รีวิว หูฟัง Sony LinkBuds Fit และ ลำโพง LinkBuds Speaker คู่หูที่ให้ประสบการณ์เชื่อมต่อเสียงเพลงแบบไร้รอยต่อได้ตลอดทั้งวัน ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ด้วยคุณภาพเสียงที่น่าประทับใจ
Sony LinkBuds Series ออกแบบมาเพื่อตอบสนองคนยุคนี้ ที่มีแนวคิดหลักคือการสร้างประสบการณ์การฟังแบบไร้รอยต่อตลอดทั้งวัน คุณสามารถออกไปนอกบ้านพร้อมใส่หูฟัง และเมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณก็ยังสามารถ stay tune กับคอนเทนต์เดิมผ่านลำโพงได้ทันทีโดยไม่ต้องกดอะไรเลย

วันนี้เราจะมาพูดถึงสองผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในตระกูล LinkBuds นั่นคือ LinkBuds Fit หูฟังไร้สายสำหรับคนรักการออกกำลังกายที่ใส่สบายได้ทั้งวัน และ LinkBuds Speaker ลำโพงพกพาที่สามารถทำงานร่วมกับหูฟังได้อย่างลงตัว ด้วยฟีเจอร์ Auto Switch ที่เป็นดั่งหัวใจของระบบนิเวศ LinkBuds
แล้วสองอุปกรณ์นี้จะทำให้ชีวิตประจำวันของคุณลื่นไหลแค่ไหน? มีข้อดีข้อด้อยอย่างไร? และคุ้มค่ากับราคาหรือไม่? มาดูกัน!

รีวิว Sony LinkBuds Fit หูฟังแบบ in-ear สวมใส่สบาย
เมื่อพูดถึงหูฟังสำหรับผู้รักการออกกำลังกาย ความสบายและความมั่นคงคือปัจจัยสำคัญ LinkBuds Fit ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ระบบเสียงคุณภาพสูง และฟีเจอร์อัจฉริยะต่างๆ ที่ช่วยให้การใช้งานในชีวิตประจำวันสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งตัวยง หรือแค่คนที่ต้องการหูฟังที่ใส่สบายได้ทั้งวัน หูฟังรุ่นนี้มีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าที่คิด มาดูกัน!



แพ็กเกจของ LinkBuds Fit มาตามคอนเซ็ปต์รักษ์โลกของ Sony ที่ใช้วัสดุเป็นกระดาษรีไซเคิลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและนำไปย่อยสลายได้ง่าย ภายในกล่องนอกจากตัวหูฟังที่มาอยู่ในตลับชาร์จแล้ว จะมีตัวสายชาร์จแบบสั้นหัวชาร์จ USB-A to USB-C และซิลิโคนหูฟังที่มีให้เลือกเปลี่ยนได้อีก 3 ขนาด เพื่อให้เหมาะกับหูของเรามากที่สุด
การออกแบบและความสบาย
LinkBuds Fit ถือเป็นการปฏิวัติการออกแบบหูฟังในซีรีส์ LinkBuds ของ Sony อย่างแท้จริง จุดเด่นอยู่ที่ Air Fitting Supporters หรือส่วนเสริมด้านข้างที่ออกแบบมาพิเศษคล้ายปีกขนาดเล็ก ที่ช่วยล็อคหูฟังให้อยู่ในตำแหน่งโดยไม่ทิ้งรอยกดทับหรือความอึดอัด ต่างจากหูฟังทั่วไปที่มักสร้างแรงกดภายในหู
ทุกครั้งที่ผมสวม LinkBuds Fit รู้สึกได้ถึงความแตกต่างทันที วัสดุซิลิโคนที่นุ่มและโปร่งเบา ช่วยให้สวมใส่ได้อย่างเบาสบายตลอดทั้งวัน แม้คุณจะเคลื่อนไหวแบบเข้มข้นแค่ไหน หูฟังก็ไม่หลุดเลื่อน ลองนึกภาพคุณกำลังวิ่ง 10 กิโลเมตร หรือเล่นเวท—หูฟังคู่นี้ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมแม้มีเหงื่อชุ่มก็ตาม ด้วยมาตรฐาน IPX4 ที่ช่วยปกป้องจากเหงื่อและละอองน้ำ

