Samsung เปิดตัว Galaxy Tab S10 FE และ Galaxy Tab S10 FE+ รุ่นใหม่ล่าสุด เจาะกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการแท็บเล็ตสมรรถนะสูงในราคาที่จับต้องได้ โดยครั้งนี้มาพร้อมหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ และการเชื่อมต่อเข้ากับระบบนิเวศของ Galaxy อย่างไร้รอยต่อ ตอบโจทย์การใช้งานทั้งเพื่อการเรียน การทำงาน และความบันเทิงในชีวิตประจำวัน
หน้าจอใหญ่ คมชัด ยกระดับประสบการณ์การใช้งานแท็บเล็ต
Galaxy Tab S10 FE+ มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ถึง 13.1 นิ้ว ใหญ่กว่ารุ่น FE+ รุ่นก่อนหน้าถึง 12% พร้อมดีไซน์ขอบจอที่บางลง ทำให้มีพื้นที่แสดงผลมากขึ้น ส่งผลให้ประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ เล่นเกม หรือทำงานเป็นไปอย่างเต็มอิ่ม ไม่รู้สึกอึดอัด
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมอัตรารีเฟรช 90Hz ให้ภาพเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล ไม่สะดุด ขณะที่ Galaxy Tab S10 FE มาพร้อมความสว่างสูงสุดถึง 800 nits HBM ทำให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างมาก ด้วยเทคโนโลยี Vision Booster ที่ปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม
นอกจากนี้ หน้าจอยังถูกออกแบบให้ลดการปล่อยแสงสีฟ้า ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาระหว่างการใช้งานเป็นเวลานาน เหมาะสำหรับทั้งการทำงานและการเรียนที่ต้องจ้องหน้าจอติดต่อกันเป็นเวลานาน
ประสิทธิภาพเหนือระดับ พกพาง่ายขึ้น
แท็บเล็ตรุ่นใหม่นี้ได้รับการอัปเกรดชิปเซ็ต Exynos 1580 ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้การทำงานแบบ Multi-task เป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ใช้สามารถสลับระหว่างแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีอาการกระตุก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
ที่น่าสนใจคือ Galaxy Tab S10 FE Series รุ่นใหม่มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 4% แต่ยังคงความแข็งแรงทนทาน ด้วยดีไซน์สุดบางเฉียบทำให้พกพาได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะไปที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นในมหาวิทยาลัย ที่ทำงาน หรือในระหว่างการเดินทาง
นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรองมาตรฐานกันน้ำ IP68 เช่นเดียวกับ Galaxy Tab S10 รุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้สามารถใช้งานได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายจากการสัมผัสน้ำหรือฝุ่น
ปลดล็อกศักยภาพด้วย Galaxy AI
Galaxy Tab S10 FE Series เป็นรุ่นแรกในซีรีส์ FE ที่มาพร้อมความสามารถ AI อัจฉริยะติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานตั้งแต่แกะกล่อง โดยมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่:
Circle to Search ฟีเจอร์ที่พัฒนาร่วมกับ Google ช่วยให้การค้นหาข้อมูลเป็นเรื่องง่าย เพียงวาดวงกลมรอบสิ่งที่ต้องการค้นหาบนหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือวัตถุต่างๆ โดยไม่ต้องออกจากแอปที่กำลังใช้งานอยู่
Samsung Notes มาพร้อมฟีเจอร์ Solve Math ที่ช่วยคำนวณโจทย์คณิตศาสตร์ได้อย่างรวดเร็ว และ Handwriting Help ที่ช่วยจัดระเบียบการจดโน้ตลายมือให้เป็นระเบียบมากขึ้น ทำให้การทำงานและการเรียนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์ปรับแต่งภาพอัจฉริยะอย่าง Object Eraser ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถลบสิ่งของหรือจุดที่ไม่ต้องการออกจากภาพถ่ายได้อย่างง่ายดาย พร้อมฟีเจอร์ Remaster ที่ช่วยปรับแต่งภาพให้ดูดีขึ้นโดยอัตโนมัติ
เพิ่มความสมบูรณ์แบบให้ภาพถ่ายกลุ่มด้วย Best Face ที่ช่วยให้คุณเลือกภาพใบหน้าในช่วงเวลาที่ดีที่สุดได้ด้วยตัวเอง และ Auto Trim ที่ช่วยตัดต่อวิดีโอหลายคลิปให้เหลือเฉพาะช่วงไฮไลต์ที่สำคัญ
แอปพลิเคชันสร้างสรรค์ครบครัน
Galaxy Tab S10 FE Series มาพร้อมกับแอปพลิเคชันสร้างสรรค์ที่ติดตั้งมาในเครื่อง เช่น LumaFusion สำหรับตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ Goodnotes สำหรับการจดบันทึก Clip Studio Paint สำหรับวาดภาพดิจิทัล และแอปที่น่าสนใจอื่นๆ อย่าง Noteshelf 3, Sketchbook และ Picsart
นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบนิเวศของ Samsung Galaxy อื่นๆ ได้อย่างราบรื่น ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลภาพรวมสถานะภายในบ้านผ่านวิดเจ็ต Home Insight และฟีเจอร์ 3D Map View สำหรับการอัปเดตสถานะของอุปกรณ์ SmartThings ต่างๆ
ระบบรักษาความปลอดภัยระดับแนวหน้า
Galaxy Tab S10 FE Series มาพร้อมระบบความปลอดภัย Samsung Knox แพลตฟอร์มความปลอดภัยที่มีการป้องกันหลายชั้น สร้างขึ้นเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญและป้องกันช่องโหว่ ด้วยการป้องกันตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์ พร้อมระบบตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์
พร้อมให้สัมผัสประสบการณ์เร็วๆ นี้
Galaxy Tab S10 FE และ Galaxy Tab S10 FE+ จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 3 เมษายน 2025 ในบางประเทศ โดยมีให้เลือกสองสี ได้แก่ สีเทา (Gray) และสีฟ้า (Blue) ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในประเทศไทยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
Galaxy Tab S10 FE Series รุ่นใหม่ ยกระดับประสบการณ์การใช้งานแท็บเล็ตด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ ฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ และการทำงานที่รวดเร็ว ในดีไซน์ที่บางเบาและพกพาสะดวก เหมาะสำหรับทั้งการทำงาน การเรียน และความบันเทิง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ในยุคดิจิทัลที่ต้องการอุปกรณ์อเนกประสงค์ที่มีประสิทธิภาพสูง
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ ช่องทางโซเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
