องข้อกังวลเดียวกันนี้มาตั้งแต่เกือบ 10 ที่แล้ว ก็ยังคงใช้ภาษากฎหมายในลักษณะเดียวกัน

ทำไมแพลตฟอร์มต่างๆ ถึงต้องการสิทธิ์เหล่านี้?

การให้สิทธิ์ใช้งานเนื้อหาแก่แพลตฟอร์มไม่ใช่เพื่อ “ขโมย” ผลงานของผู้ใช้ แต่เป็นความจำเป็นพื้นฐานในการทำงานของระบบ

CapCut ต้องการสิทธิ์เหล่านี้เพื่อสามารถแสดงผลวิดีโอของผู้ใช้บนหน้าจอ เก็บไฟล์ไว้ในเซิร์ฟเวอร์ ให้ผู้ใช้แก้ไขและดาวน์โหลด รวมถึงแชร์ไปยังแพลตฟอร์มอื่น นอกจากนี้ยังรวมถึงการใช้เนื้อหาเพื่อโฆษณาแอป โดยให้เครดิตผู้สร้างด้วย

Creator ชื่อ @seanvv บน TikTok ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ Terms of Service ได้อธิบายว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากใน CapCut และการให้สิทธิ์ใช้งานแบบนี้เป็นเพียง “ค่าผ่านประตู” สำหรับการใช้แพลตฟอร์มฟรีและสร้างรายได้จากการทำคอนเทนต์

ยืนยัน ผู้ใช้ยังคงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์

ประเด็นสำคัญที่ผู้ใช้ควรเข้าใจคือ การให้สิทธิ์ใช้งาน (License) ไม่เท่ากับการโอนกรรมสิทธิ์ (Ownership Transfer) ผู้ใช้ยังคงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เนื้อหาของตนเองอย่างสมบูรณ์

CapCut เพียงแค่ได้รับอนุญาตให้ใช้เนื้อหาเพื่อการทำงานของแพลตฟอร์มเท่านั้น ผู้ใช้สามารถลบเนื้อหา ย้ายไปใช้แพลตฟอร์มอื่น หรือดำเนินการทางกฎหมายหากมีการใช้งานในทางที่ผิดได้

Terms of Service ของ CapCut ระบุชัดเจนว่า “ยกเว้นกรณีที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่นในข้อกำหนดเหล่านี้ คุณหรือเจ้าของเนื้อหายังคงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และสิทธิ์ทางปัญญาอื่นๆ ในเนื้อหาผู้ใช้”

ถึงอย่างไร…ความเสี่ยงที่ยังคงมีอยู่

แม้ว่า Terms of Service ของ CapCut จะไม่ได้แตกต่างไปจากมาตรฐานอุตสาหกรรม แต่ผู้ใช้ควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่ยังคงมีอยู่

เพราะการให้สิทธิ์ที่กว้างขวางอาจทำให้แพลตฟอร์มใช้เนื้อหาในทางที่ผู้สร้างไม่พอใจ เช่น การนำไปใช้ในโฆษณาหรือแคมเปญที่ขัดกับค่านิยมของผู้สร้าง

นอกจากนี้ ความซับซ้อนของภาษากฎหมายทำให้การตีความอาจแตกต่างกันได้ และผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน Terms of Service อย่างละเอียดก่อนการใช้งาน

สำหรับผู้ที่ยังคงกังวล ก็มีซอฟต์แวร์แก้ไขวิดีโอทางเลือกอื่นที่อาจมี Terms of Service ที่แตกต่างกัน แต่อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้ดี เพราะการเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มอื่นก็อาจพบกับข้อกำหนดที่คล้ายคลึงกันอีก

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

Online Content Manager with over 10 years of experience working in the news, technology, and telecom industries.