Apple ประกาศผลการศึกษาใหม่เผยให้เห็นว่านักพัฒนาทั่วโลกสามารถสร้างยอดขายและรายได้จากการเรียกเก็บเงินผ่านระบบนิเวศของ App Store รวมมูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024 โดยนักพัฒนาไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้ Apple สำหรับยอดขายกว่า 90% ที่เกิดขึ้นผ่านแพลตฟอร์มนี้
ผลการศึกษาดังกล่าวดำเนินการโดย Professor Andrey Fradkin จาก Boston University Questrom School of Business และ Dr. Jessica Burley จาก Analysis Group ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของระบบนิเวศแอปพลิเคชั่นบนแพลตฟอร์ม iOS
Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าวว่า “น่าทึ่งจริงๆ ที่เราได้เห็นนักพัฒนาจำนวนมากออกแบบแอปที่ยอดเยี่ยม สร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และเข้าถึงผู้ใช้ Apple ทั่วโลก รายงานฉบับนี้เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่านักพัฒนามีบทบาทต่างๆ มากมายในการยกระดับชีวิตผู้คนผ่านประสบการณ์จากแอปและเกม”
จากการศึกษาพบว่ายอดขายสินค้าหรือบริการจริงมีมูลค่าทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการสั่งอาหารออนไลน์ บริการรับอาหารที่ร้าน และการสั่งของชำ ขณะที่รายได้จากโฆษณาในแอปมีมูลค่าถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์
การเติบโตในแต่ละภูมิภาคแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของพฤติกรรมผู้บริโภค โดยในสหรัฐอเมริการการใช้จ่ายผ่านการชำระเงินแบบดิจิทัลเติบโตขึ้นกว่า 7 เท่านับตั้งแต่ปี 2019 ในขณะที่ประเทศจีนตลาดอีคอมเมิร์ซขยายตัวอย่างมาก และการใช้จ่ายออนไลน์ในหมวดของชำเติบโตขึ้นมากกว่า 5 เท่า
สำหรับยุโรป การใช้จ่ายในบริการสั่งอาหารและรับอาหารที่ร้านเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า ขณะที่ในญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย แอปด้านการท่องเที่ยวกลับเป็นหนึ่งในหมวดที่มีการใช้จ่ายสูงสุด
แอปสร้างสรรค์คอนเทนต์ก็มีบทบาทสำคัญในการเติบโตนี้ โดยเฉพาะแอปแต่งภาพและวิดีโอจาก Adobe ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก Adobe ได้เปิดตัวแอป Photoshop เวอร์ชั่นใหม่บน iPhone เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่ Adobe Lightroom ได้รับรางวัล Mac App of the Year ประจำปี 2024 จาก Apple
Apple ยังคงลงทุนในการพัฒนาเครื่องมือและความสามารถต่างๆ เพื่อสนับสนุนนักพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น Apple Developer Center ในสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย และสิงคโปร์ หรือ Apple Developer Academies ในหลายประเทศที่ให้การศึกษาด้านการพัฒนาแอปแบบฟรี
งาน Worldwide Developers Conference ประจำปีของ Apple ในสัปดาห์หน้าจะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ โดยนักพัฒนาจากทั่วทุกมุมโลกจะสามารถเข้าร่วมเซสชั่นด้านเทคนิคมากกว่า 100 หัวข้อได้ฟรี พร้อมทั้งมีโอกาสพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของ Apple แบบตัวต่อตัว
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.apple.com
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