นอกจากนี้ LinkBuds Fit ยังมีน้ำหนักเพียง 4.9 กรัมต่อข้าง ทำให้บางครั้งแทบลืมว่ากำลังสวมหูฟังอยู่ เคสชาร์จมีดีไซน์เรียบหรูด้วยลายหินอ่อนที่ดูพรีเมียม ขนาดกะทัดรัดพอดีกับกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเล็กๆ ได้สบาย
แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า จุ่มน้ำโดยตรงไม่ได้นะครับ ระดับ IPX4 นั้นป้องกันเฉพาะละอองน้ำเท่านั้น ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการว่ายน้ำ
คุณสมบัติเด่นที่ครบครัน
Sony LinkBuds Fit มาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะที่จะทำให้การใช้งานประจำวันของคุณสะดวกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด:
- ระบบตัดเสียงรบกวน (Noise Cancelling) – ใช้ชิป Integrated Processor V2 ตัวเดียวกับใน WF-1000XM5 รุ่นเรือธงของ Sony ช่วยให้คุณดื่มด่ำกับเสียงเพลงได้โดยไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการฟังในพื้นที่พลุกพล่านอย่างยิม หรือบนรถไฟฟ้า
- Speak-to-Chat – ฟีเจอร์อัจฉริยะที่จะหยุดเพลงโดยอัตโนมัติเมื่อคุณเริ่มพูดคุยกับใครสักคน และจะกลับมาเล่นเพลงต่อเมื่อการสนทนาจบลง ไม่ต้องถอดหูฟังหรือกดปุ่มใดๆ เพิ่มเติม สะดวกมากเวลาสั่งกาแฟหรือทักทายเพื่อนที่เจอระหว่างวิ่ง
- Head Gesture – ควบคุมการรับสายและวางสายด้วยการพยักหน้าหรือส่ายหน้า เป็นฟีเจอร์ที่เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา และใช้งานได้จริง แม้มือของคุณจะเปียกหรือไม่สะดวก
- Instant Pause & Play – เซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ที่ฉลาด จะหยุดเพลงทันทีเมื่อคุณถอดหูฟัง และเล่นต่อเมื่อสวมกลับเข้าไป
- Adaptive Sound Control – หูฟังจะปรับการตั้งค่าเสียงตามสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของคุณโดยอัตโนมัติ เช่น เมื่อคุณอยู่ในสถานที่พลุกพล่าน หูฟังจะเพิ่มระดับการตัดเสียงรบกวน หรือเมื่อคุณกำลังเดินบนถนน จะเปิดโหมด Ambient Sound ให้ได้ยินเสียงรถยนต์เพื่อความปลอดภัย
- Multipoint Connection – เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกัน เช่น โทรศัพท์และแล็ปท็อป สลับการใช้งานได้อย่างราบรื่น

แบตเตอรี่และการชาร์จ
นอกจากความสบายและฟีเจอร์ที่เต็มเปี่ยมแล้ว LinkBuds Fit ยังมอบประสบการณ์การใช้งานที่ยาวนานน่าประทับใจ ด้วยแบตเตอรี่ที่ให้เวลาการใช้งานถึง 5.5 ชั่วโมง ในตัวหูฟัง และเมื่อรวมกับการชาร์จจากเคสจะได้เวลาใช้งานรวมทั้งสิ้น 21 ชั่วโมง ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าคุณจะเดินทางไกลหรือมีประชุมต่อเนื่อง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมด ที่น่าประทับใจไปกว่านั้นคือฟีเจอร์ ชาร์จเร็ว ที่ใช้เวลาเพียง 5 นาที ให้เวลาการใช้งานถึง 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับคนที่มักลืมชาร์จหูฟังแล้วต้องรีบออกจากบ้าน เมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน
ต้องยอมรับว่าแม้ LinkBuds Fit อาจจะไม่ใช่แชมป์ด้านแบตเตอรี่ แต่ประสิทธิภาพโดยรวมก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน และความสามารถในการชาร์จเร็วก็ชดเชยข้อด้อยนี้ได้อย่างลงตัว

คุณภาพเสียงที่สมดุล
ด้านคุณภาพเสียง LinkBuds Fit ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการนำเทคโนโลยีจาก WF-1000XM5 รุ่นเรือธงมาปรับใช้ ทำให้ได้เสียงเบสที่หนักแน่นแต่ไม่บดบังรายละเอียดของเสียงกลางและเสียงแหลม มอบไดนามิกเรนจ์ที่กว้างซึ่งรองรับทุกแนวเพลงได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเพลงร็อค เพลงคลาสสิก หรือแนวอิเล็กทรอนิกส์ จุดเด่นอีกประการหนึ่งคือคุณภาพเสียงโทรศัพท์ที่ชัดเจนแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง ด้วยเทคโนโลยี AI ที่ช่วยลดเสียงรบกวนภายนอก ทำให้คู่สนทนาได้ยินเสียงของคุณชัดเจนเหมือนคุยกันในห้องเงียบๆ
สำหรับคนที่ชอบปรับแต่งเสียงตามความชอบส่วนตัว Sony Sound Connect app มีฟีเจอร์ Equalizer ให้ปรับแต่งเสียงได้ 5 ย่านความถี่ เพื่อให้คุณได้เสียงตามแบบที่ต้องการ เรียกได้ว่า LinkBuds Fit เป็นหูฟังที่มอบประสบการณ์การฟังที่มีคุณภาพสูงและยืดหยุ่นในทุกสถานการณ์
การปรับแต่งตามสไตล์ส่วนตัว
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ LinkBuds Fit โดดเด่นในตลาดคือความสามารถในการปรับแต่งตามสไตล์ส่วนตัว โดยมีให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ สีเขียว สีขาว สีดำ และสีม่วง ทำให้คุณสามารถเลือกได้ตามความชอบหรือให้เข้ากับสไตล์การแต่งตัวของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกซื้อเคสซิลิโคนครอบเคสชาร์จและเคสซิลิโคนครอบหูฟังเพิ่มเติมได้ในราคา 990 บาท และ 490 บาท ตามลำดับ ที่น่าสนใจคือสีเคสของ LinkBuds Fit มีให้เลือกถึง 5 สี ทำให้คุณสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ตามใจชอบ สร้างลุคที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความสามารถในการปรับแต่งนี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเป็นตัวเองสูง ไม่เหมือนใคร และต้องการบ่งบอกตัวตนผ่านอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน





