Meta ร่วมมือกับ ตำรวจสอบสวนกลาง เดินหน้าป้องกันมิจฉาชีพฉ้อโกงออนไลน์ในไทย

Meta ร่วมมือกับ ตำรวจสอบสวนกลาง เดินหน้าป้องกันมิจฉาชีพฉ้อโกงออนไลน์ในไทย

Meta ประกาศความร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติผ่านกองบัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) พร้อมหน่วยงานพันธมิตรในไทย ยกระดับการป้องกันการฉ้อโกงออนไลน์ พร้อมเสริมทัพด้วย AI และเปิดตัวฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่เพื่อปกป้องผู้ใช้งาน

ในช่วงเวลาที่สถิติอาชญากรรมออนไลน์ในไทยพุ่งสูงถึง 7,600 ล้านบาทในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 Meta ได้ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายไทยเพื่อยกระดับความปลอดภัยทางออนไลน์ ขณะที่ CIB เผยแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีวิวัฒนาการรวดเร็วราวกับธุรกิจเฟรนไชส์

Meta เสริมความร่วมมือกับหน่วยงานไทยเพื่อต่อสู้กับการฉ้อโกงออนไลน์

Meta ได้ประกาศเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการยกระดับความปลอดภัยของผู้ใช้งานผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานไทยหลายภาคส่วน โดยเฉพาะกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติผ่านกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันระหว่างการบังคับใช้กฎหมายและเทคโนโลยี

ภายในงานแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้นร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คุณยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะจาก Facebook (ประเทศไทย) จำกัด เน้นย้ำถึงความสำคัญของความปลอดภัยและความมั่นคงของชุมชนออนไลน์ โดยกล่าวว่า “Meta ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยและความมั่นคงของชุมชน เรามีความมุ่งมั่นที่จะจัดการกับปัญหาการหลอกลวงที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปได้ตลอดเวลาในทุกแพลตฟอร์มของเรา”

ปัญหาการฉ้อโกงออนไลน์สร้างความเสียหายในไทยนับพันล้าน

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่าปัญหาอาชญากรรมและการหลอกลวงออนไลน์เป็นปัญหาระดับโลก ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย โดยองค์กรอาชญากรรมมักตั้งฐานปฏิบัติการตามแนวชายแดนในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่การบังคับใช้กฎหมายทำได้ยาก

ตำรวจสอบสวนกลางเปิดเผยสถิติที่น่าตกใจว่า ในปี 2568 ตั้งแต่ 1 ม.ค.-30 เม.ย. 68 มูลค่าความเสียหายจากปัญหาอาชญากรรมการหลอกลวงออนไลน์ในไทยสูงถึง 7,600 ล้านบาท โดยแผนประทุษกรรมที่มีผู้เสียหายมากที่สุดคือการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

กลยุทธ์แบบองค์รวมของ Meta ในการต่อสู้กับภัยออนไลน์

นับตั้งแต่ต้นปี 2567 Meta ได้ตรวจพบและลบบัญชีที่เกี่ยวข้องกับแก๊งมิจฉาชีพในเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และฟิลิปปินส์ รวมกว่าสองล้านบัญชี โดยมุ่งเป้าไปที่องค์กรอาชญากรรมที่อยู่เบื้องหลังการหลอกลวงผู้ใช้ผ่านแอปต่างๆ

Meta ใช้กลยุทธ์แบบองค์รวมในการต่อสู้กับภัยออนไลน์ โดยให้ความสำคัญกับมาตรการเชิงรุกและการป้องกัน บริษัทได้ลงทุนอย่างมหาศาลโดยมีบุคลากรกว่า 40,000 คนทั่วโลกที่ทำงานด้านความปลอดภัยและความมั่นคง และลงทุนกว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการพัฒนาทีมงานและเทคโนโลยีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

สิ่งที่ Meta ให้ความสำคัญในการทำงานเพื่อลดผลกระทบจากภัยออนไลน์ ได้แก่

  1. ยกระดับการป้องกันภัยบนแพลตฟอร์ม
  2. ขัดขวางผู้กระทำผิดด้วยการเพิ่มขั้นตอนที่ยุ่งยากและค่าใช้จ่าย
  3. ผนึกความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี ธนาคาร และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
  4. มอบเครื่องมือความปลอดภัยและให้ความรู้แก่ผู้ใช้งาน

AI ยกระดับการปราบปรามการฉ้อโกง

การลงทุนพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ Meta ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับและจัดการกับเนื้อหาสแปม บัญชีปลอม และการหลอกลวงอย่างมีนัยสำคัญ

คุณยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ เปิดเผยว่าเทคโนโลยีการตรวจจับของ Meta สามารถสกัดกั้นและลบบัญชีปลอมได้หลายล้านบัญชีในแต่ละวัน โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 Meta ดำเนินการกับบัญชีปลอมถึง 7 ล้านบัญชี โดย 99.9% ถูกลบก่อนจะมีการรายงานจากผู้ใช้

นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา Meta ยังได้ลบบัญชีกว่า 408,000 บัญชีที่เชื่อมโยงกับการหลอกให้หลงรัก (Romance Scam) และลบเพจและบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงอีกกว่า 116,000 รายการ

Meta ร่วมมือกับ ตำรวจสอบสวนกลาง เดินหน้าป้องกันมิจฉาชีพฉ้อโกงออนไลน์ในไทย

ฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่เพื่อปกป้องผู้ใช้งาน

Meta ได้เปิดตัวฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความมั่นคงเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงเครื่องมือตรวจจับบัญชีม้าร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และช่องทางรายงานกิจกรรมที่น่าสงสัยบนแพลตฟอร์ม

นอกจากนี้ Meta ยังได้พัฒนาเครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยผู้ใช้รักษาความปลอดภัยของบัญชี เช่น:

  • การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน
  • การแจ้งเตือนการเข้าสู่ระบบ
  • ฟีเจอร์ Security Checkup สำหรับอัปเดตการตั้งค่าความปลอดภัย
  • เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อป้องกันการใช้ภาพบุคคลสาธารณะในโฆษณาหลอกลวง
  • ฟีเจอร์ Safer Message Requests บน Instagram ที่จำกัดการสื่อสารครั้งแรกให้ส่งข้อความได้เพียงข้อความเดียว

สำหรับภาคธุรกิจ Meta ได้พัฒนาเครื่องมือ Brand Rights Protection เพื่อช่วยธุรกิจตรวจสอบเนื้อหาที่อาจละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างรวดเร็ว

ความร่วมมือกับพันธมิตรสร้างความเท่าทันเทคโนโลยี

Meta ทำงานร่วมกับพันธมิตรในประเทศไทยหลายองค์กรเพื่อสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ในปี 2568 Meta ได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดการฝึกอบรมเกี่ยวกับเครื่องมือปกป้องสิทธิ์แบรนด์ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ

นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ก.ล.ต. ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการปกป้องผู้ลงทุนจากภัยคุกคามในโลกดิจิทัล โดยเฉพาะการหลอกลวงด้านการเงินการลงทุนที่มีความซับซ้อนและพัฒนาการของรูปแบบอย่างรวดเร็ว”

Meta ยังร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) จัดโรดโชว์ส่งเสริมความปลอดภัยออนไลน์ใน 32 จังหวัดทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2565

นายมีธรรม ณ ระนอง รองผู้อำนวยการ ETDA กล่าวว่า “ETDA มุ่งส่งเสริมให้คนไทยทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย พร้อมเดินหน้าพัฒนาการดำเนินงานในหลายมิติ ตั้งแต่การกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล การรับแจ้งเรื่อง ส่งต่อเรื่องร้องเรียน และการสร้างความตระหนักรู้”

Meta ร่วมมือกับ ตำรวจสอบสวนกลาง เดินหน้าป้องกันมิจฉาชีพฉ้อโกงออนไลน์ในไทย

แคมเปญระดับภูมิภาคสร้างความตระหนักรู้

Meta ได้เปิดตัวแคมเปญต่อต้านการหลอกลวง ‘Legit or Leg It’ ใน 7 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศ รวมถึงกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ETDA ในประเทศไทย

แคมเปญนี้ประกอบด้วยสื่อออนไลน์ที่จัดทำร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในประเทศไทยและครีเอเตอร์ชาวไทย เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ทั่วไป และวิธีการตรวจจับมิจฉาชีพออนไลน์ แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมีการเข้าถึงทั้งหมด 224 ล้านครั้งทั่วภูมิภาค โดยครีเอเตอร์ชาวไทยมีส่วนสร้างการเข้าถึงในแคมเปญนี้กว่า 18.3 ล้านครั้ง

พ.ต.ต. ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ “สารวัตรแจ๊ะ” จาก IDMB กล่าวว่าวิวัฒนาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว “เหมือนกับว่าแทบจะเป็นธุรกิจเฟรนไชน์ประเภทหนึ่งไปแล้ว” และเน้นย้ำว่าความร่วมมือในทุกภาคส่วนเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับปัญหานี้

ผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันการฉ้อโกงและหลอกลวง สามารถเข้าไปที่ศูนย์ต่อต้านการหลอกลวงของ Meta ซึ่งมีให้บริการในภาษาไทยแล้วที่ https://about.meta.com/th/actions/safety/anti-scam/

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

Online Content Manager with over 10 years of experience working in the news, technology, and telecom industries.