เปิดตัว vivo X200 Ultra

เปิดตัว vivo X200 Ultra จัดเต็มสเปคพร้อมกล้อง+เลนส์เสริม เปลี่ยนสมาร์ตโฟนให้เป็นกล้องมืออาชีพ

vivo เปิดตัว X200 Ultra อย่างเป็นทางการในประเทศจีน สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมความสามารถด้านการถ่ายภาพระดับเทพ ด้วยชิปประมวลผลภาพถึง 2 ตัว และชิป Snapdragon 8 Elite ที่ทรงพลัง นับเป็นการปฏิวัติวงการสมาร์ตโฟนที่เน้นประสิทธิภาพด้านการถ่ายภาพอย่างแท้จริง

ไฮไลท์สำคัญของ X200 Ultra คือการมาพร้อมเลนส์เสริมภายนอกที่สามารถเพิ่มความสามารถด้านการซูมได้มากกว่า 2 เท่า และชุดอุปกรณ์ถ่ายภาพพิเศษที่ทำให้สมาร์ตโฟนรุ่นนี้แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดอย่างชัดเจน

ประสิทธิภาพระดับเรือธงตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

X200 Ultra มาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon 8 Elite จับคู่กับ RAM LPDDR5X Ultra ขนาด 12 GB หรือ 16 GB และหน่วยความจำภายใน UFS 4.1 ที่มีให้เลือกถึงสามขนาดคือ 256 GB, 512 GB และ 1 TB ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะได้รับประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วและลื่นไหลในทุกการใช้งาน

หน้าจอของ X200 Ultra เป็นจอ LTPO AMOLED ขนาด 6.82 นิ้ว ความละเอียด QHD+ แสดงสีสันได้ถึง 10 บิต มีความสว่างสูงสุดถึง 4,500 นิตส์ และรองรับอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120 Hz ทำให้ภาพที่แสดงมีความคมชัดสูง สีสันสมจริง และการเลื่อนหน้าจอที่นุ่มนวล

เปิดตัว vivo X200 Ultra

ระบบกล้องระดับเทพที่หาไม่ได้ในสมาร์ตโฟนทั่วไป

สิ่งที่ทำให้ X200 Ultra โดดเด่นอย่างแท้จริงคือระบบกล้องที่เหนือชั้น เริ่มต้นด้วยการมีปุ่ม V ทางด้านขวาของตัวเครื่อง อยู่ในตำแหน่งที่นิ้วชี้จะวางพอดีเมื่อถือในแนวนอน ทำหน้าที่เป็นปุ่มชัตเตอร์ที่สามารถกำหนดค่าได้ ช่วยให้การถ่ายภาพสะดวกและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

ภายในตัวเครื่อง vivo ได้ติดตั้งชิปประมวลผลภาพถึงสองตัว ได้แก่ vivo V3+ ซึ่งเป็น ISP แบบคลาสสิกสำหรับการประมวลผลภาพหลังถ่าย และ vivo VS1 แพลตฟอร์มใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการเปิดรับแสง โฟกัส และการประมวลผลภาพแบบซ้อนภาพ (image stacking) ก่อนส่งข้อมูลไปยัง V3+ เพื่อทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การลดนอยส์และการเพิ่มความคมชัด

กล้องหลังด้านหลังของ X200 Ultra ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ 3 ตัว ได้แก่:

  • กล้องหลัก 50 MP พร้อมเซ็นเซอร์ Sony LYT-818 ขนาด 1/1.28 นิ้ว รูรับแสง f/1.7
  • กล้องเทเลโฟโต้ความละเอียด 200 MP พร้อมเซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HP9 ขนาด 1/1.4 นิ้ว ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 85 มม.
  • กล้องอัลตร้าไวด์ 50 MP ใช้เซ็นเซอร์ Sony LYT-818 เช่นเดียวกับกล้องหลัก

กล้องทั้งหมดรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 120 fps สำหรับการถ่ายภาพสโลว์โมชั่น และการบันทึกวิดีโอ 4K ที่ 60 fps รองรับเทคโนโลยี Dolby Vision สำหรับสีสันที่สมจริง ส่วนกล้องหน้าก็มีความละเอียดสูงถึง 50 MP เช่นกัน

เปิดตัว vivo X200 Ultra

เลนส์เสริมที่เปลี่ยนสมาร์ตโฟนให้เป็นกล้องมืออาชีพ

ในโลกของสมาร์ตโฟนปัจจุบัน แม้สเปกเหล่านี้จะน่าประทับใจ แต่ vivo ไม่ได้หยุดแค่นั้น พวกเขาได้นำเสนอเลนส์ซูมเสริมที่ทำหน้าที่เป็นเทเลคอนเวอร์เตอร์ เพิ่มกำลังซูมอีก 2.35 เท่าเมื่อติดตั้งเข้ากับกล้องเทเลโฟโต้ ทำให้ได้ภาพที่มีทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 200 มม. สุดยอดนวัตกรรมที่มาในชุด Photography Set พิเศษ ซึ่งประกอบด้วยเลนส์หลายชิ้น สายคล้อง เคสที่สามารถติดตั้งกับกริปที่มีช่อง USB-C และแบตเตอรี่เสริมขนาด 2,300 mAh

แบตเตอรี่ขนาดใหญ่และการชาร์จที่รวดเร็ว

X200 Ultra ไม่เพียงโดดเด่นด้านกล้องเท่านั้น แต่ยังเป็นสมาร์ตโฟนที่ทันสมัยพร้อม OriginOS บนระบบปฏิบัติการ Android 15 ภายในมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6,000 mAh ที่รองรับการชาร์จแบบสาย 90W และการชาร์จไร้สาย 40W ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างวัน

ราคาและการวางจำหน่าย

vivo X200 Ultra มีให้เลือกในสี ดำ, แดง และมีเวอร์ชันสีขาวพิเศษที่มีดีไซน์เลียนแบบกระเป๋าเดินทาง ราคาเริ่มต้นที่ 6,499 หยวน (ประมาณ 29,500 บาท) สำหรับรุ่น 12/256 GB นอกจากนี้ยังมีรุ่น 16 GB + 1 TB ที่รองรับการสื่อสารผ่านดาวเทียมในราคา 7,999 หยวน (ประมาณ 36,300 บาท)

สำหรับชุด Photography Set ที่มาพร้อมเลนส์เสริมและอุปกรณ์เสริมต่างๆ จะมีจำหน่ายในราคา 9,699 หยวน (ประมาณ 44,000 บาท) อย่างไรก็ตาม คาดว่า vivo จะไม่นำ X200 Ultra ออกจำหน่ายนอกประเทศจีน

การ เปิดตัว ของ X200 Ultra คือการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ vivo ในการผลักดันขีดความสามารถด้านการถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟนให้ก้าวไปอีกขั้น แม้ว่าผู้ใช้ในประเทศไทยอาจไม่ได้สัมผัสประสบการณ์นี้โดยตรง แต่เทคโนโลยีเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะปรากฏในรุ่นระดับโลกในอนาคตอันใกล้

ข้อมูลจาก : GSMArena

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

Online Content Manager with over 10 years of experience working in the news, technology, and telecom industries.