รีวิว Sony LinkBuds Speaker: ลำโพงอัจฉริยะเชื่อมต่อการฟังแบบไร้รอยต่อ
ในขณะที่หูฟังเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการฟังเพลงขณะเดินทาง แต่เมื่อกลับถึงบ้านหรืออยู่ในห้องทำงาน เราต้องการลำโพงที่ให้เสียงกว้างกว่า สมจริงกว่า และแชร์กับผู้อื่นได้ Sony LinkBuds Speaker คือคำตอบสำหรับความต้องการนี้ ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรูทันสมัย การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อกับหูฟัง LinkBuds และคุณภาพเสียงระดับพรีเมียม ลำโพงนี้พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคุณ
การออกแบบและการใช้งาน
Sony LinkBuds Speaker มาพร้อมดีไซน์มินิมอลที่ดูสวยงามลงตัวในทุกมุมของบ้าน รูปทรงทันสมัยคล้ายทรงกระบอกที่มีขนาดพอดีมือ สูงประมาณกระป๋องเครื่องดื่มทั่วไปแต่มีความหนาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้พกพาสะดวกหรือวางบนโต๊ะทำงาน ชั้นวางของ หรือแม้แต่ใส่กระเป๋าเป้ได้โดยไม่เปลืองพื้นที่มากนัก น้ำหนักที่ 520 กรัมอาจจะไม่ได้เบาที่สุดในกลุ่มลำโพงพกพา แต่ให้ความรู้สึกแข็งแรงและมีคุณภาพเมื่อจับ
วัสดุภายนอกเป็นผ้าเมชถักทอแน่นหุ้มรอบตัวลำโพง ให้สัมผัสที่นุ่มและดูพรีเมียม มีให้เลือกสองสีคือดำและขาว โดยสีขาวนั้นสวยงามแต่อาจเปื้อนง่ายหากใช้งานภายนอกบ่อยๆ ด้านบนสุดมีปุ่มควบคุมหลักสี่ปุ่ม ได้แก่ ปุ่มปรับเสียงบวกลบ ปุ่มเล่น/หยุด และปุ่ม Quick Access สำหรับเข้าถึงแอปสตรีมมิ่งโปรดได้ทันที ด้านหลังมีปุ่มเปิดปิดขนาดเล็กและพอร์ต USB-C ที่มีฝาปิดป้องกัน

นอกจากนี้ยังมาพร้อมแท่นชาร์จไร้สายในกล่องเพื่อการชาร์จที่สะดวกรวดเร็ว โดยตัวแทนจะมีลวดลายคล้ายกลับหินอ่อน ที่จริงๆ ตัวพลาสติกเป็นวัสดุรีไซเคิลทำให้มีลวดลายที่ไม่เหมือนกัน

ในการชาร์จถ้าอยู่ในบ้านเราแค่วางตัวลำโพงไว้ที่แท่นชาร์จและถ้าต้องการเอาไปใช้นอกบ้านก็หยิบออกไปได้เลย และถ้าจะชาร์จก็จะมีพอร์ต USB-C อยู่ที่ด้านหลังของลำโพงด้วย
ที่สำคัญ LinkBuds Speaker มีมาตรฐาน IPX4 กันน้ำกระเซ็นได้ เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในบ้านและพกพาออกไปใช้ข้างนอกได้บ้าง แต่ไม่เหมาะกับการใช้งานริมสระว่ายน้ำหรือชายหาด เพราะไม่ได้ป้องกันฝุ่นหรือการจุ่มน้ำ จึงต้องระวังในการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้นมากๆ

