นักวิเคราะห์จาก Bank of America เตือนว่า การย้ายฐานการผลิต iPhone จากจีนมายังสหรัฐอเมริกา อาจทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นสูงถึง 90% แม้จะเป็นไปได้ในทางเทคนิค แต่ก็จะสร้างความท้าทายด้านต้นทุนและโลจิสติกส์อย่างมหาศาล
ทีมนักวิเคราะห์นำโดย Wamsi Mohan ระบุในบันทึกถึงลูกค้าว่า ต้นทุน iPhone อาจเพิ่มขึ้น 25% เพียงแค่จากค่าแรงงานในสหรัฐฯ ที่สูงกว่า และแม้ Apple จะสามารถหาแรงงานในประเทศสำหรับการประกอบขั้นสุดท้ายได้ แต่ชิ้นส่วนสำคัญจำนวนมากของ iPhone ยังคงต้องผลิตในจีนและนำเข้า
หากพิจารณาอัตราภาษีตอบโต้ที่ Apple อาจต้องเผชิญจากการนำเข้าชิ้นส่วนเหล่านี้ ต้นทุนการผลิตรวมอาจเพิ่มขึ้นถึง 90% หรือมากกว่า ตามการประเมินของนักวิเคราะห์
การวิเคราะห์นี้มีขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า การผลิตของ Apple ในจีนนั้น “ไม่ยั่งยืน” ซึ่ง Karoline Leavitt โฆษกทำเนียบขาวเสริมว่า ทรัมป์ “เชื่อมั่นว่า” Apple สามารถผลิต iPhone ในสหรัฐฯ ได้ โดยในการแถลงข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ Leavitt กล่าวว่า ประธานาธิบดีเชื่อว่า “เรามีแรงงาน เรามีกำลังคน เรามีทรัพยากรที่จะทำได้”
นโยบายการค้าเชิงรุกของทรัมป์มุ่งเป้าไปที่จีนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยระงับการเก็บภาษีตอบโต้จาก 185 ประเทศเป็นเวลา 90 วัน แต่เพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 125% ซึ่งจีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 84% กับสินค้าอเมริกัน สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้านี้ยากจะคาดเดาว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด
ล่าสุดวันที่ 10 เมษายน สหรัฐฯเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 20% รวมป็น 145% ส่วนประเทศอื่นๆ ได้มีการเลื่อนออกไปอีก 90 วัน
ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าได้ส่งผลกระทบต่อหุ้น Apple ซึ่งลดลง 14% นับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศนโยบายภาษีเมื่อวันที่ 2 เมษายน ทำให้มูลค่าตลาดหายไปประมาณ 479 พันล้านดอลลาร์ แม้จะฟื้นตัวขึ้น 10% เมื่อเร็วๆ นี้ แต่หุ้น Apple ยังคงลดลง 23% ตั้งแต่ต้นปี
การที่ Apple จะทำให้การประกอบในสหรัฐฯ เป็นไปได้ทางเศรษฐกิจนั้น Mohan แนะนำว่าบริษัทจะต้องได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับชิ้นส่วนและชิ้นส่วนย่อยที่ผลิตนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม เขาไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น
“เว้นแต่จะมีความชัดเจนว่าภาษีใหม่จะถาวรเพียงใด เราไม่คาดว่า Apple จะก้าวไปสู่การย้ายการผลิตเข้ามาในสหรัฐฯ” Mohan กล่าว แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขาคาดการณ์ว่า Apple จะ “ยังคงกระจายห่วงโซ่อุปทาน และเพิ่มการผลิต iPhone ในประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย”
Apple ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแผนรับมือกับสถานการณ์ภาษีในปัจจุบัน Apple จะต้องจ่ายภาษี 125% สำหรับสินค้าทั้งหมดที่มาจากจีนเข้าสู่สหรัฐฯ แต่สามารถนำเข้าอุปกรณ์จากประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย ไต้หวัน และเวียดนาม ในอัตราภาษีที่ต่ำกว่าที่ 10%
ข้อมูลจาก : MacRumors
