ลาซาด้า ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศแผนการลงทุนมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เพื่อยกระดับโปรแกรม Lazada Affiliate ด้วยการเพิ่มค่าคอมมิชชัน ค่าตอบแทน และฟีเจอร์ใหม่เพื่อเสริมศักยภาพพาร์ทเนอร์ในเครือข่าย
การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่มุ่งขับเคลื่อนยุคใหม่ของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคด้วยพลังของอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ โดย ลาซาด้า ได้เปิดเผยแผนการในงาน Lazada Affiliate Southeast Asia Awards 2025 ณ โรงแรมดับเบิลยู กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568
โปรแกรม Lazada Affiliate เวอร์ชันใหม่มาพร้อมฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพให้กับพาร์ทเนอร์นักสร้างรายได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ไมโครอินฟลูเอนเซอร์ หรือนักช้อปทั่วไป ด้วยอินเทอร์เฟซโฉมใหม่ที่ใช้งานง่าย การคัดสรรสินค้าคอมมิชชันสูง และแดชบอร์ดสรุปข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยวิเคราะห์ประสิทธิภาพของลิงก์
นอกจากนี้ พาร์ทเนอร์ยังสามารถปรับแต่งหน้าร้านออนไลน์เพื่อนำเสนอสินค้าแนะนำและมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อให้กับผู้ติดตาม พร้อมรับค่าตอบแทนพิเศษในช่วงเมกะแคมเปญอย่าง 9.9, 11.11 และ 12.12

สำหรับเมกะแคมเปญกลางปี 6.6 ที่กำลังจะมาถึง ลาซาด้า เตรียมมอบค่าคอมมิชชันสูงสุดถึง 36% ให้กับพาร์ทเนอร์ที่โปรโมตสินค้าผ่านคูปองร้านค้า โดยมีแบรนด์พันธมิตรชั้นนำกว่า 70 แบรนด์ในหมวดแฟชันและความงาม ร่วมสนับสนุนผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ นอกจากนี้ยังเตรียมรีวอร์ดพิเศษมูลค่ารวม 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3 ล้านบาท ให้กับพาร์ทเนอร์ที่มีผลงานยอดเยี่ยมในระดับภูมิภาค
Jared Chan หัวหน้าฝ่าย Affiliate ลาซาด้า กรุ๊ป กล่าวว่า “ลาซาด้า เดินหน้าสนับสนุนอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ให้สามารถเข้าถึงโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ และต่อยอดอิทธิพลของตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างเครือข่ายนักสร้างรายได้ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ซึ่งไม่เพียงส่งเสริมการเติบโตของครีเอเตอร์ในทุกกลุ่ม แต่ยังช่วยเชื่อมโยงแบรนด์กับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง”
การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ของ ลาซาด้า ในการสร้างโมเดลที่ขับเคลื่อนด้วยผลลัพธ์อย่างแท้จริง โดยแบรนด์และผู้ขายจะชำระเงินเมื่อเกิดการซื้อสินค้าจริงเท่านั้น ช่วยให้การร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์สามารถวัดผล ต่อยอด และสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