คุณสมบัติเด่นที่น่าประทับใจ
จุดเด่นที่สุดของ LinkBuds Speaker คือฟีเจอร์ Auto Switch ที่ช่วยให้คุณสามารถใช้งานร่วมกับหูฟัง LinkBuds Series ได้อย่างไร้รอยต่อ เมื่อคุณกำลังฟังเพลงผ่านลำโพงแล้วต้องออกไปข้างนอก เพียงแค่หยิบหูฟัง LinkBuds ที่รองรับออกจากเคสชาร์จ เพลงจะหยุดเล่นที่ลำโพงและเริ่มเล่นต่อที่หูฟังโดยอัตโนมัติ และเมื่อคุณกลับมาบ้านและเก็บหูฟังลงในเคสชาร์จ เพลงก็จะกลับมาเล่นต่อที่ลำโพงทันที โดยไม่ต้องกดเปลี่ยนอุปกรณ์ผ่านมือถือให้ยุ่งยาก
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Quick Access ที่ให้คุณเข้าถึงแอปสตรีมมิ่งเพลงโปรดได้ด้วยการกดปุ่มเดียวบนลำโพง รองรับแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Spotify, Amazon Music และ Endel ช่วยให้เปิดเพลงได้รวดเร็วโดยไม่ต้องเปิดมือถือ
ฟีเจอร์ Auto Play ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยสามารถตั้งค่าให้ลำโพงเล่นเพลงตามกิจวัตรประจำวันได้ ไม่ว่าจะเป็น Get Ready Routine ที่เล่นเพลงปลุกอารมณ์ตอนเช้า หรือ Bed Time Routine ที่เล่นเพลงผ่อนคลายก่อนนอน ซึ่งตั้งเวลาได้ตามต้องการผ่านแอป Sony Sound Connect ฟีเจอร์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบฟังเพลงตามช่วงเวลาต่างๆ ของวัน
ที่น่าประทับใจไม่แพ้กันคือความสามารถในการรับสายโทรศัพท์ผ่านลำโพงได้ ด้วยไมโครโฟนที่ออกแบบมาพิเศษและเทคโนโลยีลดเสียงสะท้อน ทำให้คู่สนทนาได้ยินเสียงของคุณชัดเจนแม้คุณจะอยู่ห่างจากลำโพงพอสมควร

คุณภาพเสียงระดับพรีเมียม
LinkBuds Speaker ให้เสียงที่น่าประทับใจมากสำหรับลำโพงขนาดนี้ ด้วยระบบลำโพงแบบสองทาง ประกอบด้วยทวีตเตอร์ขนาด 16 มม. และไดรเวอร์เสียงกลางและเบสขนาด 48×56 มม. ทำงานร่วมกับพาสซีฟเรดิเอเตอร์เพื่อให้เสียงเบสที่หนักแน่นมากขึ้น การแยกเสียงอยู่ในระดับดีแม้จะไม่กว้างมากเท่าลำโพงขนาดใหญ่
จุดเด่นของลำโพงนี้คือเสียงกลางที่มีรายละเอียดดีเยี่ยม ทำให้เสียงร้องและเครื่องดนตรีโดดเด่นชัดเจน และด้วยเทคโนโลยี Sound Diffusion Processor ของ Sony ทำให้เสียงกระจายออกไปรอบทิศทางแทนที่จะพุ่งไปในทิศทางเดียว คุณจึงได้ยินเสียงคุณภาพเดียวกันไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหนในห้อง
สิ่งที่น่าชื่นชมอีกประการคือความสามารถในการปรับแต่งเสียงผ่าน Equalizer แบบ 5 แบนด์ในแอป Sound Connect และโหมด Clear Bass สำหรับเพิ่มพลังเสียงต่ำ อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับคู่แข่งในระดับราคาเดียวกันอย่าง JBL Flip 6 หรือ Charge 5 ลำโพง LinkBuds Speaker อาจจะให้พลังเสียงเบสและไดนามิกที่น้อยกว่าเล็กน้อย แต่ชดเชยด้วยความละเอียดและความสมดุลของเสียงที่ดีกว่า
แบตเตอรี่ยาวนานเกินความคาดหมาย
ประสิทธิภาพด้านแบตเตอรี่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ LinkBuds Speaker ด้วยแบตเตอรี่ที่ให้เวลาการใช้งานยาวนานถึง 25 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน ที่ให้เวลาการใช้งานเพียง 12-20 ชั่วโมง ทำให้ LinkBuds Speaker เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่หรือเดินทางไกลที่อาจไม่มีที่ชาร์จ
การชาร์จทำได้ผ่านพอร์ต USB-C ที่ด้านหลังของลำโพง หรือวางบนแท่นชาร์จไร้สายที่มาพร้อมกับสินค้า ซึ่งช่วยให้ชาร์จได้เร็วและสะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้งานที่บ้านหรือที่ทำงาน จากการทดสอบ ลำโพงนี้สามารถให้เสียงในระดับความดังปานกลางได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จซ้ำ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญเมื่อต้องใช้งานในพื้นที่ที่เข้าถึงไฟฟ้าได้ยาก

ฟีเจอร์เพิ่มเติมที่น่าสนใจ
นอกจากฟีเจอร์หลักที่กล่าวมาแล้ว LinkBuds Speaker ยังมีฟีเจอร์เสริมที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่น Stereo Pairing ที่ให้คุณเชื่อมต่อลำโพงสองตัวเข้าด้วยกันเพื่อให้เสียงแบบสเตอริโอที่กว้างและสมจริงมากขึ้น ทำให้การฟังเพลงหรือดูหนังมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น
Multipoint Connection ช่วยให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกันได้ เช่น สมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป ทำให้สลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อและเชื่อมต่อใหม่ทุกครั้ง
การเชื่อมต่อเป็น Bluetooth 5.2 ที่ให้การเชื่อมต่อเสถียรและเร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่รองรับเฉพาะ codec แบบ SBC และ AAC เท่านั้น ไม่มี LDAC ที่มักจะพบในหูฟังระดับสูงของ Sony ซึ่งอาจเป็นข้อเสียเล็กน้อยสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงไร้สายที่ดีที่สุด
ตัวลำโพงมีการออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานจริง เช่น มีห่วงสำหรับคล้องที่แข็งแรงสำหรับการพกพา และการปรับการตั้งค่าต่างๆ สามารถทำได้ผ่านแอป Sound Connect ที่ใช้งานง่ายมากขึ้นในเวอร์ชันล่าสุด ทำให้การปรับแต่งต่างๆ เป็นเรื่องสะดวกแม้สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี

Auto Switch – จุดเด่นของระบบนิเวศ LinkBuds
ฟีเจอร์ Auto Switch คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ในตระกูล LinkBuds มีความพิเศษกว่าอุปกรณ์เสียงทั่วไปในท้องตลาด ด้วยแนวคิดการสร้างประสบการณ์การฟังแบบไร้รอยต่อตลอดทั้งวัน Sony ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้การสลับเสียงระหว่างหูฟังและลำโพงเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ราวกับอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้
คอนเซ็ปต์และการทำงาน
Auto Switch ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่เราทุกคนเคยเจอ นั่นคือความยุ่งยากในการสลับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์เสียงต่างๆ ลองนึกภาพว่าคุณกำลังฟังพอดแคสต์เพลินๆ ผ่านลำโพง LinkBuds Speaker ในบ้าน แต่ถึงเวลาต้องออกไปข้างนอก ปกติคุณต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหยุดเพลงที่ลำโพง เปลี่ยนการเชื่อมต่อไปที่หูฟัง และกดเล่นใหม่ซึ่งเสียเวลาและไม่สะดวก
แต่กับ Auto Switch ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อคุณหยิบหูฟัง LinkBuds ที่รองรับออกจากเคสและสวมใส่ เพลงหรือคอนเทนต์ที่กำลังเล่นบนลำโพงจะหยุดทันที และเริ่มเล่นต่อบนหูฟังตรงจุดเดิมโดยอัตโนมัติ ไม่มีการสะดุดหรือต้องกดอะไรเพิ่มเติม และเมื่อคุณกลับมาถึงบ้านและนำหูฟังเก็บลงในเคสชาร์จ เพลงก็จะกลับไปเล่นที่ลำโพงทันที ทำให้ประสบการณ์การฟังเพลงของคุณต่อเนื่องไม่ขาดตอน
ระบบนี้ทำงานผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth โดยตรงระหว่างอุปกรณ์ทั้งสอง โดยที่โทรศัพท์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูลและควบคุมการสลับการเชื่อมต่อ ทำให้ไม่ต้องเปิดโทรศัพท์เพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์เสียงอีกต่อไป
การตั้งค่าและการใช้งาน
การตั้งค่า Auto Switch ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด แต่มีขั้นตอนที่ต้องทำตามลำดับเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างสมบูรณ์ โดยเริ่มจาก:
- อัปเดตซอฟต์แวร์ – สิ่งแรกที่ต้องทำคือการอัปเดตซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ทั้งหมดให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด โดยเฉพาะแอป Sony Sound Connect บนสมาร์ทโฟนของคุณ มิฉะนั้นอาจจะหาฟังก์ชัน Auto Switch ไม่เจอ
- เริ่มจากลำโพง – การตั้งค่าต้องเริ่มจากการเชื่อมต่อ LinkBuds Speaker กับสมาร์ทโฟนก่อน จากนั้นเปิดแอป Sound Connect และเข้าไปที่ Device settings > System > Settings ในเมนู Auto Switch แล้วทำตามขั้นตอนในแอป หลังจากเสร็จขั้นตอนนี้ให้ปิดลำโพงก่อน
- เพิ่มหูฟัง – เชื่อมต่อหูฟัง LinkBuds ที่รองรับ (ไม่ว่าจะเป็น LinkBuds Fit, LinkBuds Open, LinkBuds S, WF-1000XM5 หรือ WH-1000XM5) กับสมาร์ทโฟน และทำขั้นตอนการตั้งค่าเช่นเดียวกัน เพียงแต่ครั้งนี้คุณจะเห็นตัวเลือก “Link with LinkBuds Speaker” ที่สามารถเลือกได้
- ทดสอบการทำงาน – หลังจากตั้งค่าเสร็จสิ้น ให้ทดลองใช้งานโดยเล่นเพลงจากลำโพง แล้วหยิบหูฟังออกจากเคสและสวมใส่ เพลงควรจะสลับไปเล่นที่หูฟังโดยอัตโนมัติ และเมื่อเก็บหูฟังลงเคส เพลงควรจะกลับไปเล่นที่ลำโพงอีกครั้ง
การใช้งาน Auto Switch เป็นเรื่องง่ายมากหลังจากตั้งค่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ใช้งานหูฟังและลำโพงตามปกติ ระบบจะจัดการการสลับเสียงให้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องกังวลเรื่องการกดปุ่มหรือเปลี่ยนการตั้งค่าใดๆ เพิ่มเติม
อุปกรณ์ที่รองรับ
ไม่ใช่ทุกอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานฟีเจอร์ Auto Switch ได้ Sony ได้จำกัดความเข้ากันได้เฉพาะกับผลิตภัณฑ์บางรุ่นเท่านั้น โดยหูฟังที่รองรับ ได้แก่:
- LinkBuds Fit
- LinkBuds Open
- LinkBuds S
- WF-1000XM5 (หูฟังเอียร์บัด)
- WH-1000XM5 (หูฟังครอบหู)
ในส่วนของสมาร์ทโฟนที่รองรับ มีทั้งในระบบ iOS และ Android โดยรุ่นที่รองรับ ได้แก่:
- iPhone รุ่น 13 ขึ้นไป (รวมถึง iPhone 13, 13 Pro, 13 Pro Max, 14, 14 Pro, 14 Pro Max, 15, 15 Pro, 15 Pro Max)
- iPad รุ่นใหม่ เช่น iPad Air, iPad Pro 5, iPad Pro 11 inch (3rd Gen), iPad (9th Gen), iPad mini 6
- Sony Xperia หลายรุ่น เช่น Xperia 1 V, Xperia 5 V, Xperia 10 V, Xperia 1 IV, Xperia 5 IV และรุ่นอื่นๆ อีกหลายรุ่น

ประสบการณ์การใช้งานในชีวิตจริง
จากการทดลองใช้งาน Auto Switch ในชีวิตประจำวัน พบว่าฟีเจอร์นี้ทำงานได้อย่างน่าประทับใจ การสลับระหว่างหูฟังและลำโพงเป็นไปอย่างราบรื่นเกือบทุกครั้ง มีความล่าช้าเพียงเล็กน้อย (ประมาณ 1-2 วินาที) ซึ่งแทบไม่รู้สึกรำคาญในการใช้งานจริง
ความสะดวกที่ได้รับนั้นเห็นได้ชัดเจนในหลายสถานการณ์ เช่น ขณะกำลังฟังข่าวตอนเช้าผ่านลำโพงแล้วต้องรีบออกไปทำงาน หรือเมื่อกลับถึงบ้านพร้อมความเหนื่อยล้าและไม่ต้องการกดปุ่มใดๆ เพิ่มเติม เพียงแค่ถอดหูฟังเก็บและเพลงก็จะดังต่อที่ลำโพงทันที
อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนใช้งาน นั่นคือ ระบบจะทำงานได้ดีเมื่ออุปกรณ์ทั้งหมดอยู่ภายในระยะ Bluetooth ที่เหมาะสม (ประมาณ 10 เมตร) หากลำโพงอยู่ไกลเกินไป หรือมีกำแพงหนาหรือสิ่งกีดขวางมากเกินไป อาจทำให้การเชื่อมต่อไม่เสถียรได้
ความสามารถที่โดดเด่นอีกประการหนึ่งคือการจำตำแหน่งเพลงที่กำลังเล่นได้อย่างแม่นยำ ทำให้ไม่พลาดเนื้อหาสำคัญในพอดแคสต์หรือหนังสือเสียงที่กำลังฟังอยู่ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ชอบฟังคอนเทนต์ยาวๆ
ประสบการณ์การใช้งานฟีเจอร์ Auto Switch โดยรวมถือว่าเกินความคาดหมาย และเป็นก้าวสำคัญของ Sony ในการสร้างระบบนิเวศเครื่องเสียงที่ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งเป็นทิศทางที่น่าจับตามองในอนาคตของวงการเครื่องเสียงพกพา
ฟีเจอร์เสริมอื่นๆ ที่น่าสนใจ
นอกเหนือจากฟีเจอร์ Auto Switch ที่โดดเด่นแล้ว ระบบนิเวศของ Sony LinkBuds Series ยังมีฟีเจอร์เสริมอื่นๆ ที่น่าสนใจและช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
Quick Access: การเข้าถึงเพลงโปรดด้วยปุ่มเดียว
Quick Access เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเข้าถึงแอปสตรีมมิ่งเพลงโปรดทำได้อย่างรวดเร็วเพียงกดปุ่มเดียวบน LinkBuds Speaker โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอป ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาและเพิ่มความสะดวกสบายในการฟังเพลง
การทำงานของ Quick Access นั้นเรียบง่าย เมื่อคุณกดปุ่ม Quick Access บนลำโพง แอปที่ตั้งค่าไว้จะเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติและเริ่มเล่นเพลยลิสต์ที่คุณเลือกไว้ทันที ปัจจุบันรองรับแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Spotify, Amazon Music และ Endel แต่อาจมีการเพิ่มบริการอื่นๆ ในอนาคต
การตั้งค่า Quick Access ทำได้ง่ายผ่านแอป Sony Sound Connect โดยเข้าไปที่การตั้งค่าของ LinkBuds Speaker และเลือกแอปที่ต้องการและเพลยลิสต์หรือเอลบั้มที่ชื่นชอบ ฟีเจอร์นี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มักฟังเพลงประจำในช่วงเวลาต่างๆ ของวัน เช่น เพลงออกกำลังกาย เพลงทำงาน หรือเพลงผ่อนคลาย
Auto Play: เพลงตามกิจวัตรประจำวัน
Auto Play คือฟีเจอร์อัจฉริยะที่ช่วยให้ LinkBuds Speaker เล่นเพลงตามกิจวัตรประจำวันได้โดยอัตโนมัติ โดยแบ่งออกเป็นสองโหมดหลัก:
Get Ready Routine เป็นโหมดที่ออกแบบมาสำหรับช่วงเช้า โดยลำโพงจะเปิดเองตามเวลาที่ตั้งไว้และเล่นเพลงที่คุณเลือก เพื่อปลุกอารมณ์และสร้างพลังให้กับวันใหม่ ลองนึกภาพว่าคุณตื่นนอนพร้อมกับเพลงโปรดที่ค่อยๆ ดังขึ้นแทนเสียงนาฬิกาปลุกที่น่ารำคาญ
Bed Time Routine เป็นโหมดสำหรับช่วงก่อนนอน โดยลำโพงจะเล่นเพลงผ่อนคลายตามเวลาที่ตั้งไว้ และจะปิดเองโดยอัตโนมัติหลังจากเล่นไปได้ระยะเวลาหนึ่งตามที่กำหนด ช่วยให้คุณผ่อนคลายและเข้าสู่การนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพ
การตั้งค่าทั้งสองโหมดนี้ทำได้ผ่านแอป Sound Connect ในส่วนของ Auto Play โดยสามารถเลือกวัน เวลา เพลง และระดับความดังได้ตามต้องการ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ลำโพงกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ทำงานสอดคล้องกับกิจวัตรของคุณอย่างแท้จริง เพิ่มความสะดวกสบายและลดการพึ่งพาโทรศัพท์มือถือ
Personalize Your Own Style: ปรับแต่งตามสไตล์ส่วนตัว
Sony เข้าใจดีว่าอุปกรณ์เครื่องเสียงไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์ที่ใช้งาน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของสไตล์และบุคลิกภาพของผู้ใช้ด้วย ด้วยเหตุนี้ LinkBuds Series จึงมาพร้อมกับความสามารถในการปรับแต่งรูปลักษณ์ตามสไตล์ส่วนตัว
สำหรับหูฟัง LinkBuds Fit และ LinkBuds Open มีให้เลือกหลากหลายสี และยังสามารถเลือกซื้อเคสซิลิโคนครอบเคสชาร์จและเคสซิลิโคนครอบหูฟังเพิ่มเติมได้ในราคา 990 บาท และ 490 บาท ตามลำดับ โดยมีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีชมพู สีเขียวอ่อน สีฟ้าอ่อน สีม่วงอ่อน และสีดำ
ข้อควรระวังคือ เคสซิลิโคนเหล่านี้ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรุ่นนั้นๆ เท่านั้น ไม่สามารถใช้ร่วมกันระหว่างรุ่นได้ เช่น เคสของ LinkBuds Fit ไม่สามารถใช้กับ LinkBuds Open ได้ ดังนั้นควรตรวจสอบความเข้ากันได้ก่อนการสั่งซื้อ
ความสามารถในการปรับแต่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแสดงออกถึงตัวตนและสไตล์ส่วนตัวผ่านอุปกรณ์เครื่องเสียงได้ สอดคล้องกับเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองผ่านสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

การทำงานร่วมกับแอป Sony Sound Connect
ศูนย์กลางของการจัดการทุกฟีเจอร์ของ LinkBuds Series คือแอป Sony Sound Connect ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ใช้งานง่ายและสวยงามมากขึ้น สนับสนุนทั้งอุปกรณ์ Android และ iOS
แอปนี้ไม่เพียงแต่ใช้สำหรับตั้งค่าฟีเจอร์พื้นฐานเท่านั้น แต่ยังรวมฟีเจอร์ขั้นสูงต่างๆ เช่น:
- การปรับแต่งเสียงด้วย Equalizer แบบ 5 แบนด์: ให้คุณปรับแต่งเสียงได้ตามความชอบส่วนตัว ไม่ว่าจะชอบเสียงเบสหนักๆ หรือเสียงกลางที่ชัดเจน
- การตั้งค่า Auto Switch: ศูนย์กลางในการจับคู่และตั้งค่าการทำงานร่วมกันระหว่างหูฟังและลำโพง
- การจัดการหลายอุปกรณ์: ควบคุมการตั้งค่าของอุปกรณ์ LinkBuds ทั้งหมดของคุณจากที่เดียว
- การอัปเดตเฟิร์มแวร์: ตรวจสอบและติดตั้งอัปเดตเฟิร์มแวร์ล่าสุดเพื่อเพิ่มฟีเจอร์ใหม่และปรับปรุงประสิทธิภาพ
แอป Sound Connect เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของระบบนิเวศ LinkBuds เพราะทำให้การจัดการอุปกรณ์ทุกชิ้นเป็นเรื่องง่าย แม้จะมีฟีเจอร์มากมาย แต่การออกแบบอินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายและเป็นระเบียบช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและไม่สับสน
ยิ่งไปกว่านั้น แอปนี้ยังอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ และปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Sony ในการพัฒนาระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงอย่างต่อเนื่อง

สรุป รีวิว หูฟัง Sony LinkBuds Fit และ ลำโพง LinkBuds Speaker
สำหรับ รีวิว ครั้งนี้ กับ LinkBuds Fit รู้สึกได้ถึงความโดดเด่นด้วยการออกแบบที่ใส่สบายตลอดทั้งวันด้วยนวัตกรรม Air Fitting Supporters ทำให้มั่นใจได้ว่าหูฟังจะไม่หลุดแม้ขณะออกกำลังกายเข้มข้น มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนคุณภาพสูงด้วยชิปประมวลผลตัวเดียวกับรุ่นเรือธง และฟีเจอร์อัจฉริยะอย่าง Speak-to-Chat และ Head Gesture ที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งานประจำวัน คุณภาพเสียงอยู่ในระดับดีมากพอที่จะทำให้ผู้ใช้ได้อรรถรสในการฟังเพลงทุกแนว
ส่วน LinkBuds Speaker มีจุดเด่นที่การออกแบบที่เรียบหรูเข้ากับทุกมุมบ้าน เสียงคุณภาพดีกับระบบลำโพงสองทางและเทคโนโลยี Sound Diffusion ที่ช่วยกระจายเสียงรอบทิศทาง แบตเตอรี่ 25 ชั่วโมงที่อยู่เหนือคู่แข่งในระดับเดียวกัน ฟีเจอร์ Quick Access และ Auto Play ที่ช่วยให้การใช้งานเป็นเรื่องง่าย
และสิ่งที่ทำให้ทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้พิเศษกว่าแบรนด์อื่นคือฟีเจอร์ Auto Switch ที่ช่วยให้การสลับเสียงระหว่างหูฟังและลำโพงเป็นไปอย่างไร้รอยต่อโดยอัตโนมัติ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายและประสบการณ์การฟังแบบต่อเนื่องตลอดวัน
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ทั้งสองก็มีข้อจำกัดที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจซื้อ
สำหรับ LinkBuds Fit แบตเตอรี่ 5.5 ชั่วโมงอาจจะไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานต่อเนื่องยาวนาน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับราคาเดียวกันอย่าง Bose QuietComfort Earbuds ที่ให้เวลาการใช้งานมากกว่า ระดับกันน้ำ IPX4 ก็ยังไม่สามารถป้องกันการจุ่มน้ำได้ ทำให้ไม่เหมาะกับกีฬาทางน้ำ และความรู้สึกของปุ่มสัมผัสที่อาจตอบสนองช้าในบางครั้ง
ส่วน LinkBuds Speaker อาจให้พลังเสียงเบสและไดนามิกที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน และมาตรฐานกันน้ำ IPX4 ก็ยังเป็นข้อจำกัดเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีระดับการป้องกันสูงกว่า นอกจากนี้ การรองรับเฉพาะ codec แบบ SBC และ AAC อาจไม่ตอบโจทย์สำหรับนักฟังเพลงจริงจังที่ต้องการคุณภาพเสียงสูงสุด
สำหรับฟีเจอร์ Auto Switch ที่เป็นจุดขายหลัก ก็มีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ ต้องใช้กับสมาร์ทโฟนและหูฟังรุ่นที่รองรับเท่านั้น

ความคุ้มค่ากับราคา
LinkBuds Fit มีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 7,990 บาท เมื่อพิจารณาจากคุณสมบัติที่ได้ ถือว่าอยู่ในระดับที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังที่มีความสบายในการสวมใส่เป็นหลัก และต้องการฟีเจอร์อัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในชีวิตประจำวัน ราคานี้อยู่ในระดับเดียวกับคู่แข่ง แต่มีจุดเด่นด้านความสบายและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นในระบบนิเวศ LinkBuds
ส่วน LinkBuds Speaker ที่ราคา 6,990 บาท ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ของตลาดลำโพงพกพาคุณภาพสูง เมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่ด้วยแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่าและฟีเจอร์เฉพาะตัวอย่าง Auto Switch, Quick Access และ Auto Play ก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการลำโพงที่มีความสามารถมากกว่าการเล่นเพลงทั่วไป
ท้ายที่สุด ผลิตภัณฑ์ในตระกูล LinkBuds ของ Sony ถือเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจในวงการเครื่องเสียงพกพา ด้วยระบบนิเวศที่ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ก็มีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้อย่างน่าประทับใจ และถือเป็นก้าวสำคัญของ Sony ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์การฟังเพลงแบบไร้รอยต่อที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok